รัฐบาล “โทนีคิดเศรษฐาทำ” ยังคงดันทุรังเดินหน้าโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 560,000 ล้านบาทให้ชาวบ้านอายุ 16 ปีขึ้นไปอ้างว่าต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ
รัฐบาลผลัดกันเปลี่ยนหนังหน้าไฟมาชี้แจงถึงหนทางที่จะทำให้โครงการนี้เป็นไปได้ เปลี่ยนคำชี้แจงเป็นรายวันเหมือนตาบอดคลำช้าง
ไม่ใส่ใจเสียงเตือนจากบรรดาผู้รู้ด้านเศรษฐกิจการเงินการคลัง ซึ่งมีทั้งอดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยและผู้เชี่ยวชาญด้านอื่นรวมอยู่ด้วย
ทำให้คนสงสัยว่ามันอะไรกันนักกันหนาที่จะต้องแจกเงิน ทั้งที่เศรษฐกิจไม่ได้ถดถอย ซบเซา เงินเฟ้อก็ไม่สูงและประชาชนเริ่มใช้จ่าย หลังจากโควิดระบาดสิ้นสุด
คำถามเดิมๆ ซ้ำซากที่คนสงสัยอยากรู้ว่า เอาเงินมาจากไหน ก็ยังไม่มีคำตอบ และถ้ามีเงิน ทำไมไม่แจกเป็นเงินสดเอามาแจกเป็นโทเคนทำไม ก็ยังทำบื้อไขสือ
ทำให้คนรู้ทันจี้ใจว่ามีบริษัทตัวกลางจะได้ค่าธรรมเนียมเป็นเงินกว่า 30,000 ล้านบาท ใช่หรือไม่และยังไม่รวมกำไรจากการซื้อขายโดยตรงอีก
มีเสียงร่ำลือว่าโครงการ 6 เดือนคนวางแผนจะโกยเงินเป็น 100,000 ล้านบาทยิ่งกว่าปล้นกลางเมือง เพราะทำอย่างถูกต้องตามกฎหมาย แต่ความเสียหายจากการสร้างหนี้สินให้ประเทศมหาศาล
การที่นายกฯ เศรษฐาไม่ยอมฟังเสียงทักท้วงจากใครทำให้ชาวบ้านยิ่งสงสัยว่าโครงการนี้เดิมพันสูงสำหรับพวกอยู่เบื้องหลังแผนการและกล้าเสี่ยงติดคุก
สถานการณ์ดูเหมือนจะไม่ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปากเพราะมีหน่วยงานตรวจสอบของรัฐเริ่มเข้ามายุ่มยาม อยากรู้รายละเอียดทุกขั้นตอนและจะหยุดยั้ง ถ้าเห็นวี่แววว่าจะเกิดความเสียหายรุนแรงต่อความมั่นคงด้านเศรษฐกิจของประเทศ
พรรคร่วมรัฐบาลเริ่มมีท่าทีหวั่นไหวและออกอาการว่าจะต้องคิดหนักในการจะร่วมล่มหัวจมท้ายกับพรรคเพื่อไทย หลังจากเห็นหายนะจากโครงการรับจำนำข้าวและมีคนติดตะรางหลายราย
โครงการแจกเงินดิจิทัลจึงมีแต่คำถามหรือข้อสงสัยแต่ไม่มีคำตอบ ทั้งด้านแหล่งเงินว่าจะเจียดจากงบประมาณ ระงับบางโครงการ และกู้บางส่วนผ่านธนาคารของรัฐ
แต่ไม่มีอะไรเป็นสัญญาณชัดเจนว่าจะสำเร็จจนกระทั่งเริ่มมีเสียงอ้อมแอ้มว่า อาจใช้เงินเพียง 400,000 ล้านบาทไม่ใช่เพราะคนไม่ต้องการ แต่หาเงินได้ไม่ถึง 560,000 ล้านบาทต่างหาก
ยิ่งโครงการยืดเยื้อต่อไป ก็ทำให้เห็นได้ชัดว่ายากที่จะสำเร็จไม่ว่าจะเป็นการเตรียมการลงทุนในระบบบล็อกเชนและเครือข่ายจำเป็นต่างๆ ซึ่งต้องใช้เงินและเวลาเพื่อให้ปลอดภัยสำหรับระบบ
งบประมาณของปี 2566 ก็ยังไม่ได้ใช้แล้วต้องใช้เวลาอีก 4-5 เดือนซึ่งจะทำให้ทุกอย่างติดขัดไปหมดสำหรับโครงการเงินดิจิทัล
คำพูดของผู้มาอธิบายเกี่ยวกับโครงการเงินดิจิทัลจึงเหมือนบ่งชี้ว่าจะทำกันแบบสุกเอาเผากินขอให้ได้ทำเป็นการปูทางไว้ก่อน ขณะเดียวกันก็ปั่นกระแสเรียกร้องให้ชาวบ้านที่ต้องการเงินที่จะออกมาเล่นงานพวกไม่เห็นด้วยกับโครงการนี้
นี่จึงเป็นเกมอันตรายสำหรับนายเศรษฐาซึ่งเป็นอดีตนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่อยากจะเล่นเกมเสี่ยงทางการเมืองกับมวลชน ซึ่งอาจจะนำไปสู่ความขัดแย้งอย่างรุนแรงในสังคม ในเวลาที่คนต้องการเงิน
ถ้านายเศรษฐาต้องการจะรู้ว่าผลของเกมเสี่ยงอันตรายกับเศรษฐกิจของประเทศเป็นอย่างไร น่าจะโทรศัพท์ไปคุยกับนางสาวยิ่งลักษณ์อดีตนายกฯ ซึ่งยังคงหนีคุกจากคดีจำนำข้าวอยู่ต่างประเทศ
หรือว่ารู้อยู่แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้นแต่ก็ยังจะทำเพราะเงินดิจิทัลมันยั่วใจเกินห้ามอย่างนั้นหรือ
แม้จะพยายามซื้อยื้อเวลาหาทางจะทำให้โครงการสำเร็จ ดูเหมือนว่ากำลังจะหาทางลงอยู่เช่นกัน และรับความหายนะกับการเสียหน้าอย่างแรง ถ้าเห็นประตูคุกเปิดรออยู่