ข่าวปนคน คนปนข่าว
**จาก“พลเอก” ถึง “พลตรี” ชีวิตและผลงานของ หม่อมเจ้าจุลเจิม ยุคล
มี ราชกิจจานุเบกษา ประกาศเมื่อวันที่ 8 พ.ย.66 พระราชทานปรับลดชั้นยศนายทหารสัญญาบัตรของ “หม่อมเจ้าจุลเจิม ยุคล” จาก “พลเอก” เป็น “พลตรี”
วันรุ่งขึ้น เฟซบุ๊ก “จุลเจิม ยุคล” ของ “ท่านชายใหม่” ก็ได้โพสต์ร้อยกรอง “โคลงราชสวัสดิ์” ที่มีเนื้อหาเป็นการสอนหลักปฏิบัติ 10 ประการ ของผู้ที่จะรับใช้ใกล้ชิดพระมหากษัตริย์ สอนทั้งหลักปฏิบัติในการเป็นข้าราชการ และสามารถนำมาเป็นหลักปฏิบัติให้ตนเป็นคนดี เปรียบเสมือน “ประมวลจริยธรรม”ในการปฏิบัติราชการ และเพื่อให้ดำเนินชีวิตด้วยดีในสังคม โดยทั้งสิบข้อ มีความหมายดังนี้
ข้อแรก คือ เมื่อมีวิชาอย่างไรต้องกราบบังคมทูลให้พระเจ้าแผ่นดินทราบ
ข้อสอง ให้ทำงานถวายโดยกล้าหาญมุ่งมั่นจนกว่าจะสำเร็จ
ข้อสาม หากเป็นราชกิจใดก็ตาม ให้ศึกษาและคิดไตร่ตรองให้รอบคอบที่สุดโดยไม่ประมาท
ข้อสี่ ให้มีจริยธรรมรักษาศีลให้มั่นคง
ข้อห้า ให้สงบเสงี่ยมเจียมตัว ไม่เย่อหยิ่ง ไม่ฟุ้งเฟ้อ หลงลืมตัว
ข้อหก การอยู่ใกล้ชิดติดพระองค์ต้องไม่ตีตนเสมอ ต้องไม่ทำตัวเทียมเท่า โดยหลงคิดผิดไปว่าตัวเองได้รับพระกรุณาจะทำอะไรก็ได้
ข้อเจ็ด ไม่ไปนั่งพระเก้าอี้ พระโธรน พระราชอาสน์ ซึ่งเป็นของสูงยิ่ง จะเป็นอัปมงคล
ข้อแปด ให้หมั่นสังเกตพระราชกิจและพระราชนิยม รู้จังหวะ รู้ระยะที่เหมาะสม
ข้อเก้า ไม่เล่นหัว ไม่ให้มีเรื่องชู้สาวกับนางในหรือผู้หญิงในวัง ให้เว้นระยะให้เหมาะสม
ข้อสิบ ซื่อสัตย์ จงรักภักดี อดทนแม้ว่าจะทรงกริ้วหรือทรงโกรธ
โพสต์ดังกล่าว เป็นเหมือนแถลงการณ์กลายๆของ “หม่อมเจ้าจุลเจิม” ว่า ถึงจะถูกพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงปรับลดชั้นยศ ตัวเองก็จะยังคงซื่อสัตย์ จงรักภักดี
หม่อมเจ้าจุลเจิม ยุคล ได้รับพระราชทานเลื่อนชั้นยศเป็นกรณีพิเศษ จาก “พลตรี” ขึ้นมาเป็น “พลเอก” เมื่อวันที่ 4 พ.ย.63
ครั้งนั้น ม.จ.จุลเจิม โพสต์ข้อความว่า "นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณล้นพ้นหาที่สุดมิได้ ข้าพระพุทธเจ้าขอถวายสัตย์ปฏิญาณว่าจักถวายความจงรักภักดีเป็นราชพลีจนกว่าชีวิตหาไม่ จักปกป้องและผดุงพระบรมเดชานุภาพ ในฐานะนายทหารราชองครักษ์พิเศษ จักเทิดทูนและปกป้องพระบรมราชจักรีวงศ์ ให้สถิตเสถียรสถาพรชั่วกาลนาน จักสนองพระเดชพระคุณ ให้สมกับได้รับความไว้วางพระราชหฤทัย"
ย้อนไปในปี 2562 “หม่อมเจ้าจุลเจิม ยุคล” ได้ทรงปฏิบัติหน้าที่สำคัญ ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยถวายน้ำเทพมนตร์ด้วยพระเต้านวเคราะห์ รัชกาลที่ 4 ทรงวักน้ำจากพระเต้านวเคราะห์ รัชกาลที่ 4 และทรงแตะที่พระนลาฏ (หน้าผาก)
ในช่วงที่ “ม็อบสามนิ้ว”เคลื่อนไหวกันหนัก “พล.อ.หม่อมเจ้าจุลเจิม ยุคล” ทรงมีบทบาทเป็นหัวหอกต่อต้านแนวคิดกระด้างกระเดื่องต่อสถาบัน โดยใช้เฟซบุ๊กส่วนตัว “จุลเจิม ยุคล” เป็นช่องทางสื่อสาร ยืนหยัดแบบไม่กลัวทัวร์ลง จนกลายเป็นหนึ่งในใจของบรรดาคนรักสถาบัน
สำหรับพระประวัติด้านการทรงงานของ “หม่อมเจ้าจุลเจิม ยุคล” ทรงเริ่มรับราชการทหาร ยศร้อยตรี ที่ศูนย์สงครามพิเศษ หน่วยกองรบที่ 1 ค่ายวชิราลงกรณ์ จ.ลพบุรี ทรงเป็นนายทหารประจำส่วนพระองค์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมกุฎราชกุมาร กองทหารมหาดเล็ก ทรงเป็นราชองครักษ์พิเศษรักษาพระองค์ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์
ปัจจุบัน ทรงเป็นนายทหารพิเศษ ประจำกรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภ รักษาพระองค์ กองบัญชาการทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัย รักษาพระองค์ สนองพระเดชพระคุณเป็นราชองครักษ์พิเศษ ในพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10
ในโลกโซเชียลฯ มีผู้ติดตาม เป็นแฟนคลับ “ท่านชายใหม่” จำนวนมาก เพราะนอกจากจุดยืนที่ชัดเจนในการปกป้องสถาบันแล้ว ท่านยังมักมีข่าววงในมาเผยแพร่ให้ผู้ติดตามได้รู้ก่อน
อย่างเมื่อเดือนส.ค.ปีนี้ ท่านก็ทรงโพสต์แสดงความยินดีล่วงหน้ากับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ว่าจะได้เป็นผบ.ตร. คนใหม่ ทั้งที่ตอนนั้น การสรรหา ผบ.ตร. ก็ยังไม่รู้หัวรู้ก้อย
อย่างไรก็ตาม เฟซบุ๊ก “จุลเจิม ยุคล” เคยพลาดอย่างแรง เมื่อท่านทรงเข้าใจผิดนักวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย ระดับดาราของทีม อย่าง “เพียว” อัจฉราพร คงยศ ที่ชูสาวนิ้วในสนามแข่ง
กว่าจะรู้ว่า นั่นเป็นการส่งซิกกันภายในทีม ไม่ใช่การชูสามนิ้วต้านสถาบัน ก็โดนทัวร์ลงยับ จนท่านชายใหม่ ต้องทรงลบโพสต์ดังกล่าว และโพสต์ขอโทษต่อ “น้องเพียว”
เฟซบุ๊ก “จุลเจิม ยุคล” เป็นข่าวฮือฮาอีกครั้ง เมื่อปลายเดือนก.ย.ที่ผ่านมา เมื่อท่านโพสต์ภาพจอดำ โดยไม่มีคำอธิบายใดๆ เล่นเอาผู้คนแตกตื่นไปทั้งเมือง นึกว่าเกิดข่าวการสูญเสียบุคคลสำคัญ
ร้อนถึง IG “Yingmann” หรือ หม่อมราชวงศ์แม้นนฤมาส สวัสดิ์-ชูโต หรือ “คุณหญิงแม้น” ธิดาของท่านชายใหม่ ต้องออกมาชี้แจงว่า “ที่ท่านพ่อลงภาพจอสีดำ เกิดจากปัญหาเล็กๆภายในครอบครัวนะคะ ต้องขอโทษด้วยที่ทำให้คนวุ่นวาย ลือกันไปผิดค่ะ”
ในท่ามกลางความมึนงงสับสน และอยากรู้อยากเห็นของคนในสังคม หม่อมเจ้าจุลเจิม ยุคล ท่านถูกลดยศเพราะอะไร?
สิ่งหนึ่งที่ทุกคนเชื่อมั่นได้ ในหลวงรัชกาลที่ 10 ทรงตัดสินพระทัยในเรื่องนี้ ด้วยข้อมูลการข่าวที่ถูกต้องอย่างแน่นอน
ผ่านไปด้วยความราบรื่นเรียบร้อย สำหรับดินเนอร์แกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ณ ร้านอาหารหรู Spider Collection NW303 บนชั้น 26 อาคารโครนอส ถนนสาทรเหนือ เมื่อคืนวันที่ 8 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยมี “นายกฯ นิด” เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นเจ้ามือ
งานนี้ “นายกฯ นิด” ออกตัวไปตั้งแต่เมื่อวันก่อนว่า ไม่ใช่เพื่อประสานรอยร้าวระหว่างพรรคร่วมฯแต่อย่างใด เพราะรัฐบาลไม่มีปัญหานี้ ที่นัดกินมื้อเย็นร่วมกัน ก็เพราะอยากจะหาโอกาสนั่งโต๊ะพูดคุยกันแบบสบายๆ หลังจากร่วมรัฐบาลกันมา 2 เดือน เจอกันส่วนใหญ่ก็เป็นในวงประชุม ครม. หรือคณะกรรมการชุดต่างๆ ประชุมเสร็จก็แยกย้ายกันไป
เมื่อมีโอกาสได้ร่วมโต๊ะกันแบบชิลๆ แบบนี้ หัวหน้าพรรคร่วมฯ จึงมากันเกือบครบ ขาดแต่เพียง “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่ส่ง “บิ๊กป๊อด” พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ น้องชายสุดเลิฟ ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรค และ “ผู้กองธรรมนัส พรหมเผ่า” เลขาธิการพรรค มาแทน
ส่วนพรรคเพื่อไทย ก็มี “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคมาด้วยตัวเองเอง พร้อมด้วย “เสี่ยอ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ผู้เป็นคีย์แมนสำคัญในการเดินเกมสลายขั้ว จัดตั้งรัฐบาล “นิด 1” จนเป็นผลสำเร็จ รวมทั้ง “หมอมิ้ง” นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯ หรือ “นายกฯน้อย” แต่บางเสียงก็ว่า มาร่วมโต๊ะในฐานะตัวแทนของ “คนชั้น14” นั่นเอง
ฟังจากปากของ “นายกฯ นิด” รวมถึง “เสี่ยอ้วน” ก็เห็นว่าบรรยากาศเป็นไปด้วยความชื่นมื่น ทุกคนคุยแบบเป็นกันเอง ไม่มีเรื่องหนักๆ คุยไปกินไป ดูโชว์การปั้นบะหมี่ด้วยมือแบบฮ่องกงไปด้วย น่ารื่นรมย์เป็นที่ยิ่ง
ส่วนเนื้อหาสาระของการพุดคุยก็ไม่มีอะไรมาก เป็นการเปิดใจถึงความเป็นตัวตนของ “นายกฯนิด” ให้แกนนำพรรคร่วมฯ ได้รับทราบซะมากกว่า โดยยอมรับว่าเพิ่งเข้าสู่การเมือง ไม่มีความชำนาญในเวทีที่เป็นทางการเท่ากับพี่ๆ น้องๆ ที่มาร่วมทานมื้อค่ำด้วยกัน
พร้อมถือโอกาสนับญาติเป็นพี่กับหัวหน้าพรรคร่วมที่อาวุโสน้อยกว่า อย่าง “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล และ “ท็อป” วราวุธ ศิลปอาชา
และขอเป็นน้องกับหัวหน้าหรือแกนนำพรรคร่วมที่อาวุโสมากกว่า อย่าง “บิ๊กป๊อด” “รองฯ ตุ๋ย” พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รวมทั้ง “เสี่ยอ้วน” เป็นต้น
นอกจากนั้น “นายกฯ นิด” ก็ได้รับคำแนะนำเรื่องวิธีการพูดคุย วิธีการบริหารราชการแผ่นดิน จากพี่ๆ น้องๆ เพื่อน้อมรับไปปฏิบัติ
แต่ในทางกลับกัน ก็ไม่ได้ขอความร่วมมืออะไรจากพรรคร่วมรัฐบาลเลย เพราะเชื่อว่าทุกท่านรู้หน้าที่ดีอยู่แล้ว ในฐานะที่ได้ร่วมลงเรือลำเดียวกัน ก็ต้องมาช่วยกัน ถ้าจะคุยกันเรื่องเฉพาะเจาะจง ก็คงไปคุยกันวงอื่น
ส่วนความ “เกาหลา”กันเองระหว่างพรรคร่วมฯ อย่าง “เสี่ยอ้วน” ในฐานะ รมว.พาณิชย์ กับ “พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล” รมว.อุตสาหกรรม จากพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ดูเหมือนว่ายังขบเหลี่ยมกันอยู่ โดยเฉพาะในเรื่องจะขึ้น หรือไม่ขึ้นราคาน้ำตาลทราย
ซึ่งเรื่องนี้ “เสี่ยอ้วน” บอกว่าไม่มีปัญหาอะไร และได้คุยกันบนโต๊ะดินเนอร์ว่า ประชุมครม.วันไหน จะเดินจูงมือกันไป ยืนยันว่าบรรยากาศดี การร่วมมือกันแบบนี้จะทำให้รัฐบาลทำงานอย่างเต็มที่ บางครั้งมีอะไรที่ไม่เข้าใจกันก็จะสามารถคุยกันได้เลย ซึ่งก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร
สุดท้ายก่อนจบมื้ออาหาร ผู้ร่วมโต๊ะต่างเห็นพ้องต้องกันว่า แกนนำพรรคร่วมฯ จะเจอกันบ่อยขึ้นโดยการสลับกันเป็นเจ้าภาพเลี้ยงมื้อค่ำ ซึ่งคราวหน้าจะเป็น “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล แห่งภูมิใจไทย
ย้อนไปที่คำแนะนำ ซึ่ง “นายกฯ นิด” ได้รับจากรุ่นพี่บนโต๊ะดินเนอร์หรู หลายคนคงรู้สึก“เอ๊ะ” เมื่อนายกฯบอกว่า “พี่อ้วน ภูมิธรรม” ได้สอนให้ปรับปรุงตัวเอง เพราะเป็นคนพูดตรง ก็อาจจะต้องนำไปปรับปรุงบ้าง เพื่อให้ไปถึงจุดมุ่งหมายที่ดี
บางคนก็แย้งว่า พูดตรงไม่ดีหรือ จะให้ทุกคนเป็นนักการเมืองประเภทน้ำกลิ้งบนใบบอน มะกอกสามตะกร้าปาไม่ถูก กันไปหมดเลยหรือ ขอสักคนได้ไหม นักการเมืองที่พูดจาตรงไป ตรงมา
ประเด็นนี้ ก็อาจจะมองได้หลายแง่ เอาเป็นว่า ให้คอยดูผลสัมฤทธิ์ของงานก็แล้วกัน เริ่มจากนโยบายประเภท Quick Win หรือสำเร็จเร็ว หลายๆ อันที่ออกมานั่นแหละ ว่าตรงปกหรือเปล่า