ข่าวปนคน คนปนข่าว
**เมา หรือ ไม่เมา หรือ ไม่เมาจะให้เมาให้ได้ ?? ดรามา "ว่าน-ธนกฤต" ควรจบที่ตรวจวัดแอลกอฮอล์ทันที!
กลายเป็นประเด็นดรามาร้อน ถกเถียงกันวุ่นวายบนโลกโซเชียลฯ หลัง "ว่าน-ธนกฤต พานิชวิทย์" นักร้องหนุ่มขับรถชนรถเก็บขยะ เมื่อช่วง 04.00 น. ของวันที่ 7 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งมีพนักงานเก็บขยะได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุครั้งนี้
ว่ากันตามความเคลื่อนไหวที่เห็น "ว่าน AF" มีพยานยืนยันโดยเฉพาะพนักงานเก็บขยะในที่เกิดเหตุบอกว่า นักร้องหนุ่มลงจากรถมาถามไถ่และขอโทษคนเจ็บ ไม่มีอาการมึนเมา หรือ ได้กลิ่นสุรา พร้อมยืนยันยินดีรับผิดชอบความเสียหาย และค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดของผู้บาดเจ็บ
ขณะที่เจ้าตัวอธิบายถึงอุบัติเหตุว่าเป็นเพราะโหมงานหนักจน เผลอวูบ!!
แต่ชาวเน็ตตั้งข้อสังเกต และงัดคลิปช่วงก่อนหน้านั้น ว่านได้ไลฟ์สด อยู่กับกลุ่มเพื่อนศิลปิน และเห็นว่านักร้องหนุ่ม"ยกแก้วน้ำดื่ม" เป็นระยะ ซึ่งเป็นแก้วใส่น้ำอะไร? พร้อมทั้งเหตุใดเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงไม่ได้ให้ "ว่าน" วัดปริมาณแอลกอฮอล์ ในที่เกิดเหตุทันที ?
นี่เป็นที่มาของดรามา ตกลงว่า “ว่านAF” เมา หรือ ไม่เมา ขนาดที่ FC ของว่าน ก็ออกมาสวน นักร้องหนุ่มวางตัวดีมาตลอด ไม่เชื่อว่าจะเมาแล้วขับ เขาไม่เมา ก็จะให้เมาให้ได้ ?!
ในที่สุดร้อนถึง "ผู้กำกับนนท์"
“พ.ต.อ.จาตุรนต์ อนุรักษ์บัณฑิต” ผกก.สภ.เมืองนนทบุรี ออกโรงแจงว่า ที่ตำรวจไม่ได้ตรวจวัดแอลกอฮอล์หลังเกิดเหตุทันที เพราะขณะนั้นผู้บาดเจ็บและตัวของผู้ก่อเหตุ ถูกส่งไปรักษาตัวคนละที่กัน เจ้าหน้าที่เลือกเดินทางไปหาผู้บาดเจ็บก่อน ส่วนว่าน บาดเจ็บเพียงเล็กน้อย และขอกลับไปพักผ่อนก่อนจึงไม่เจอตัว
ตำรวจยืนยันว่าได้ทำหนังสือส่งตัวนักร้องหนุ่มไปตรวจวัดแอลกอฮอล์และสารเสพติดในร่างกายแล้ว ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ทำตามขั้นตอนของกรอบกฎหมาย และให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย
แต่...งานนี้ก็ยังไม่เคลียร์ และมีดรามาตามมา เมื่อ "นพ.แท้จริง ศิริพานิช" เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ กล่าวถึงกรณีนี้ จะเมา หรือไม่เมา ต้องมีการตรวจระดับปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดในที่เกิดเหตุทันที
เพราะ นี่คือประเด็นของการเกิดอุบัติเหตุ ที่ต้องได้มีการปรับแก้ให้เป็นกฎหมาย ที่ผ่านมาเรื่องนี้ถูกปล่อยให้เป็นเรื่องดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะเป่าวัดระดับแอลกอฮอล์ หรือ ไม่เป่าก็ได้
เพราะ ตามปกติระดับปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดจะค่อยๆลดลง ทุก 1 ชม. 15 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ และ ค่อยๆลดไปเรื่อย
หมอคนดัง บอกอีกว่า เรื่องนี้จะไม่ปล่อยผ่าน เตรียมทำหนังสือถึงนายกฯ เรียกร้อง 3 ข้อ ว่า...
ทุกครั้งของการเกิดอุบัติเหตุต้องมีการตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ในเลือด มิเช่นนั้นเจ้าหน้าที่ ถือว่ามีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
หากเกิดอุบัติเหตุและมีผู้เสียชีวิต จะต้องได้รับโทษจำคุก 11-15 ปี จากเดิมจำคุก 3-10 ปี
สถานบริการต้องมีส่วนรับผิดชอบด้วย หากปล่อยให้ผู้มารับบริการดื่มภายในร้าน เมาแล้วขับ เพราะถือว่ามีความผิด
จากอุบัติเหตุนักร้องคนดังครั้งนี้ “นพ.แท้จริง” ยังมองสะท้อนออกไปถึงในอนาคต ที่จะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการขยายเวลาปิดสถานบันเทิง ซึ่งหากรัฐบาลจะทำจริง ก็ควรจะดำเนินการตามมาตรการ 3 ข้อนี้ ที่ได้เรียกร้องไป เพื่อป้องปรามการเกิดอุบัติเหตุ
นี่ก็ต้องติดตามกันต่อไปว่าดรามาและเสียงสะท้อนของคนที่ต่อสู้ในเรื่อง "เมาแล้วขับ" จะไปจบลงที่ตรงไหน !.
**ไม่มีพรรคไหนกล้ารับ “2 สส.หื่น” แต่ทำไม “พี่เต้” จึงเปิดประตูพรรคไทยศรีวิไลย์ ไว้รอ
หลังจากพรรคก้าวไกลมีมติขับ 2 สส. ออกจากพรรค ด้วยปัญหาคุกคามทางเพศ ซึ่งทั้งสองจะต้องหาพรรคสังกัดใหม่ภายใน 30 วัน จะเป็นพรรคการเมืองที่มีสส.อยู่แล้ว หรือไม่มีสส. ก็ได้ แต่ถ้าไม่มีพรรคไหนรับ ก็ต้องพ้นสภาพการเป็นสส. ทางกกต. ต้องจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่
“แจ้” วุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี ถูกขับเมื่อวันที่ 1พ.ย. จึงต้องหาพรรคใหม่สังกัดก่อน 1 ธ.ค.นี้
ส่วน “ปูอัด” ไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.กทม.ถูกขับเมื่อวันที่ 7 พ.ย.ก็ต้องหาพรรคใหม่สังกัดก่อน 7 ธ.ค.
แต่ทั้งคู่ถูกตีตราที่หน้าผากว่าเป็น “ส.ส.หื่น” สังคมประณามไปทั่วบ้านทั่วเมือง แล้วพรรคไหนจะกล้ารับ มองมุมไหนก็ได้ไม่คุ้มเสีย !!
พรรคทางฝั่งรัฐบาล ก็ไม่ได้อยู่ในสภาพที่ต้องการเสียงไว้ต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรี ในซีกฝ่ายค้านอย่างพรรคประชาธิปัตย์ ก็ส่งสัญญาณออกมาแล้วว่า “ไม่ต้อนรับ”
ส่วนพรรคเป็นธรรม ที่มี “ปิติพงศ์ เต็มเจริญ” เป็นหัวหน้าพรรค ซึ่ง“หมออ๋อง” ปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภา คนที่ 1 ไปสิงสถิตก่อนหน้าแล้ว ก็ไม่มีทีท่าว่าจะต้อนรับเช่นกัน
เพราะกรณีของ “2 สส.” ต่างจาก “หมออ๋อง” หากรับไว้ ไม่เพียงจะพาให้พรรคแปดเปื้อนคาวกามไปด้วยแล้ว ยังอาจมีปัญหาเกี่ยวกับข้อกฎหมาย ที่ลามไปสู่การยุบพรรคได้ เพราะตอนนี้ “พี่ศรี”ศรีสุวรรณ จรรยา ได้ไปร้องต่อคณะกรรมการป.ป.ช. ขอให้ ไต่สวนเอาผิดทั้งสองคนว่า ทำผิดมาตรฐานจริยธรรมฯ ที่โทษความผิด ถึงขั้นโดนประหารชีวิตทางการเมือง หากป.ป.ช.ชี้มูลและส่งเรื่องไปที่ศาลฎีกาฯ แล้วศาลเห็นว่าทำผิดจริง
แถม “พี่ศรี”ยังสำทับว่า หากพรรคการเมืองใดรับทั้งสองคน เข้าเป็นสมาชิก จะถูกร้องเรียนให้ยุบพรรคได้ เพราะอาจขัดต่อข้อบังคับพรรค และขัดต่อ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560
กระนั้นก็ยังมีคนที่ไม่กลัว เพราะมีนิสัยเห็น“แสง”ไม่ได้ เป็นต้องโดดเข้าใส่... เขาคนนั้นก็คือ “เต้” มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ อดีตหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ที่ออกมาประกาศว่า ยินดีต้อนรับ “2 สส.” เข้าพรรค พร้อมแจงเหตุผลเป็นฉากๆว่า
ถ้าทั้งสส.ทั้งสองหาพรรคสังกัดไม่ได้ ไม่มีพรรคใดรับ ก็จะต้องสิ้นสภาพสส. เดือดร้อนกกต.ต้องจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ ซึ่งต้องใช้งบฯราว 10 ล้านบาทต่อเขต สิ้นเปลืองงบประมาณเปล่าๆ
ส่วนข้อกล่าวหาที่ว่า “คุกคามทางเพศ” นั้น ก็ไม่ใช่การข่มขืนกระทำชำเรา เพียงแค่การแทะโลมให้รำคาญใจ ผู้เสียหายก็ไม่ได้แจ้งความดำเนินคดี หรือหากดำเนินคดี ก็จะเข้าข่ายประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 397 ซึ่งมีโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาทเท่านั้น
“เท่าที่ผมประเมินแล้วและดูจากเอกสารต่างๆ ผมมองว่าจุดนี้จะเป็นการผิดจริยธรรม แต่ไม่ร้ายแรง สมมติว่าผู้หญิง-ผู้ชาย ถ้าผู้หญิงมาจีบผู้ชาย ผู้ชายจะไม่ส่งคลิปลับ มีแต่ผู้หญิงส่งมาให้ดู ผมเคยโดนแบบนี้เยอะ หมายความว่า มีผู้หญิงมาจีบ เขาเรียกว่า ให้ท่า แต่ถ้าเราไม่เล่นด้วย เขาก็จะหน้าม้านไป การทำงานก็จะมีปัญหา แต่ถ้าต่างคนต่างเล่นด้วย ก็เป็นกิ๊ก-เป็นแฟนกันไป แต่อันนี้มันเหมือนองุ่นเปรี้ยว พอไม่ได้ก็จะหาวิธี ทำอย่างไรก็ได้ ให้เราอยู่ต่อ คือผู้ชายบางที จะไปเข้าข้างผู้หญิงก็ไม่ถูกต้อง เพราะสิทธิมันเท่าเทียมกัน”
นี่คือตรรก ของ “เต้” ต่อเรื่องนี้ ที่เห็นว่าเป็นเรื่องพื้นๆ เหมือน “หมาหยอกไก่” และเป็นเหตุผลที่ “เต้” ได้ออกมาบอกกับสังคมว่าทำไมจึงพร้อมจะรับ สส.ทั้งสองคนเข้าพรรค
แต่ต้องไม่ลืมว่า เลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา พรรคไทยศรีวิไลย์ ไม่มี สส.แม้แต่คนเดียว สอบตกหมดรวมทั้ง “เต้” ด้วย หากสส.ทั้งสอง เข้าตาจน หาพรรคสังกัดไม่ได้จนต้องมาใช้บริการของ “เต้” ก็จะทำให้พรรคไทยศรีวิไลย์ มีสส.ในสภาทันที
ผลที่จะตามมาคือ ทางรัฐสภา จะต้องจัดห้องให้พรรคไทยศรีวิไลย์ มีโควตากรรมาธิการคณะต่างๆ ตามมา ซึ่งคนที่จะไปนั่งเป็นกรรมาธิการในโควตาของพรรค ไม่จำเป็นต้องเป็น สส. ซึ่ง“เต้” ก็จะใช้โอกาสตรงนี้ ให้ตัวเองได้มีตัวตนในทางการเมืองต่อไป
เรื่องเสียชื่อเสียง เสี่ยงยุบพรรค ถูกค่อนแคะ ด้อยค่า ทัวร์ลง คนอย่าง “เต้” ไม่สนอยู่แล้ว ถ้าแลกกับการได้มาซึ่งที่สิงสถิต และมีเวทีการเมืองให้โลดแล่น