“ชัยธวัช” ป้อง “เบญจา” ไม่ได้มีส่วนได้เสียบ่อขยะ เย้ย “แจ้ วุฒิพงศ์” เปิดหลักฐานมามีแค่ข้อกล่าวหา ย้ำ ต้องแยกแยะ บอกต่อให้มีจริงก็ไม่ได้ลบล้างข้อหาคุกคามทางเพศได้ ยันไม่เปิดชื่อ 22 ส.ส. อุ้ม “ปูอัด” รอบก่อน หวั่นเป็นประเด็นโจมตีกันภายใน ยืดอกผมสั่งปรามเอง อึกอักหลังถูกถาม ไม่มีคนนอกมาร่วมสอบด้วย น้อมรับไปปรับปรุงให้ดีขึ้น ลั่น ถ้ามีคนนอกจริง อาจจะผิดยิ่งกว่าเดิมได้
วันที่ 7 พ.ย. 2566 ที่โรงแรมอักษร อ.แกลง จ.ระยอง ภายหลัง นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงข่าวขับ นายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ ส.ส.กทม. ออกจากพรรค ได้เปิดโอกาสสื่อมวลชนถามตอบประเด็นคดี ส.ส.คุกคามทางเพศ ทั้ง 2 กรณีที่เป็นข่าว
โดยผู้สื่อข่าวถามว่า มีการตั้งข้อสงสัยว่า ถึงแม้ นางสาวเบญจา แสงจันทร์ กรรมการบริหารพรรค ไม่ได้มีโหวต แต่อาจจะมีการล็อบบี้ให้โหวตขับ นายวุฒิพงศ์ ทองเหลา ส.ส.ปราจีนบุรี อดีตพรรคก้าวไกล ออกจากพรรค นายชัยธวัช กล่าวว่า นางสาวเบญจา ไม่ได้มีส่วนในเรื่องดังกล่าวอยู่แล้ว การแต่งตั้งผู้ที่ถูกกล่าวหาว่ารับผลประโยชน์ในฐานะผู้ช่วย ส.ส.ของนางสาวเบญจานั้น ไม่ได้เกิดขึ้นจากความสัมพันธ์ส่วนบุคคล โดย นางสาวเบญจา ตั้งผู้ช่วย ส.ส. คนดังกล่าวขึ้น เพราะพรรคเสนอชื่อ เนื่องจากเห็นว่าเป็นคณะทำงานในจังหวัดปราจีนบุรี แต่เมื่อเข้าสู่กระบวนการสอบสวน นางสาวเบญจา ได้นำรายชื่อออกจากการเป็นผู้ช่วย ส.ส.แล้ว เพื่อไม่ให้เกิดการอคติในการตรวจสอบ เกี่ยวกับการรับผลประโยชน์ทับซ้อนใดๆ ในการพิจารณาสอบสวนเรื่องนี้
ส่วนจะมีการแจ้งความดำเนินคดีกลับกับนายวุฒิพงศ์หรือไม่นั้น นายชัยธวัช กล่าวว่า ในส่วนที่พรรคต้องทำ คือ การสอบสวนว่ามีการรับผลประโยชน์จริงหรือไม่ หากมีข้อเท็จจริงที่เชื่อมโยงกับนางสาวเบญจา แน่นอนว่าต้องมีการตรวจสอบ
“ต้องเรียนอย่างนี้นะครับ ข้อเท็จจริงที่ ส.ส. ปราจีนบุรี นำมากล่าวหา ไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับคุณเบญจาเลย เป็นเพียงการกล่าวหาว่าบุคคลที่เป็นทีมงานของพรรคในจังหวัดปราจีนบุรี มีพฤติการณ์ที่เชื่อได้ว่ารับผลประโยชน์จากบ่อขยะ ซึ่งในข้อเท็จจริงทั้งหมด ไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับคุณเบญจาเลย เพียงแต่มีการกล่าวหาว่าเพราะบุคคลท่านนี้เป็นผู้ช่วย ส.ส. ของคุณเบญจา ก็เลยเป็นเหตุที่มีแรงจูงใจในการขับเขาออกจากพรรค” นายชัยธวัช กล่าว
นายชัยธวัช กล่าวว่า ทั้ง 2 กรณี จะต้องพิจารณาแยกกัน เรื่องคุกคามทางเพศก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เรื่องทุจริตบ่อขยะก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง หากบุคคลที่ถูกกล่าวหารับผลประโยชน์จากบ่อขยะจริง ก็ไม่สามารถลบข้อครหาเรื่องคุกคามทางเพศหายไป
เมื่อถามว่า กรรมาธิการการ (กมธ.) การอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร จะรับลูกเชิญนายวุฒิพงศ์ เข้าไปให้ข้อมูล นายชัยธวัช ตอบทันทีว่า “ก็ดีเลยครับ” ตนก็อยากให้จริงจัง เพราะเครือข่ายผลประโยชน์ในการหากินกับบ่อขยะ รวมถึงขยะในอุตสาหกรรม มลพิษต่างๆ ในพื้นที่ภาคตะวันออก เกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพลและนักการเมืองบ้านใหญ่เต็มไปหมด ตนยินดีด้วยซ้ำ หากทาง กมธ.มาช่วยสอบสวน แล้วคนของพรรคก้าวไกลผิดจริง ตนยิ่งขอบคุณ และอย่าหยุดแค่นั้น ต้องสอบไปดูว่านักการเมืองบ้านใหญ่ มีใครที่เกี่ยวข้องกับบริษัทพวกนี้ และเป็นเหตุผลสำคัญที่ประชาชนในพื้นที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญที่ชาวปราจีนบุรีเขต 2 เลือกคนของพรรคก้าวไกล
“ผมต้องยอมรับว่า คุณแจ้ เป็น ส.ส.คนหนึ่ง ที่ทำงานเรื่องมลพิษอย่างแข็งขัน แต่เราต้องแยกออกจากกัน แม้คุณแจ้จะต่อสู้อย่างเต็มที่เรื่องสิ่งแวดล้อมให้กับชาวบ้าน มันไม่ได้ไปลบล้างอีกเรื่องหนึ่ง แม้กระทำผิดจะต้องไม่ได้รับโทษ ผมมองว่าต้องแยกออกจากกัน” นายชัยธวัช กล่าว
เมื่อถามว่า นายวุฒิพงศ์ กล่าวหาว่า พรรคก้าวไกลใช้วิธีพวกลากมากไป จะเกิดเหตุการณ์พวกลากมากไปหรือไม่ นายชัยธวัช ย้ำว่า ไม่มีอย่างแน่นอน กรณีของ นายวุฒิพงศ์ ส.ส. และกรรมการบริหารพรรค พิจารณาจากข้อเท็จจริงที่เป็นข้อยุติ ซึ่งในการประชุมก่อนหน้านี้ แม้ว่า ส.ส.ในพรรค เห็นว่า ทั้ง 2 กรณีมีพฤติกรรมคุกคามทางเพศ และผิดวินัยขั้นร้ายแรงของพรรคจริง เพียงแต่มีการพิจารณาว่าทั้ง 2 เรื่องมีข้อเท็จจริงต่างกันว่า กรณีที่ 1 ชัดเจนว่า เขาใช้สถานะว่าที่ ส.ส. รวมถึง ส.ส. ในเวลาต่อมาในการกระทำผิด จึงเป็นเหตุให้ ส.ส. เห็นว่า ควรจะลงโทษตามสัดส่วนของการกระทำผิด เลยทำให้จำนวน ส.ส.ที่เห็นว่าควรจะขับนายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ ส.ส.กทม. น้อยกว่ากรณีของนายวุฒิพงศ์
ส่วน ส.ส.ที่โหวตอุ้มนายไชยามพวาน 22 คนนั้น วันนี้ก็มาเข้าร่วมประชุม แต่ประเด็นการพิจารณาในวันนี้ ผิดร้ายแรงจากกรณีที่ขัดต่อกรรมการบริหารพรรคหรือไม่ ขัดต่ออุดมการณ์และทำให้พรรคเสื่อมเสียชื่อเสียงอย่างร้ายแรงหรือไม่ ซึ่งเป็นการพิจารณาข้อความผิดคนละกรณีกัน ไม่สามารถพิจารณาซ้ำได้ เพราะเราพิจารณาเรื่องนี้ไปแล้ว ดังนั้น ทุกคนเห็นว่าการแถลงของนายไชยามพวาน ไม่ได้เป็นไปตามมติของกรรมการบริหารพรรค ส่วนช้าไปหรือไม่ ตนมองว่า ไม่ได้ช้าไป บางเรื่องก็ต้องทำตามกระบวนการของข้อบังคับพรรค
เมื่อถามว่า มีการเรียกร้องให้เปิด 22 รายชื่อ ผู้ที่อุ้มนายไชยามพวานนั้น นายชัยธวัช ยืนยันว่า เปิดไม่ได้ ตนในฐานะหัวหน้าพรรค ได้เรียกร้องให้มีการลงมติและเปิดอภิปรายถกเถียงอย่างเต็มที่ เพื่อให้ทุกคนไม่ต้องกังวล ตนเป็นคนกำชับเองว่าเมื่อลงมติไปแล้ว สามารถมีความคิดเห็นแตกต่างกันได้ แต่ไม่ลงมติไปแล้ว ต้องไม่โจมตีเพื่อนที่ลงมติแตกต่างจากตนเอง ไม่เช่นนั้นต่อไปในพรรค เวลาที่เปิดให้ทุกคนแสดงความเห็นอย่างเต็มที่ แม้จะเห็นไม่ตรงกัน ก็จะไม่สามารถทำได้
“ผมในฐานะหัวหน้าพรรค ขอให้ทุกคนไม่เอารายชื่อว่าใครโหวตอะไร มากล่าวหาโจมตีกัน ดังนั้น ผมเองก็เปิดเผยไม่ได้ ก็เป็นคนบอกให้ ส.ส. ไม่ให้ออกมาเปิดเผยเอง เหตุผลก็มีแค่นั้น เราไม่ได้ปกปิดว่าใครมีความเห็นว่าอย่างไร แต่เป็นเรื่องกระบวนการภายในของพรรค และผมยืนยันว่า การที่มีความเห็น การโหวตแตกต่างกันนั้น เป็นข้อเท็จจริงที่มีความชัดเจนไม่เท่ากันของทั้ง 2 กรณี” นายชัยธวัช กล่าว
เมื่อถามว่า มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าเกี่ยวข้องกับมุ้งภายในพรรค ทำให้คะแนนไม่เท่ากันนั้น นายชัยธวัช ยืนยันว่า ไม่ใช่ข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่ นายศรีสุวรรณ จรรยา ตัวแทนองค์กรรักชาติรักแผ่นดิน ไปร้องเรียนนั้น ตนคิดว่าทั้ง 2 คนที่ถูกกล่าวหา กระบวนการของพรรคจบไปแล้ว ย้ำว่า หากผู้เสียหายจะถูกฟ้องกลับโดย สส.ของเรา ทางพรรคจะเข้าไปช่วยเหลือด้านข้อกฎหมายกับผู้เสียหาย
เมื่อถามว่า จะมีการพาผู้เสียหายไปแจ้งความดำเนินคดีอาญาหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ไม่ใช่ผู้เสียหายทุกคนจะพร้อมตลอดเวลาในการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม บางคนต้องการเวลากว่าที่จะพร้อม เขาต้องไปเล่าเรื่องซ้ำ ถูกกระทำชำเราซ้ำ แต่เมื่อไหร่ที่ผู้เสียหายพร้อม ซึ่งตอนนี้มีอย่างน้อย 1 รายที่มีความประสงค์จะแจ้งความดำเนินคดีตามกฏหมาย พรรคก็เตรียมนัดผู้เชี่ยวชาญคดีการคุกคามทางเพศ เพื่อให้การช่วยเหลือ
เมื่อถามว่า จะลดข้อครหาอย่างไร ว่าการขับนายไชยามพวาน เป็นการกลบกระแสผู้ที่อุ้มมติรอบก่อน นายชัยธวัช กล่าวว่า หากพิจารณาจากข้อเท็จจริง ด้วยเหตุและผล ก็เป็นไปตามกระบวนการเช่นนั้น เมื่อเราเห็นว่านายไชยามพวานไม่ได้ทำตามคำสั่งมติกรรมการบริหารพรรค ก็ถือว่ามีความผิดร้ายแรง สส.ในพรรค ก็พิจารณาจากข้อเท็จจริง อันเป็นกระบวนการที่พรรคทำได้ ดังนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการกลบกระแส เป็นเรื่องที่ตรงไปตรงมา ในเมื่อพรรคกำหนดเงื่อนไขในการลงโทษไปแล้ว แต่สมาชิกพรรคไม่ปฏิบัติตาม ก็นำมาพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
ส่วนที่มีการขู่จากเพจต่างๆ ว่า จะแฉพรรคก้าวไกลเรื่อยๆ นายชัยธวัช กล่าวว่า ไม่เป็นไร ตนยืนยันว่า การที่สังคมมาช่วยตรวจสอบพรรคเรา ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะหลายเรื่องที่ทุกองค์กร การที่มีสังคมมาช่วยตรวจสอบ ทำให้องค์กรโปร่งใสขึ้น เมื่อไหร่ที่สังคมเลิกตรวจสอบพรรคก้าวไกล แสดงว่าสังคมไม่ได้คาดหวังอะไรอีกแล้วกับพรรคก้าวไกล
เมื่อถามว่า ทางพรรคจะกู้ภาพลักษณ์อย่างไร นายัชัยธวัช กล่าวว่า เมื่อบุคคลในองค์กรมีปัญหาสิ่งที่ต้องยืนยันว่าต้องดำเนินการตรวจสอบและลงโทษ อย่างตรงไปตรงมา ไม่ปกปิด หากผิดร้ายแรงก็ดำเนินการขั้นเด็ดขาด เป็นสิ่งที่พรรคก้าวไกลต้องทำให้สังคมเห็น ไม่ใช่ว่าไปช่วยกันปกปิด เพราะกลัวองค์กรเสียชื่อเสียง ไม่ใช่วัฒนธรรมของพรรคก้าวไกล แน่นอนว่ากระบวนการตรวจสอบก็ต้องมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งกำลังพูดคุยกันอยู่ หลายครั้งเข้าใจในเชิงหลักการ แต่รายละเอียดรูปธรรม คนในสังคมเห็นไม่ตรงกัน เป็นวัฒนธรรมที่เข้าใจไม่ตรงกัน ซึ่งต้องทำให้ชัดเจนขึ้นภายในพรรค นอกจากนี้ จะต้องมีมาตรการป้องกันที่ชัดเจนกว่านี้ รวมถึงมีการตรวจสอบเรื่องพวกนี้ เมื่อมีการร้องเรียน เรื่องคุกคามทางเพศ ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
เมื่อถามว่า การตรวจสอบทั้ง 2 กรณี ถูกวิจารณ์ว่าไม่มีผู้เชี่ยวชาญจากภายนอกเข้ามาร่วมตรวจสอบด้วย นายชัยธวัช กล่าวด้วยท่าทีอึกอักว่า ขณะนี้มีการปรับปรุงให้ดีขึ้น โดยเพิ่มสัดส่วนของคณะกรรมการวินัย รวมถึงคณะกรรมการที่มาสอบข้อเท็จจริงชุดเล็ก คือ การเพิ่ม ส.ส.หญิงที่มีความรู้เรื่องกฎหมายเข้ามา เพื่อให้ผู้เสียหายเกิดความสบายใจมากขึ้น แน่นอนว่า หลังจากนี้ ต้องทำให้ ส.ส. อาจจะมีความอคติ ช่วยเหลือพวกกันเองได้ ต้องลดสัดส่วน ส.ส.เข้ามาเกี่ยวข้อง
“กรณีคุณแจ้ หากมีผู้เชี่ยวชาญจากภายนอกเข้ามาจริงๆ อาจจะผิดมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ” นายชัยธวัช กล่าว