xs
xsm
sm
md
lg

“หมอวรงค์” ยื่นผู้ตรวจฯ ส่งศาลปกครองสั่งล้มแจกเงินดิจิทัล เสี่ยงทำชาติวิกฤต

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“หมอวรงค์” ยื่นผู้ตรวจฯ ส่งศาลปกครอง ล้มแจกเงินดิจิทัล ชี้ เดินหน้าเสี่ยงทำชาติวิกฤต เปิดช่องรายใหญ่ฟอกเงินสีเทา เชื่อ คนรวยได้ประโยชน์ แต่อ้างคนจนบังหน้า

วันนี้ (18 ต.ค.) นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี พร้อมมวลชนจำนวนหนึ่ง เข้ายื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้พิจารณาไต่สวนและมีความเห็นส่งศาลปกครอง เพื่อระงับโครงการเติมเงินดิจิทัล วอลเล็ต ของรัฐบาล โดย นพ.วรงค์ กล่าวว่า การมายื่นผู้ตรวจการแผ่นดินวันนี้ตั้งเป้า 2 ประเด็น คือ ต้องการขอให้ระงับยับยั้งโครงการนี้ เพราะหากยังเดินหน้าจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจอย่างใหญ่หลวง จึงอยากให้ผู้ตรวจการแผ่นดินส่งเรื่องไปให้ศาลปกครองพิจารณา และยื่นคำขอให้ศาลกำหนดมาตรการคุ้มครองชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา โดยสั่งให้ระงับโครงการดังกล่าวไว้จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย

นพ.วรงค์ ยังกล่าวอีกว่า การที่รัฐบาลได้หาเสียงประกาศที่จะแจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาทกับคนที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไปทุกคน โดยจะใช้วงเงินราว 5 แสนกว่าล้านบาท มีข้อกังวลใจว่า ถ้าต้องการช่วยเหลือคนจนทำไมถึงต้องแจกให้กับคนรวยด้วย เอาง่ายๆ คือ ส.ส.1 คน มีผู้ช่วย 8 คน เฉพาะ ส.ส.รวมครอบครัวก็จะได้ประมาณ 8 หมื่นบาท หรือครอบครัวของนายกรัฐมนตรีก็จะได้ 4-5 หมื่นบาท และที่เป็นข้อกังขา คือ ทำไมแจกเป็นเงินดิจิทัล หรือโทเคน ซึ่งมีความซับซ้อนเพราะต้องมีการแลกเปลี่ยนจากเงินสดเป็นโทเคน และโทเคนเป็นเงินสด โดยเฉพาะเงื่อนไขของการจ่ายเงินโทเคนที่ระบุว่าต้อง 6 เดือนขึ้นไปถึงจะแลกเป็นเงินสดได้ ไม่ได้เป็นประโยชน์กับคนยากจน เพราะผู้ค้ารายย่อยเขาต้องหมุนเงินทุกวัน ซึ่งจะเป็นอุปสรรค ทำให้โทเคนไปกองอยู่ที่นักธุรกิจรายใหญ่ นอกจากนี้ คนยากจนต้องการเงินสดไม่ได้ต้องการเงินโทเคน ซึ่งก็จะนำไปสู่การฟอกเงินสีเทาครั้งใหญ่ในการรับซื้อโทเคนจากคนยากจนที่เขาต้องการเงินสด อีกทั้งขณะนี้รัฐบาลก็ยังไม่สามารถชี้แจงได้ว่าจะนำเงินจากไหนมาทำโครงการนี้ จึงกังวลว่าสิ่งเหล่านี้จะนำไปสู่การทุจริตกระจายไปทั้งแผ่นดิน


“โครงการนี้ไม่ได้ช่วยคนจน แต่ช่วยคนรวย โดยเอาคนจนมาบังหน้า และสิ่งที่กระทำทั้งหมดจะนำไปสู่การขัดต่อกฎหมายหลายมาตราทั้งรัฐธรรมนูญมาตรา 162, 164 พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ 2561 เพราะโครงการนี้เป็นการใช้จ่ายเงินอย่างมหาศาลเพื่อหวังคะแนนนิยมทางการเมือง และการนำโทเคนมาใช้จ่ายแทนธนบัตรเสี่ยงขัดต่อ พ.ร.บ.เงินตรา 2501 มาตรา 6 มาตรา 9 จึงต้องการบอกประชาชนว่าอย่าให้เขาหลอก ผมจึงได้รวบรวมข้อเท็จจริง ความเห็นจากนักวิชาการ อดีตผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย อดีต รมว.คลัง มาเสนอต่อผู้ตรวจการแผ่นดินให้ส่งศาลปกครองพิจารณาเพื่อยับยั้งโครงการดังกล่าว”

นพ.วรงค์ กล่าวอีกว่า ที่ไม่ไปยื่นต่อศาลปกครองโดยตรง เนื่องจากโครงการนี้ยังไม่ได้เริ่มต้น มาตรการทางปกครองจึงไม่ได้เกิด แต่มีการแถลงเป็นนโยบายต่อรัฐสภาเรียบร้อยแล้ว จึงไม่อยากให้เกิดความเสียหายเหมือนโครงการจำนำข้าว ดังนั้น เพื่อไม่ให้ประเทศชาติเสียหายก่อน จึงมีช่องทางเดียวคือยื่นผ่านผู้ตรวจการแผ่นดินไปยังศาลปกครอง ยกเว้นถ้ามีมติคณะรัฐมนตรีให้มีการดำเนินโครงการ ก็จะถือว่ามาตรการทางปกครองเกิดขึ้นแล้วสามารถที่จะยื่นตรงต่อศาลปกครองได้ ส่วนอีกข้อห่วงใยคือถ้ามีการดำเนินโครงการ และมีการแจกโทเคนซึ่งจะขึ้นเป็นเงินสดได้ต้องผ่านไปแล้ว 6 เดือน หากในช่วงเวลานั้นเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง เช่นมีการยุบสภา เงินนี้ใครจะรับผิดชอบ เชื่อว่ารัฐบาลใหม่ก็จะไม่รับผิดชอบจะต้องบอกว่าให้ไปขึ้นเงินกับรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน ก็จะเกิดความวุ่นวายเกิดการผูกคอตายของผู้ค้ารายย่อย

เมื่อถามว่า เหตุยังไม่เกิดการไปร้องศาลปกครอง อาจะไม่รับคำร้อง นพ.วรงค์ ย้ำว่า ตนไม่ต้องการให้ประเทศชาติเกิดความเสียหาย แต่สิ่งนี้มีการแถลงต่อรัฐสภาเป็นหลักฐานเรียบร้อยแล้ว มีความตั้งใจกระทำให้เกิดขึ้น การกระทำที่มีแนวโน้มจะเกิดขึ้น หากมีการวิเคราะห์จะนำไปสู่ความเสียหายทางเศรษฐกิจ ก็จะเป็นช่องทางของผู้ตรวจการแผ่นดิน ยกเว้นมีมติ ครม.ดำเนินการแล้ว เสียหายแล้ว เราสามารถร้องตรงไปยังศาลปกครองและ ป.ป.ช.ได้ เรายังใจดีกับรัฐบาล เราไม่อยากเห็นนายกฯหนีหรืออยู่ในคุก

เมื่อถามต่อว่า โครงการดิจิทัล วอลเล็ต ต่างจากโครงการจำนำข้าวอย่างไร นพ.วรงค์ กล่าวว่า ทั้งสองโครงการมีจุดเหมือนกันมาก โครงการรับจำนำข้าวมีงบประมาณ 94,000 ล้านบาท มีความเสียหายไม่ใช่เฉพาะช่วงรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ แต่นับไปถึงรัฐบาลนายสมัคร เสียหายเกือบ 9 แสนล้าน เฉพาะรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ เสียหาย 6 แสนล้าน แต่โครงการดิจิทัล 5 แสน 6 หมื่นล้านบาท มีหน่วยงานออกมาเตือนไม่แตกต่างกับสมัย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในสมัย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตายด้วยทุจริต และแต่โครงการนี้ถ้ารัฐบาลเดินหน้าก็จะตายด้วยทุจริตด้วยการใช้โทเคน แต่ถ้าไม่ใช้โทเคน โอนเป็นเงินสดผ่านบัญชีโกงยาก อันนั้นอาจจะไม่ตาย แต่อาจจะทำให้เกิดความเสียหายกับการเงินการคลังของประเทศ ขอเตือนหากใช้โทเคนเมื่อไหร่คุกรออยู่แน่นอน


เมื่อถามว่า โครงการนี้จะเข้าข่ายฟอกเงินครั้งใหญ่อย่างไร นพ.วรงค์ กล่าวว่า ตนเชื่อว่าโทเคนขณะนี้ชาวบ้านยังไม่รู้จัก ยิ่งการบังคับว่าต้องผ่านไป 6 เดือนถึงจะขึ้นเงินได้ ซึ่งชาวบ้านต้องการเงินสด ร้านค้าในหมู่บ้านไม่มีทางอยากจะรับเพราะไม่มีเงินหมุน เมื่อประชาชนต้องการเงินสด ร้านค้าหัวดี คนที่มีเงินสีเทาจำนวนเยอะๆ สามารถจะไปร่วมมือเอาเงินสีเทาไปรับซื้อโทเคน วิธีการนี้เป็นกระบวนการฟอกเงินสีเทาของประเทศครั้งใหญ่ที่ประชาชนอาจคาดไม่ถึง

“ถ้าผมเป็นนายเศรษฐาจะแถลงบอกเลยว่าเมื่อถึงที่สุดแล้ว มันเป็นปัญหา มีอุปสรรค และประชาชนต้องการเงินสด พี่น้องประชาชนไม่อยากจะเห็นเอาเงินสดไปให้ตระกูลเศรษฐีใหญ่ๆ หรือครอบครัว ส.ส. ส.ว. ดังนั้น เราจะลดไซส์ จะแจกเป็นเงินสด เฉพาะคนจนที่อยู่ในระบบที่เราต้องการจะช่วย อาจโดนด่านิดหน่อยแต่เชื่อประชาชนรับได้ ยังดีกว่าลุยไฟไปข้างหน้าแล้วมีความเสี่ยงต่อประเทศ เสี่ยงต่อพวกเราทุกคน ย้ำว่า เฉพาะ พ.ร.บ.เงินตรา มาตรา 6 ที่คุณเอาวัตถุมาใช้แทนเงินตรา มันจะทำให้ประเทศเกิดเงินสองระบบ เป็นเงินของแบงก์ชาติที่มีกฎหมายรองรับ และเงินของรัฐบาลที่มีแต่รัฐบาลรองรับ ถ้าผมเป็นต่างชาติผมไม่ถือเงินบาทแน่นอน ถ้าเกิดปัญหาแบงก์ชาติไม่ได้รับรอง อัตราแลกเปลี่ยนก็จะไหลออกไปเพราะคนไม่เชื่อค่าเงินบาท จึงขอเรียกร้องคุณเศรษฐา ถอยไปสักก้าวหนึ่ง ยอม โดยด่านิดหน่อย”

นพ.วรงค์ ยังเชื่อว่า การที่นายกฯ ไม่ระบุถึงบริษัทพัฒนาระบบซูเปอร์แอป และงบฯในการใช้สร้างระบบ เพราะรู้แล้ว แต่ไม่เปิดเผย มีตัวเลขและบริษัทอยู่ในหัวแล้ว ถ้าหากแฟร์จะต้องเปิดเผยให้ประชาชนทราบ แต่รัฐบาลยังอึมครึม ไม่แฟร์ ไม่ตรงไปตรงมา จึงทำให้เกิดปัญหา ตนจึงเชื่อว่า การแจกเป็นโทเคนจะนำไปสู่วิกฤตครั้งใหญ่ของประเทศ


กำลังโหลดความคิดเห็น