xs
xsm
sm
md
lg

“โรม” จี้ ป.ป.ส.- ปปง.ตามคดี “อุปกิต” ช่วงปิดสมัยประชุม หวั่นใช้เอกสิทธิ์ซ้ำ ขู่สอบวินัยร้ายแรงขบวนการช่วย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ใบพลู” จี้ ป.ป.ส.- ปปง. ตามคดี “ส.ว.อุปกิต” ช่วงปิดสมัยประชุม หวั่น ใช้เอกสิทธิ์คุ้มครองรอบสอง ช่วงสมัยประชุมสภาเปิด 12 ธ.ค.นี้ ระบุ ถูกฟ้องเพิ่มเรียกเงิน 20 ล. หวังปิดปาก เตือนขบวนการช่วยเหลืออุปกิตอาจเจอสอบวินัยร้ายแรง

วันนี้ (9 พ.ย.) นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ในฐานะประธานกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดน ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ที่ประชุมได้มีการสอบถามสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ถึงกรณีนายอุปกิต ปาจรียางกูร ส.ว. ที่เกี่ยวข้องกับคดียาเสพติด และอาชญากรข้ามชาติ ถึงได้มีการสอบถามความคืบหน้าทางคดีกับ ป.ป.ส. และ ปปง. ซึ่งได้รับคำชี้แจงว่า ขณะนี้ทาง ป.ป.ส.ได้รับข้อมูลแล้ว เหลือแค่การสืบทรัพย์ และเข้าไปดูว่าทรัพย์ต่างๆ ที่เป็นของ ส.ว.อุปกิต ว่ามีอะไรบ้างที่ได้มาจากการค้าขายยาเสพติด คาดว่า สัปดาห์หน้าจะมีความคืบหน้าให้ประชาชนทราบ ส่วนทาง ปปง.มีขั้นตอนที่ต้องดำเนินการหลังจากแจ้งข้อหาไปแล้ว คือ ข้อหาอาชญากรรมข้ามชาติ ปกติอัยการต้องส่งเรื่องไปยัง ปปง. เพื่อให้ดำเนินการอายัดทรัพย์ต่อไป โดย ปปง. และ ป.ป.ส. ต้องทำงานควบคู่กัน

อย่างไรก็ตาม การที่ กมธ.สอบถามความคืบหน้ากรณีของนายอุปกิต เพราะเป็นกรณีที่เกี่ยวข้องกับนักการเมือง ซึ่งเป็นบทพิสูจน์ว่ากฎหมายบ้านเมืองเราจะใช้บังคับกับผู้มีตำแหน่งสำคัญในบ้านเมืองได้หรือไม่ เป็นบททดสอบที่ท้าทายของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งขณะนี้นายอุปกิตไม่มีเอกสิทธิ์ เพราะไม่ได้อยู่ในสมัยประชุม ดังนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องรับไปดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมายให้ได้

เมื่อถามว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการชี้แจงต่อ กมธ.หรือไม่ ว่า ช่วงปิดสมัยประชุมจะดำเนินการการติดตามตัวนายอุปกิต มาดำเนินคดีอย่างไรบ้าง นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เบื้องต้นตนได้รับหนังสือจากทางอัยการว่าจะมีการแจ้งข้อหานายอุปกิต เป็นหนังสือที่ลงวันที่ก่อนปิดสมัยประชุม ในข้อหายาเสพติด และจากการพูดคุยใน กมธ.ตำรวจชี้แจงแล้วว่า มีการดำเนินการแจ้งข้อหาแล้ว วันนี้เป็นผู้ต้องหาคดีสมคบค้ายาแล้ว ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่เราได้รับจากการพูดคุยในกมธ. ซึ่งนายอุปกิตเข้ามารับทราบข้อกล่าวหาเรียบร้อบแล้ว วันนี้เป็นผู้ต้องหาสมคบค้ายาไปแล้ว ขั้นตอนต่อไปเป็นขั้นตอนการสั่งฟ้อง ตนทราบมาว่าช่วงต้นเดือนธ.ค. น่าจะมีการสั่งฟ้องต่อไป แต่ขึ้นอยู่กับอัยการจะดำนินการต่อไปในเรื่องนี้ ซึ่ง กมธ. คงไม่สามารถเก้าวล่วงได้ ส่วนป.ป.ส.ชี้แจงว่าขั้นตอนต่อไปคงเป็นการยึดอายัดทรัพย์ ซึ่ง ป.ป.ส. ยืนยันว่าคงใช้เวลาไม่นาน

เมื่อถามว่า หากเปิดสมัยประชุมในวันที่ 12 ธ.ค.นี้ แต่ยังไม่มีการสั่งฟ้องกังวลหรือไม่ว่าจะมีการยืดเวลาออกไปอีก นายรังสิมันต์ กล่าวว่า คงเป็นไปได้ที่ ส.ว.อุปกิต จะใช้เอกสิทธิ์อีกครั้งหลังวันที่ 12 ธ.ค. แต่เชื่อว่า หน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่รู้อยู่แล้วว่าจะเปิดสมัยประชุมในวันที่ 12 ธ.ค.นี้ จึงขึ้นอยู่กับว่าจะใช้อำนาจหน้าที่ของท่านอย่างไร หวังว่า ทุกอย่างควรเป็นไปตามที่ควรจะเป็น คือ เป็นไปตามกฎหมายจริงๆ มาตรฐานใดที่ใช้กับผู้ต้องหารายอื่น เราหวังว่าสถานะของนักการเมืองจะถูกปฏิบัติแบบเดียวกัน เช่น เรื่องยึดอายัดทรัพย์หากคดีคนอื่นๆจะเร็วมาก แต่กรณีสว.อุปกิต การยึดอายัดทรัพย์ถือว่าช้ามาก ป.ป.ส. และ ปปง. ต้องตอบคำถามสังคมให้ได้ว่าทำไมจึงปฏิบัติแตกต่างกัน

ส่วนกรณีที่นายอุปกิตได้ฟ้องร้องเพิ่ม 20 ล้านบาท โดยระบุว่า มีเจตนาใส่ร้าย นั้น นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนตีความเจตนาว่าเขาคงต้องการไม่ให้ตนพูดเรื่องนี้อีก แต่เรื่องนี้นายอุปกิตเป็นผู้ต้องหาอาชญากรรมข้ามชาติ ผู้ต้องหาคดียาเสพติด ตนในฐานะ ส.ส. ที่มีหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญที่ต้องติดตามตรวจสอบการบังคับใช้กฎหมาย ให้เกิดความยุติธรรมก็มีหน้าที่ต้องทำภารกิจนี้ ทั้งนี้ หากมีการใช้กลไกศาลให้การทำหน้าที่ของตนดำเนินการต่อไม่ได้ ตนคิดว่า ทุกฝ่ายต้องทบทวนตัวเองเช่นเดียวกัน ว่าสุดท้ายมาเบรกมาปิดปากกันไม่ให้ตนทำหน้าที่ได้ สุดท้ายท่านอาจต้องมีภาระทางกฎหมายเช่นเดียวกัน ซึ่งก่อนหน้านี้ คนที่เคยช่วยเหลือนายอุปกิต เช่น ผู้พิพากษา ก็ถูกสอบวินัยร้ายแรงแล้ว และยังมีตำรวจอีก 12 นาย ที่มีแนวโน้มถูกสอบวินัยร้ายแรง หนึ่งในนั้นเป็นอดีต ผบ.ตร. อักษรย่อ ป.


กำลังโหลดความคิดเห็น