ข่าวปนคน คนปนข่าว
**คุ้มครับพี่น้องงงง...เมื่อเจ้าของรีวิวเอง “น้าแอ๊ด” ถือแก้ว “เบียร์คาราบาว” ถึงโดนปรับฐานโฆษณา?! ..ก็แค่จิ๊บๆ!
ค่าย “คาราบาวกรุ๊ป” เจ้าของเครื่องดื่มชูกำลัง “คาราบาวแดง” ที่มี“น้าแอ๊ด” หรือ “แอ๊ด คาราบาว” ยืนยง โอภากุล นักร้องวงดนตรีเพื่อชีวิต “คาราบาว” ถือหุ้น เพิ่งจะเปิดตัวเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือ เบียร์ รวดเดียวสองแบรนด์ คือ “คาราบาว เบียร์” และ“ตะวันแดง เบียร์”
ฟังว่า งานนี้คาราบาวกรุ๊ป ลงทุนไปกว่า 4 พันล้าน เพื่อเข็น “ควาย” เข้าไปชนกับ “ช้าง” และ “สิงห์” เจ้าตลาดเดิม 2 รายใหญ่ ขอแชร์ตลาดจากมูลค่าตลาดรวมเบียร์ในไทยที่มีมูลค่ามากกว่า 2.6 แสนล้านบาท ให้ระบือลือลั่นกันไป
เบียร์คาราบาว “เบียร์น้องใหม่” จะแรงแค่ไหน ? นี่เป็นเรื่องที่น่าสนใจติดตามชม เพราะ ตลาดเบียร์แต่ละปีเติบโต 5-6% ถือว่า โหด-หิน เอาเรื่อง ขนาดสิงห์ฟัดช้าง ช้างฟัดสิงห์ ก็เล่นเอาหญ้าแพรกแหลกราญ ยี่ห้ออื่นๆ ต้องหลบ วัดกันที่ยอดขาย สองขาใหญ่ช้างและสิงห์ ก็ครอบครองตลาดปาเข้าไปมากกว่า 80-90%
แต่ทั้งชื่อและโลโก้ “เขาควาย” สัญลักษณ์ของวงคาราบาว และ “ตะวันแดง” นั้นย่อมติดหูติดตาแฟนๆ ตั้งแต่ออกสตาร์ท แถมได้ผลพวง “โกอินเตอร์” จากการควักเงินลงทุนเป็นสปอนเซอร์การแข่งขันฟุตบอลถ้วยของอังกฤษ “คาราบาวคัพ”ทำให้ ชื่อชั้นของ คาราบาว และ น้าแอ๊ด ไม่ธรรมดา
การจะแหวกเจ้าตลาดเดิมเข้าชิงชัยส่วนแบ่ง จึงไม่ได้เริ่มจากศูนย์ กระนั้นก็ดี คาราบาวเบียร์ และ ตะวันแดงเบียร์ ก็จำเป็นต้องพึ่งพา “น้าแอ๊ด คาราบาว” เป็นพรีเซนเตอร์เหมือนที่เคยใช้กับเครื่องดื่มชูกำลังคาราบาวแดง ในช่วงแรกๆ เพื่อตอกย้ำความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับ “คาราบาว” ที่มีน้าแอ๊ด เป็นสัญลักษณ์ ถึก ควาย ทุย ยังไงยังงั้น
มนต์เพลงคาราบาว กับ มนต์เบียร์คาราบาว จึงมาบรรจบพบกันลงตัวที่ภาพ “น้าแอ๊ด” ถือแก้วเบียร์ออกสื่อ! เมื่อช่วงปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
บังเอิ๊ญ บังเอิญ โพสต์นี้ของ “แอ๊ด คาราบาว” ไปเข้าตา “นักร้อง” และ ทนายความอย่าง “รัชพล ศิริสาคร” เข้าอย่างจัง
ว่าแล้วก็จัดแจงบุกไปที่สำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กระทรวงสาธารณสุข นนทบุรี เพื่อร้องเรียนกรณีนี้ โดยชี้เป้าว่า “น้าแอ๊ด” โฆษณาเบียร์ใหม่ของคาราบาว เข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ฯ มีโทษสูงสุด คุก 1 ปี ปรับ 5 แสน
ส่วนสาเหตุที่แจ้งความช้า “ทนายรัชพล” ระบุว่า ตอนแรกความผิดยังไม่ชัดเจน เพราะเครื่องดื่มยังไม่ออกจำหน่ายเพิ่งวางขายเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว จะได้ชัดเจนว่า การที่โฆษณาเมื่อวันก่อนส่งผลให้กระตุ้นยอดขายในวันนี้ จึงเดินทางเข้าแจ้งความในวันนี้ ซึ่งจากที่ “น้าแอ๊ด คาราบาว” โพสต์รูปภาพถือแก้วเบียร์นี้ขึ้นมาโดยไม่ได้เบลอรูปเมื่อปลายเดือนตุลาฯ แต่คาดว่า วันนี้ลบไปแล้ว ตัวเองได้เห็นจากเพจของช่อง 3 จึงเข้าแจ้งความเพื่อให้เป็นกรณีตัวอย่าง
งานนี้ชาวเน็ตเข้ามาแสดงความเห็นต่างๆ นานา กระนั้น ไม่ว่า “น้าแอ๊ด” จะโดนจับปรับโทษฐานโฆษณาเครื่องดื่มมึนเมาครั้งนี้ บรรดากูรูการตลาดทั้งหลายก็หยิบธงลงมาฟันว่า แอ็กชั่นนี้ แอ๊ด คาราบาว ได้มากกว่าเสีย เมื่อเทียบผลที่จะได้จากข่าว “งานเข้า” เจ้าของมาเอง กับเงินค่าปรับที่ต้องจ่ายไปจิ๊บๆ เพราะได้โปรโมตและตอกย้ำไปเต็มๆ เบียร์คาราบาว ก็คือ “น้าแอ๊ด” น้าแอ๊ดก็คือเบียร์คาราบาว ซึ่ง คาราบาว รับประกัน
เรียกว่า... “คุ้มครับพี่น้อง”!
** “ไหม ศิริกัญญา” นางแบกก้าวไกล ผวายุบพรรค ถูกตัดสิทธิ์การเมือง จากปัญหา 112
เพราะปัญหา “คุกคามทางเพศ” ที่มาแบบรัวๆ ทำให้ภาพลักษณ์ของบรรดาส.ส.ชายพรรคก้าวไกล ขาดความน่าเชื่อถือไปไม่น้อย
ส.ส.หญิง อย่าง “ไหม” ศิริกัญญา ตันสกุล จึงต้องรับบท “นางแบก” ของพรรค ต้องออกหน้ามาให้ข่าว ชนกับฝ่ายรัฐบาล แบบรัวๆเหมือนกัน
ด้วยดีกรีที่เป็นถึงรองหัวหน้าพรรค และหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ อีกทั้งยังเป็นคู่แคนดิเดต กับ “ต๋อม” ชัยธวัช ตุลาธน ในการชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรค ช่วงที่ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ลาออก ซึ่งท้ายที่สุด ตำแหน่งหัวหน้าพรรค ตกเป็นของ “ ต๋อม ชัยธวัช”
สถานะและบทบาทของ “ไหม ศิริกัญญา” ในพรรค นับว่าโดดเด่น ไม่ธรรมดา
ล่าสุด หลังจาก “นายกฯนิด” เศรษฐา ทวีสิน ออกมาแถลงความชัดเจนของนโยบายแจกเงิน “ดิจิทัล วอลเล็ต” หนึ่งหมื่นบาท ว่าจะแจกผู้ที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป มีเงินเดือนไม่เกิน 7 หมื่นบาท และมีเงินฝากไม่เกิน 5 แสนบาท ใช้เงินในโครงการนี้ 5 แสนล้านบาท โดยที่มาของเงินมาจากการกู้ โดยออกเป็น พ.ร.บ.กู้เงิน ซึ่งต้องผ่านความเห็นชอบของสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา
คล้อยหลังจากที่ “นายกฯนิด”แถลงข่าว “ไหม ศิริกัญญา” ก็ออกมาให้สัมภาษณ์ โดยเน้นไปที่ แหล่งที่มาของเงินว่า รัฐบาลเลือกเส้นทางที่ยากที่สุด คือ การออกพ.ร.บ.เงินกู้ 5 แสนล้านบาท เพื่อระดมทุนมาแจกในโครงการนี้ ซึ่งสุ่มเสี่ยงต่อการผิดกฎหมาย โดยเฉพาะ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง มาตรา 53 ที่ระบุว่า หากใช้เงินที่ไม่ได้เป็นไปตามงบประมาณปกติ จะทำได้เฉพาะกรณีมีความจำเป็นเร่งด่วนเท่านั้น
แต่นี่ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนอะไร และเชื่อว่าจะมีนักร้อง ร้องไปยังองค์กรอิสระ ศาลรัฐธรรมนูญ แล้วก็จะถูกตีความว่าทำไม่ได้ หรือเรื่องนี้อาจจะจบแค่ชั้นกฤษฎีกาก็ได้ ซึ่งเงื่อนไขต่างๆที่ประกาศมานั้น ก็เท่ากับว่ารัฐบาลกำลังหาทางลง เพราะรู้ว่าทำไม่ได้
เจอ “ศิริกัญญา” แฉโพยออกมาอย่างนี้ “นายกฯนิด” เศรษฐา ทวีสิน ก็ออกมาโต้กลับทันที บอกว่าอย่าเอาความคิดตัวเอง ไปวัดคนอื่นว่าจะเหมือนกัน รัฐบาลมีความตั้งใจบริสุทธิ์ หวังยกระดับความเป็นอยู่ประชาชน อย่ามองแต่มุมการเมือง จนสร้างความสับสนให้กับประชาชน
ตามมาด้วย “อดิศร เพียงเกษ” หมอแคนจากขอนแก่น ประธานวิปรัฐบาล ออกมาท้าว่า ถ้ารัฐบาลทำได้ “ไหม” จะไปบวชชีไหมจ๊ะ
รวมทั้ง “เสี่ยอ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ ก็ขุดเรื่องเก่าเอามาแฉว่า ในช่วงที่พรรคเพื่อไทย กับพรรคก้าวไกล ร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลนั้น “ไหม ศิริกัญญา” ก็ขอให้เราทำโครงการนี้ เพียงแต่ให้ปรับลดเพดานเงินลง ดังนั้นอย่ามาดิสเครดิตกันในตอนนี้ เพราะไม่มีประโยชน์อะไร ประชาชนก็ไม่ได้ประโยชน์ด้วย
ประเด็นนี้ “ไหม” สวนกลับว่า ไม่เคยขอให้เพื่อไทยทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ต แต่เมื่อจะร่วมรัฐบาลกัน ในการร่วมประชุมเพื่อวางแผน งบปี 67 อยากให้งบครอบคลุมโครงการของพรรคร่วม และเห็นว่านโยบายนี้เป็นนโยบายเรือธงที่พรรคเพื่อไทยใช้หาเสียง จึงเสนอว่า หากจะทำก็ได้ แต่งบประมาณไม่พอ ถ้าจะทำจริงต้องปรับลดงบลงมา ก็เท่านั้นเอง ไปดูรายงานการประชุมได้
นั่นเป็นการปะทะคารมกันแค่พอหอมปากหอมคอ แต่พรรคก้าวไกล มีเรื่องใหญ่ที่ต้องลุ้นระทึกในวันที่ 15 พ.ย.นี้... โดยศาลรัฐธรรมนูญ จะมีคำพิพากษาตัดสินคดีที่เกี่ยวข้องกับพรรคก้าวไกล 2 คดี คือ 1. คดีถือหุ้นไอทีวี ของ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล และ 2. คดีพรรคก้าวไกลหาเสียงด้วยการจะแก้ไข มาตรา 112
บรรดากูรู ประเมินว่า กรณีถือหุ้นไอทีวีนั้น “พิธา” มีโอกาสรอด แต่คดี112 นั้นรอดยาก และอาจนำไปสู่การยุบพรรคก้าวไกล เพราะการเอามาตรา112 มาเป็นนโยบายหาเสียง ผ่านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ สามารถตีความได้ว่า “เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง”
เรื่องนี้ “ไหม ศิริกัญญา” ยอมรับว่า ลุ้นมาก และขอให้แคล้วคลาดปลอดภัยเพราะ เราเจอมาเยอะ เกี่ยวกับการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ เราไม่อยากที่จะต้องมาเจออะไรแบบนี้อีก หากมีการยุบพรรคจริง ตัวเธอก็อาจจะต้องถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองไปด้วย เนื่องจากเป็นผู้ที่ลงนามสนับสนุนนโยบายนี้
ที่สำคัญคือ หากถูกยุบพรรคครั้งนี้ ก็คงคล้ายผึ้งแตกรัง ต้องกระจัดกระจายกันไปคนละทิศละทาง ไปหาพรรคการเมืองสังกัด โอกาสที่จะเกาะกันไปเป็นกลุ่มเป็นก้อนเหมือนตอนที่พรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ แล้วไปรวมตัวกันที่พรรคก้าวไกลนั้น คงเป็นไปได้ยาก
เพราะระยะหลังมานี้ พรรคก้าวไกล ขาดความเป็นเอกภาพอย่างเห็นได้ชัด