วันนี้(30 ต.ค.)นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงโครงการเงินดิจิทัล 10,000 บาทของรัฐบาลว่า ส่อเค้าไม่สู้ดีนัก เนื่องจากล่าสุด ส.ส.จากพรรคร่วมอย่าง พรรคภูมิใจไทย 2 คนเริ่มแสดงความไม่เห็นด้วยกับโครงการนี้แล้ว เพราะการนำเงินงบประมาณมากถึง 560,000 ล้านบาทแจกจ่ายรายหัวให้กับประชาชนนั้นเกรงจะซ้ำรอยในอดีต อีกทั้งรัฐบาลเองยังมีภารกิจพัฒนาประเทศอีกจำนวนมากมาย กลุ่มเป้าหมายก็ยังไม่ชัดเจนด้วย
โดยทั้งนี้ ส.ส. สฤษฏฺพงษ์ เกี่ยวข้องประธานกรรมาธิการแรงงาน ส.ส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทยได้ออกมาโพสต์ข้อความไม่เอาด้วยกับเงินดิจิตอลว่า เงินดิจิทัลวอลเล็ต ที่รัฐบาลแจก 10,000 บาทนั้น โดยส่วนตัวผมไม่เห็นด้วยที่จะนำมาแจกขณะนี้ เนื่องจากวันนี้เองเรามีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดอยู่บ่อยครั้ง ล่าสุดคือสงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส วันนี้พี่น้องแรงงานไทยได้รับผลกระทบมาก ประเทศไทยยังต้องใช้งบประมาณในการช่วยเหลือคนกลุ่มนี้อยู่ และอาจจะเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดอีกหลายเหตุการณ์ ไม่ว่าจะเป็นวาตภัย อุทกภัย หรือฝุ่นPM2.5 ที่จะเกิดขึ้น เหล่านี้คือปัญหาที่จะซ้ำเติมประเทศ ซึ่งถ้าเราใช้งบประมาณ 5.6 แสนล้านไปกับการแจกเงินนั้น ผมคิดว่าประเทศไม่สามารถดำเนินการในกิจการนี้ได้ เรื่องงบกลางงบฉุกเฉินก็ไม่สามารถทำได้ เรื่องการแจกเงินนั้นยังไม่รู้วัตถุประสงค์กลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน
นายสามารถ กล่าวต่อว่า สัญญาณทางการเมืองที่มาพร้อมกัน ไม่ว่าจะเป็นการออกมาเคลื่อนไหวอย่างไม่เกรงใจจากพรรคร่วมรัฐบาลที่มีเสียงมากถึง 71 เสียง ก็อาจส่งผลต่อการพิจารณางบประมาณ รวมถึงการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่ อย่าง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร และเลขาธิการพรรค สรวงศ์ เทียนทอง ก็ล้วนมีนัยยะทางการเมืองทั้งสิ้น เสมือนการนับถอยหลังตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน จนต้องเปลี่ยนม้ากลางศึกก็เป็นได้
“ตอนนี้คุณเศรษฐา ขาลอยแล้วครับ เพราะหันไป ส.ส. ก็ไม่มี หัวหน้าพรรคก็ไม่ได้เป็น นั่นคือ สิ่งที่บอกว่า ใครเป็นรัฐมนตรีรัฐบาลนี้เสียวสันหลังไปหมดครับ จากการเมืองเองพรรคร่วมก็ไม่เกรงใจแล้ว ออกมาเดินหน้าพาเหรด ว่าไม่เห็นด้วยกับเงินดิจิทัล แม้แต่ ปปช. ก็ตั้งคณะทำงานติดตามเรื่องนี้อย่างเข้มงวด เอามือระดับพระกาฬมาเป็นประธานเลย เรื่องนี้มีนัยะ ถ้ายังดึงดันอาจมีการเปลี่ยนม้ากลางศึกหรือไม่ ผมบอกเลยว่า ว่าวันไหนคุณเศรษฐา นอนทำเนียบ คืนแรก อายุงานของนายกฯ อาจนับถอยหลัง ตั้งแต่วันนั้น นั่นคือนาฬิกาทราย ว่า คุณเศรษฐา เหลือเวลาเป็นนายกฯเท่าไร บริบทการเมืองตอนนี้มาพร้อมกันหมดแล้ว ”
นายสามารถ ยอมรับด้วยว่า นัยยะทางการเมืองขณะนี้ ส่งผลต่อการทำงานของข้าราชการการเมืองด้วยเช่นกัน เพราะหลายฝ่ายไม่แน่ชัดว่าจะมีการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีคนใหม่อีกหรือไม่ จากคำพูดของนายเศรษฐา ก่อนหน้านี้ว่า เรามีนายกฯ 2 คน หรือแม้แต่ภาพการจุมพิตมือของนางสาวแพทองธาร ก็ล้วนมีนัยยะทางการเมือง ที่ต้องมาถอดความทั้งสิ้น ซึ่งทั้งหมดเชื่อว่ากำลังจะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอย่างแน่นอน