วันนี้(1 พ.ย.)นายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง สส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย และประธานกรรมาธิการแรงงาน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่า ประเด็นการแก้ไขกฎกระทรวงการครอบครองยาบ้า 10 เม็ด ให้ถือเป็นผู้ป่วยที่ต้องได้รับการบำบัด ประเด็นนี้โดยส่วนตัวผมมีความเป็นห่วงมากในฐานะที่ผมเคยเป็นประธานคณะอนุกรรมการจัดการแก้ไขปัญหาบำบัดผู้เสพยาเสพติดในสมัยที่ผ่านมา ในมุมของผมคาดการณ์ได้เลยว่าคนติดยาบ้าจะเพิ่มขึ้น และไม่ได้หมายความว่าเราจะได้ผู้ป่วยเข้ามาบำบัดมากกว่าเดิม โดยใช้เกณฑ์จำนวนยาบ้ามาเป็นตัวชี้วัด เพราะบุคคลที่เสพก็เสพอยู่แล้ว วันไหนมีเงินเยอะก็ซื้อยาติดตัวไว้เยอะ แต่ในเรื่องของมาตรการมียาบ้าไม่เกิน 10 เม็ด ไม่ติดคุกแต่ให้ส่งบำบัด จะเปิดโอกาสให้ผู้ค้ายาเสพติดกระทำได้ง่ายขึ้น เนื่องจากไม่กลัวโทษความผิดในฐานค้ายาเสพติด เพราะฉะนั้นการชวนเพื่อน 10 คน ออกไปขายวันละ 10 รอบ ก็สามารถนำยาบ้า 1,000 เม็ด ไปขายได้แล้ว
“อยากให้ท่านรัฐมนตรีไปปรึกษานายกทักษิณ นโยบายในสมัยท่านนายกทักษิณมีนโยบายปราบยาบ้าที่ชัดเจนมาก ผมอยากเห็นการแก้ไขปัญหายาเสพติดแบบบูรณาการของทุกหน่วยงาน อย่างน้อย 4 องค์กรหลัก องค์กรมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และส่วนของผู้นำในชุมชน มาสำรวจผู้ติดยาเสพติดเพื่อที่จะตัดตอนลูกค้าของผู้ค้ายาเสพติด เมื่อไม่มีผู้เสพ ผู้ขายผู้ผลิตที่อยู่ต่างประเทศและชายขอบ ซึ่งเราไม่สามารถควบคุมได้ ก็ไม่สามารถที่จะขายยาได้ เพราะฉะนั้นการแก้ปัญหาเพื่อที่จะหากลุ่มผู้เสพมาบำบัด ไม่ใช่เรื่องจำนวนเม็ดหรือปริมาณในเรื่องจำนวน 10 เม็ด ไม่ได้แก้ปัญหาอะไรเลย กลับทำให้ผู้ค้าสะดวกขึ้น และผู้เสพได้เสพมากขึ้น ผมเชื่อว่าหลังจากออกกฎกระทรวงนี้สถิติยาบ้าจะเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรง วันนี้นักโทษที่ติดยาเสพติดล้นเรือนจำ ปัจจุบัน 80% ของนักโทษในเรือนจำเป็นนักโทษคดียาเสพติด ในจังหวัดกระบี่มีตัวอย่างเป็นบทเรียน สถานที่บำบัดยาเสพติดวันนี้มีเท่าไหร่ก็ล้น และยิ่งเพิ่มมากขึ้นทุกวัน จนไม่มีงบประมาณเพียงพอ ด้วยความเป็นห่วงในนโยบายของท่านรัฐมนตรีสาธารณสุข นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ซึ่งผมไม่ได้มีความเห็นที่จะค้านนโยบายของพรรคร่วมรัฐบาลไปทุกเรื่อง แต่เรื่องนี้ต้องขอแสดงความคิดเห็นด้วยความเป็นห่วงพี่น้องประชาชนว่าสถิติคดี และผู้ติดยาเสพติดเต็มบ้านเต็มเมืองจริงๆ และในส่วนของพ่อแม่ผู้ปกครองทุกคนก็ฝากเรื่องยาเสพติดมาเป็นอันดับแรกทุกครั้งที่ลงพื้นที่”