xs
xsm
sm
md
lg

วงดินเนอร์พรรคร่วมฯ โฟกัส เศรษฐา-อุ๊งอิ๊ง!?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เศรษฐา ทวีสิน - แพทองธาร ชินวัตร
เมืองไทย 360 องศา

เชื่อว่า เป้าหมายในการนัดหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลมาร่วมรับประทาน อาหารค่ำ เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อสร้างความคุ้นเคย แลกเปลี่ยนความเห็นในลักษณะแบบ “สบายๆ” ไม่เป็นทางการ ขณะเดียวกัน ก็ครบรอบ 2 เดือน ของรัฐบาลพอดี ซึ่งหลังจากนั้นในวันรุ่งขึ้น ก็จะมีการแถลงผลงานรัฐบาล อีกทั้งยังเป็นไฟต์บังคับเรื่องการแถลงความชัดเจนในนโยบายเติมเงินดิจิทัล 1,0000 บาท ที่เขากำหนดวันเอาไว้แล้วว่า จะแถลงในวันที่ 10 พฤศจิกายน

ดังนั้น หากมองภาพในทางการเมือง ถือว่า ความเคลื่อนไหวทั้งหมดในช่วงสองสามวันนี้ มีความสำคัญกับ นายเศรษฐา ทวีสิน อย่างยิ่ง เรียกว่า “ชี้อนาคต” ได้เลยทีเดียว ขณะเดียวกัน หากสังเกตอาการของเขาแล้ว พอมองออกว่าเต็มไปด้วย “ความกดดัน” อย่างมาก โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในวันศุกร์ที่ 10 พฤศจิกายน และหลังจากนั้น หลังจากที่เขาแถลงนโยบายการ “แจกเงินดิจิทัล” เพราะในวันนั้นต้องมีความชัดเจน ทั้งในเรื่อง “ที่มาของเงิน” และจะแจกแบบไหน เมื่อไหร่ หาก “ไม่ตรงปก” รับรองว่า เละแน่นอน นาทีนี้รับรู้กันดีอยู่แล้ว และเชื่อว่า เจ้าตัวก็คงรู้ดีเหมือนกัน

อย่างไรก็ดี ก่อนจะถึงวันสำคัญ กลับได้เห็นบรรยากาศที่แม้ว่าอาจไม่ได้ร่วมอยู่ในวง แต่พอคาดเดาถึงบรรยากาศที่ “ชวนอึดอัด” พิกล โดยเฉพาะหากโฟกัสไปที่ นายเศรษฐา ทวีสิน และ “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย

นายเศรษฐา อธิบายว่า ในฐานะที่เพิ่งเข้าสู่การเมืองและไม่เคยเป็นรัฐมนตรีมาก่อน และวันนี้มาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งผมเองไม่มีความชำนาญในการที่จะใช้เวทีที่เป็นเวทีทางการมากนัก เท่ากับพี่ๆ น้องๆ หลายท่านที่เข้าไปอยู่ในการทานอาหารค่ำ ด้วยกัน ผมก็ถอดหมวกความเป็นนายกฯ มาเป็นพี่ เช่น นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย หรือ นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นน้องและมีวัยวุฒิน้อยกว่า พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ และ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ และ รมว.พลังงาน ก็ได้มีการพูดคุยกันว่าในรัฐบาลก่อนๆ ที่หลายท่านเคยดำรงตำแหน่งมาหลายรัฐบาลมาก และจากรัฐบาลพรรคไทยรักไทย ที่เวลานานมานี้ได้พัฒนาไป

อย่างไรวิธีการดำเนินการประชุม วิธีการพูดคุย วิธีการบริหารราชการแผ่นดิน แต่ละคนก็มีข้อแนะนำกันมา ซึ่งผมก็น้อมรับไปปฏิบัติมันเป็นการพูดคุยที่เป็นกันเองและบรรยากาศที่สบายๆ จากการที่เราได้มาทานอาหารอร่อยๆ ซึ่งมีหมูแดงสไตล์ฮ่องกง ซึ่งทุกท่านชอบและบะหมี่ที่ใช้มือปั้นเองมาโชว์ให้ดูก็อยู่กันถึง 4 ทุ่มกว่า ถือเป็นระยะเวลาที่ยาวนานที่ได้พูดคุยกันอย่างสบายๆ” นายกฯ กล่าว

เมื่อถามว่า จะมีการนัดพบพูดคุยระดับย่อยๆ ลงมาหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า แล้วแต่เห็นสมควร ก็ไม่ได้จำกัดว่าจะเป็นหัวหน้าพรรค หรือเลขาฯ เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เข้าร่วมด้วย ซึ่งท่านเองก็มีความสนิทสนมกับหลายๆ ท่าน ตรงนั้นในฐานะที่เป็นนายกฯน้อย ก็น่าจะเข้ามามีส่วนช่วยเหลือประสานงานกับพรรคร่วมรัฐบาลและรองนายกรัฐมนตรีท่านอื่นได้ดีขึ้น

เมื่อถามว่า ในฐานะที่เป็นหัวหน้ารัฐนาวา ได้ขอความร่วมมืออะไรจากพรรคร่วมรัฐบาลเป็นพิเศษหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่มีเลย เพราะตนเชื่อว่าทุกท่านรู้หน้าที่ดีอยู่แล้วว่าเรามาร่วมเรือลำเดียวกัน เรามาช่วยกัน เรามาที่นี่ เรามาเพื่อยกระดับความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน ตนคิดว่าทุกท่านรู้หน้าที่กันเองอยู่ ส่วนท่านอื่นอาจจะมีการคุยกันเรื่องเฉพาะเจาะจง ก็คงมีการไปคุยกันวงอื่นเวทีอื่น แต่เวทีนี้เป็นการไปพบปะสังสรรค์กันมากกว่า

สำหรับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ไปร่วมด้วยเหมือนเป็นการสอนงานทางการเมืองไปในตัวหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่มี เพราะ น.ส.แพทองธาร เอง มีความคุ้นเคยกับหลายๆ ท่านอยู่แล้ว และบางครั้งก็จะเห็นคุณอุ๊งอิ๊งเดินตามอดีตนายกฯ มานานแล้ว ไม่ได้มีนัยอะไร

แม้ว่า นายเศรษฐา จะพยายามเน้นว่าเป็นบรรยากาศการพูดคุยแบบสบายๆ ก็ตาม แต่หากพิจารณากันเฉพาะตัวแทนจากพรรคเพื่อไทย จะเห็นว่าระดับ “ตัวแทนสายตรง” มากันครบ นอกเหนือจาก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทยแล้ว ยังมี นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ซึ่ง นายเศรษฐา เรียกว่า “นายกฯน้อย” ตอกย้ำ ให้เห็นว่า “มีบทบาทสำคัญ” จริงๆ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์

คนพวกนี้ต่างหากที่ต้องจับตามอง เพราะอย่างที่รู้กันดีว่า พรรคเพื่อไทยไม่ต่างจาก “ธุรกิจครอบครัวชินวัตร” ถูกมองว่า มีนายทักษิณ ชินวัตร เป็นเจ้าของ ขณะที่ “อุ๊งอิ๊ง” ก็คือ “ลูกเถ้าแก่” ส่วนทั้ง นพ.พรหมินทร์ และ นายภูมิธรรม ก็คือ คนใกล้ชิดของเถ้าแก่ ที่ถูกส่งมาควบคุมดูแล คอย “คัดท้าย” นาวาให้ไปในทิศทางไหน

แม้ว่า นายเศรษฐา ทวีสิน จะพยายามแสดงบทบาทผู้นำก็ตาม แต่ด้วยองคาพยพ และโครงสร้างของพรรค และรัฐบาล ที่ตัวเองอยู่ในภาวะ “ขาลอย” ทั้งในพรรคเพื่อไทย และในสภา ทำให้ทุกอย่างไม่ได้สะท้อน “เพาเวอร์” ของตัวเองเลยแม้แต่น้อย มันก็ย่อมปฏิเสธความจริงไม่ได้แม้แต่การขึ้นมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของเขา ก็ยังถูกมองว่า เพื่อ “ขัดตาทัพ” หรือชั่วคราวเท่านั้น เพื่อรอให้ “ตัวจริง” มีความพร้อม หรือไม่ก็รอให้สถานการณ์นิ่งกว่านี้

และการเข้ามานั่งเก้าอี้หัวหน้าพรรคเพื่อไทย รวมไปถึงการเข้ามาเป็นรองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ว่าด้วย “ซอฟต์เพาเวอร์” และรองประธานคณะกรรมการพัฒนาระบบสุขภาพแห่งชาติ ซึ่งบอร์ดทั้งสองคณะดังกล่าว ถือว่าเป็นอีกนโยบาย “เรือธง” ของพรรคเพื่อไทย และมีการประชุมที่ทำเนียบรัฐบาล ก็ต้องถือว่าน่าจับตา เพราะนี่ไม่ต่างจาก “นายกฯเงา” ของจริง

ดังนั้น การเคลื่อนไหวของ นายเศรษฐา ทวีสิน ในช่วงวันสองวันนี้ ทั้งในเรื่องการเชิญหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลมาร่วมวงดินเนอร์การรีบแถลงผลงานรัฐบาล ทั้งที่เพิ่งบริหารมาได้แค่ 60 วัน มันก็เหมือนกับการแสดง “ภาวะผู้นำ ” ให้เห็น แต่สังคมก็ยังจับจ้องไปที่บทบาทของ “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย มาเทียบเคียง แต่ถึงอย่างไรจุดชี้ขาดก็น่าจะเป็นวันที่ 10 พฤศจิกายน นี้ มากกว่า ว่า เขาจะแถลงเรื่อง “แจกเงินดิจิทัล” อย่างไร หากไม่เคลียร์หรือ “ไม่ตรงปก” ก็จบเห่แน่นอน !!.


กำลังโหลดความคิดเห็น