ปิดโครงการ “ศก.ฐานรากสู้โควิด” ถาวรแล้ว! 76 จว. รับเจียดเงินกู้ 4.5 พันล้าน เผย ข้ามปีงบฯยังมีจังหวัด “ขอยกเลิก” เพียบ! เฉพาะโรงเรียน ตจว. เสียโอกาส ผ่านจัดหาระบบผลิตน้ำประปา แต่ไร้งบจ่ายค่าไฟ/น้ำ ผลิตประปา ด้าน “บอร์ดเงินกู้” รับทราบ สบน.คืนเงินคงเหลือ ปิดบัญชีเงินกู้ ตกเป็นรายได้แผ่นดินแล้ว 13,896.2 ล้าน
วันนี้ (6 พ.ย.) มีรายงานจากกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ความคืบหน้า โครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก ปี 2564 และ 2565 ของรัฐบาลเก่า
ที่ได้ “ปิดโครงการ สิ้นสุดระยะเวลาเบิกจ่าย” เมื่อปลายปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 และมีบางโครงการ ได้ขยายระยะเวลาเป็นปลาย ธ.ค. 2566 นั้น
ล่าสุด คณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) พ.ศ. 2563 ได้รายงานคณะรัฐมนตรี (ครม.)
โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลง และยกเลิกโครงการ ของเดือน ส.ค. ก.ย. และ ต.ค. 2566 ล่าสุด กระทรวงมหาดไทย เตรียมประสานจังหวัด ตรวจสอบตามที่ ครม. อนุมัติให้จังหวัดเปลี่ยนแปลงรายละเอียด และ “ยกเลิก” โครงการ
เป็นโครงการต่อเนื่องที่ผ่านเห็นชอบ จาก รมว.มหาดไทย ให้เปลี่ยนแปลง ยกเลิก และขยายระยะเวลา จาก เดือน ส.ค. ก.ย. และ ต.ค. 2566
พบว่า มีจังหวัดที่เปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการ 32 โครงการ กรอบวงเงิน 95.5 ล้านบาทเศษ ประกอบด้วย โครงการ ใน จ .เชียงใหม่ และจ.สุพรรณบุรี ขอยกเลิกรวม 3 โครงการ วงเงิน 7.9 ล้านบาท
“พบว่า ไม่สามารถจัดหาผู้รับจ้างและผู้ลงนามสัญญาได้ทัน พ.ค.2565 รวมถึงไม่สามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จทันตามที่ ครม.อนุมัติ”
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของโครงการจัดหาระบบผลิตน้ำประปา ป็อกแท็งก์ขนาดใหญ่ ตามบัญชีนวัตกรรมไทย “โรงเรียนพร้าววิทยาคม อ.พร้าว” วงเงิน 5.2 ล้านบาท
“อปท.ในพื้นที่ ตรวจสอบพบว่า โรงเรียนไม่มีความพร้อมด้านระบบไฟฟ้าและระบบแหล่งผลิตน้ำประปาให้มีคุณภาพ รวมถึงโรงเรียนฯ ไม่มีงบประมาณสนับสนุนด้านไฟฟ้าและประปา”
นอกจากนี้ ยังมีจังหวัดขอ “ยกเลิก” อีก 25 โครงการ วงเงิน 65.3 ล้านบาท ใน จ.กาฬสินธุ์ อุตรดิตถ์ กระบี่ จันทบุรี ชลบุรี ระนอง เพชรบุรี ปราจีนบุรี นนทบุรี สุพรรณบุรี อุบลราชธานี และ หนองบังลำภู
เฉพาะ จ.จันทบุรี ขอยกเลิก 3 โครงการ วงเงินถึง 12.8 ล้านบาท 2 ใน 3 โครงการ ยกเลิกโครงการจัดหาระบบผลิตน้ำประปาป็อกแท็งก์ขนาดใหญ่ มูลค่า 5.2 ล้านบาท เช่นเดียวกับ จ.ชลบุรี ขอยกเลิก 6 โครงการ วงเงิน 16.3 ล้านบาท
ส่วนใหญ่พบว่า ไม่สามารถจัดหาผู้รับจ้างและผู้ลงนามสัญญาได้ทัน พ.ย. 2565 รวมถึงไม่สามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จทันตามที่ ครม.อนุมัติ
ยังมีจังหวัดขอเปลี่ยนรายละเอียดสาระโครงการ 3 โครงการ ใน จ.ยะลา วงเงิน 20.4 ล้านบาท โดยได้ขยายระยะเวลาให้สิ้นสุดเมื่อ ต.ค. 2566 ที่ผ่านมา อยู่ระหว่างการเบิกจ่าย ที่ขยายระยะเวลาถึง ธ.ค. 2566
จ.หนองบัวลำภู ได้ขอเปลี่ยนรายละเอียดสาระโครงการ 1 โครงการ โดยปรับลดงวงเงินจาก 1.3 ล้าน เป็น 4 แสนบาทเศษ โดยได้ขยายเวลาสิ้นสุดโครงการไปเมื่อ ต.ค. ผ่านมา
ปลายงบประมาณที่แล้ว มหาดไทย ได้รับทราบว่า ตลอดโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก ปี 2564 และ 2565 ของรัฐบาลเก่า
ได้รับอนุมัติจากรัฐบาล 2,285 โครงการ วงเงิน 4,762.87 ล้านบาท พบว่า ดำเนินการแล้วเสร็จ 2,224 โครงการ วงเงิน 4,526.06 ล้านบาท
อยู่ระหว่างดำเนินการ 27 โครงการ วงเงิน 97.30 ล้านบาท และพบว่าสิ้นสุดระยะเวลา "ไม่มีการเบิกจ่าย" 28 โครงการ วงเงิน 67.51 ล้านบาท และขอขยายระยะเวลา 6 โครงการ วงเงินอนุมัติ 72 ล้านบาท
ทั้งหมดดำเนินการโดยท้องถิ่น ระดับเทศบาลตำบล และ อบต. กว่า 800 แห่ง ในกำกับกระทรวงมหาดไทย
มีรายงานว่า คณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ฯ ได้เวียนแจ้งผลการส่งเงินกู้เหลือจ่ายโครงการภายใต้พระราชกำหนดฯ พ.ศ. 2563 คืนคลังเป็นรายได้แผ่นดิน
โดยที่ผ่านมา สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ได้ลงนามกู้เงินและเบิกเงินจากแหล่งเงินกู้ 961,266.9 ล้านบาท เบิกเป็นสกุลบาท 957,315.6 ล้านบาท เป็นสกุลดอลล่าร์สหรัฐ 3,951 ล้านบาท
“หน่วยงานเจ้าของโครงการ ได้เบิกจ่ายเงินกู้ 950,556.7 ล้านบาท สกุลบาท 946,605.3 ล้านบาท สกุลดอลล่าร์สหรัฐ 3,951 ล้านบาท คงเหลือในบัญชีเงินกู้ 13,896.2 ล้านบาท”
และเมื่อ 27 ก.ค. 2566 สบน. ได้นำส่งเงินกูคงเหลือ คืนคลังแล้ว และประสานปิดบัญชีเงินกู้ดังกล่าว”.
