ข่าวปนคน คนปนข่าว
**นางพญาออกงาน! บารมี “แม่อ้อ” ยังเข้มขลัง เสริมส่ง“ลูกอิ๊งค์” หัวหน้าใหม่เพื่อไทย ภารกิจคัดท้ายลูกสาว ส่งถึงฝั่งเก้าอี้นายกฯ
บังเอิญหรือตั้งใจ ไม่ทราบได้ อีเวนต์แรก ภายหลังผงาดขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่ ของ“มาดามอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร เป็นการควงคู่ออกงานพร้อม“แม่อ้อ” คุณหญิงพจมาน ชินวัตร
เป็นกิจกรรมแสงนำใจไทยทั้งชาติ เดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาต ครั้งที่ 9 เฉลิมพระเกียรติ ที่บริเวณท้องสนามหลวง เมื่อช่วงเช้าตรู่ วันอาทิตย์ที่ 29 ต.ค.ที่ผ่านมา
เป็นกิจกรรมที่ มูลนิธิไทยคม ร่วมกับศูนย์โรคหลอดเลือดสมองศิริราช คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล จัดขึ้นทุกปี และคุณหญิงพจมาน ก็มักมาร่วมในฐานะตัวแทนมูลนิธิไทยคม
โดย “คุณหญิงพจมาน” มีตำแหน่งเป็นรองประธานกรรมการมูลนิธิ ที่มี “บรรณพจน์ ดามาพงศ์” พี่ชาย เป็นประธานฯ ส่วน “แพทองธาร”รวมไปถึงสามี และพี่น้องคนอื่น ก็มีชื่อเป็นกรรมการมูลนิธิไทยคมด้วย
จนอาจพูดได้ว่าเป็น “งานแม่” มากกว่างานลูก แต่เผอิญปีนี้ประจวบเหมาะที่ “ลูกอิ๊งค์” ขึ้นนั่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทย พอดี การที่“แม่อ้อ-ลูกอิ๊งค์” ออกงานคู่กัน จึงถูกจับตาเป็นพิเศษ
โดยเฉพาะในยุทธจักรการเมือง ที่รู้กันดี “คุณหญิงอ้อ” เป็น “นางพญา” ตัวจริง
ปกติตามสไตล์ คุณหญิงพจมาน มักจะเลือก “โลว์โปรไฟล์” ออกสื่อเท่าที่จำเป็น ตั้งแต่สมัยเป็นภริยานายกฯทักษิณ ชินวัตร ยิ่งหลังถูกยึดอำนาจปี 2549 กว่า 20 ปีมานี้ คุณหญิงพจมาน ออกสื่อแทบนับครั้งได้
แต่การออกสื่อแต่ละหนของ“คุณหญิงพจมาน” ก็มักถูกถอดรหัสว่ามี “นัยสำคัญ” บางประการอยู่เสมอ
ครั้งที่มีการพูดถึงอย่างกว้างขวาง เป็นช่วงเดือน ก.ย.63 ที่สถานการณ์การเมืองคุกรุ่น สารพัดม็อบกำลังกดดัน “รัฐบาลประยุทธ์”อย่างหนัก คุณหญิงพจมาน พร้อมด้วยบุตรธิดาและบุตรเขย ได้เข้าเฝ้าฯพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทูลเกล้าฯถวายรถพยาบาลสำหรับผู้ป่วยหลอดเลือดสมอง เพื่อมอบแก่โรงพยาบาลศิริราช เนื่องในวันมหิดล
ขณะที่การบริหารจัดการภายใน “ค่ายเพื่อไทย”ก็มักมีกระแสข่าวซุบซิบว่า คุณหญิงพจมาน ยังคงเป็น“นายหญิงใหญ่” กดปุ่นคอนโทรลอยู่เบื้องหลัง แต่เจ้าตัวก็ “เว้นระยะ” ไม่ปรากฏหลักฐานการครอบงำพรรคอย่างที่ถูกมองแต่อย่างใด
ว่ากันว่า อะไรๆ ที่เกี่ยวกับพรรคเพื่อไทย บัญชา “นายหญิงใหญ่” เหนือกว่า“นายใหญ่” ทักษิณ ชินวัตร เมื่อครั้งยังหนีคดีอยู่ต่างแดนเสียอีก
กระทั่ง “ลูกอิ๊งค์” เข้ามาโลดแล่นทางการเมืองเต็มตัว ในฐานะหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย “คุณหญิงพจมาน” ก็เพียงไปให้กำลังใจที่เวทีครอบครัวเพื่อไทยที่ จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นเวทีแรกๆ ที่ แพทองธารขึ้นปราศรัยเท่านั้น
อย่างไรก็ดี การปรากฏตัวครั้งนั้น ก็ถูกถอดรหัสว่า เป็นการเปิดไฟเขียวให้ “ลูกนุชสุดท้อง” มาลุยงานการเมืองเต็มตัว
แม้จะไม่ออกหน้า แต่“แม่อ้อ” ก็ยัง“เสียงดัง” พอที่จะกระตุกไม่ให้ลูกสาว “โตเกินวัย” หลังจากที่พรรคเพื่อไทย ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และ “แพทองธาร” เองก็มีชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯ คนหนึ่งด้วย
“อิ๊งค์ยังอายุน้อย ประสบการณ์ก็น้อย แต่การที่เข้ามาทำงานการเมือง ก็เพื่ออยากทำให้พรรคเพื่อไทยเข้มแข็ง ส่วนทิศทางการเมืองของอิ๊งค์ ให้เป็นไปตามสเต็ป ขณะเดียวกันตัวอิ๊งค์ ก็บอกพ่อว่า เที่ยวบินตัวเองยังไม่ได้ ซึ่งพ่อเค้าก็เข้าใจ” คุณหญิงพจมาน ว่าไว้ในวันที่ พรรคเพื่อไทยแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลครั้งแรก
คำพูดของ คุณหญิงพจมาน กลายเป็น “ประกาศิต” เบรกลูกสาวตัวเอง และส่งให้ “เสี่ยนิด”เศรษฐา ทวีสิน ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี
เป็นเหตุให้บารมีของ “คุณหญิงพจมาน” ทั้งภายในพรรคเพื่อไทย และในรัฐบาล ยังเข้มขลัง สังเกตได้จาก รายชื่อรัฐมนตรี-ข้าราชการการเมือง รวมไปถึงกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยชุดใหม่ ที่มีร่องรอยคนในอาณัติ “บ้านจันทร์ส่องหล้า”
หรืออาจพูดได้ว่า ใครก็อยากปวารณาตัวเป็น “เด็กบ้านจันทร์ฯ” กันทั้งนั้น
ไม่แปลกที่เมื่อ “หญิงอ้อ” ไปออกงานที่สนามหลวงพร้อม “หัวหน้าอิ๊งค์” จึงมีรัฐมนตรี-ข้าราชการการเมือง-สส. ทั้งจากพรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมรัฐบาล มาร่วมกันคึกคัก
ต่างจากปีก่อนที่ “แม่อ้อ” ไปร่วมกิจกรรมแสงนำใจไทยทั้งชาติฯกับ “ลูกเอม” พิณทองทา ชินวัตร ลูกคนกลาง ครั้งนั้นมีคนเพื่อไทย ไปร่วมนับหัวได้ ที่ไม่พลาดคือรายของ “มาดามแจ๋น” พวงเพ็ชร ชุนละเอียด ที่วันนี้ได้ดีเป็น รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
ยังมีข้าราชการการเมือง-สส.-อดีตผู้สมัคร สส. ไปร่วมงานอีกเพียบแบบไล่ชื่อได้ไม่หมด
แน่นอนว่าเป็นผลพวงการก้าวขึ้นตำแหน่งของ “หัวหน้าอิ๊งค์” แต่ก็มีบารมีที่เข้มขลังของ “นางพญาอ้อ” หนุนส่งด้วย ทำให้บรรดา “บริวาร” ถึงแห่มาร่วมงานอย่างคึกคัก
และด้วยวันนี้ “ลูกอิ๊งค์” ชั่วโมงบินยังไม่มากพอ คงต้องมี “แม่ทัพตัวจริง” อย่าง “หญิงอ้อ” คอยคัดท้ายให้ไปก่อน
** “โจ๊ก อยู่เป็น” อาศัยบุญเก่า “พ่อไสว” นอบน้อมเข้าหา “หญิงอ้อ” ไม่พ้นปวารณาตัวเป็น ผบ.ตร. คู่บุญ “รัฐบาลเพื่อไทย”
ควันหลงกิจกรรมแสงนำใจไทยทั้งชาติ เดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาต ครั้งที่ 9 เฉลิมพระเกียรติ ที่บริเวณท้องสนามหลวง เมื่อช่วงเช้าตรู่วันอาทิตย์ที่ 29 ต.ค.ที่ผ่านมา
ที่ได้รับความสนใจเหนือวัตถุระสงค์ของกิจกรรมคงเป็น “ผู้มาร่วมงาน”
โดยเฉพาะ “หัวหน้าอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร ที่มาพร้อม “แม่อ้อ” คุณหญิงพจมาน ชินวัตร จนทำให้งานในปีนี้คึกคักเป็นพิเศษ
มี “คนการเมือง” ไปร่วมงานเพียบ ทั้งของพรรคเพื่อไทย อาทิ “หมอชลน่าน” นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข, “มาดามปุ๋ง” สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา, “มาดามแจ๋น” พวงเพ็ชร ชุนละเอียด รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
หรือของพรคคร่วมรัฐบาลก็มี “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย, “เสี่ยท็อป” วราวุธ ศิลปอาชา รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์, “ครูอุ้ม” พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ และ “มาดามผึ้ง” ศุภมาส อิศรภักดี รมว.อุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
นอกจากนี้ยังมี “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) มาร่วมงานด้วย
แถมยังขโมยซีนแบบสุดๆ เมื่อมีภาพที่ “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์” เข้าไปทักทาย “คุณหญิงพจมาน” ด้วยท่าทีนอบน้อมตามสไตล์ “โจ๊ก หวานเจี๊ยบ”
ที่ถูกพูดถึงมาก ไม่พ้นช่วงที่ “รองฯโจ๊ก” นั่งย่อลักษณะคุกเข่า เข้าไปไหว้ สวัสดี “หญิงอ้อ” และมีการพูดคุยกัน ก่อนที่ “รองฯโจ๊ก” จะลุกขึ้นโค้งคำนับเดินจากไป
มองผิวเผิน ก็เป็นปกติที่ผู้น้อยพบผู้ใหญ่ หรือ “ข้าราชการ” ที่รู้ว่าต้องเข้าหาใครที่มีอำนาจ แต่ที่พิเศษใส่ไข่ เพราะเป็น “บิ๊กโจ๊ก” ที่ขึ้นชื่อลือชาว่า “อยู่เป็น”
เป็น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เจ้าของสมญา “แมวเก้าชีวิต” ที่เส้นทางราชการเจริญเติบโตแบบก้าวกระโดด ไม่ว่าจะเป็นยุคใครขึ้นมามีอำนาจ หรือหลายครั้งที่ “ออฟไซด์” จนทำท่าจะ “หมดอนาคต” ก็ยังกลับมาได้ทุกครั้ง
รัฐบาลไทยรักไทย ไล่เรียงมาถึงยุคทหารเรืองอำนาจ ระหว่างทางรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ หรือกระทั่งช่วงที่ พรรคก้าวไกล ทำท่าจะตั้งรัฐบาลได้ ก็ยังเห็น “รองฯโจ๊ก” ไปอี๋อ๋อกับ “รังสิมันต์ โรม” สส.คนดังค่ายสีส้มมาแล้ว
มาวันนี้ รัฐบาลพรรคเพื่อไทย คนอย่าง “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์” ย่อมรู้ดีว่าจะวิ่งเข้าหาใคร
สำคัญที่ “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์” ก็เคยเป็นเด็กในบ้านจันทร์ส่องหล้า อาณาจักรของ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯ และ “คุณหญิงพจมาน” มาก่อน
ไม่เท่านั้น ยังมีการเปิดเผยด้วยว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังมีความผูกพันธ์กับ คุณหญิงพจมาน ในทางอ้อมด้วย โดยเป็นความสัมพันธ์มาตั้งแต่สมัย “พล.ต.ท.เสมอ ดามาพงศ์” อดีตผู้ช่วยอธิบดีกรมตำรวจ บิดาของคุณหญิงพจมาน ที่มีลูกน้องคนสนิทชื่อ “ดาบไสว”
ซึ่ง “ดาบไสว”ที่ถูกพูดถึง ก็คือ “ด.ต.ไสว หักพาล” อดีตผู้บังคับหมู่งานพลาธิการ ตำรวจภูธรภาค 9 บิดาของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ นั่นเอง
โดยสมัยที่ “พล.ต.ท.เสมอ” รับราชการตำรวจ ไปปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ภาคใต้ ตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจภูธร 4 ที่รับผิดชอบทั้ง 14 จังหวัดภาคใต้ มีกองบัญชาการตั้งอยู่ที่ จ.สงขลา “ดาบไสว” ในฐานะคนพื้นที่ จึงได้ทำหน้าที่เป็นพลขับประจำตัวของ “พล.ต.ท.เสมอ”
จนมีคำพูดในพื้นที่สมัยหนึ่งว่า มี “เสมอ” ต้องมี “ไสว”
โดยมีคนตั้งข้อสังเกตว่า มี “เสมอ” ต้องมี “ไสว” เคยโจษจันมาแล้วครั้งหนึ่ง ช่วงพรรคไทยรักไทยเรืองอำนาจ จนมีคนมองว่า “บิ๊กโจ๊ก” เป็นเด็กบ้านจันทร์ส่องหล้า มาแล้ว มาวันนี้ในวันที่ “ตระกูลชินวัตร” กลับมายิ่งใหญ่ ตำนานจึงถูกกลับมาพูดถึงอีกครั้ง
และก็เชื่อว่า “บิ๊กโจ๊ก” ที่วันนี้เป็น รอง ผบ.ตร. ที่มีสิทธิ์ขึ้นเป็น ผบ.ตร.ได้ แถมมีอายุราชการเหลืออีกหลายปี รับกับอายุ “รัฐบาลเพื่อไทย” พอดิบพอดีด้วย
จึงเชื่อว่า “บิ๊กโจ๊ก” ที่โดดเด่นเรื่อง “อยู่เป็น” ก็คงหาจังหวะปวารณาตัว ขอทำหน้าที่ “เจ้ากรมปทุมวัน” เพื่อช่วย “บ้านจันทร์ส่องหล้า” ประคองอำนาจไม่ให้หลุดมือไปอีก