รมช.คลัง ปัดไม่ได้ใช้งบ 1.2 หมื่นล้าน ทำซูเปอร์แอปฯ จ่ายเงินดิจิทัล วอลเล็ต ชี้ ให้สถาบันการเงินรัฐทำ ใช้งบไม่มาก ลั่น จะไม่มีคนกลุ่มใดได้ประโยชน์-ซ้ำรอยจำนำข้าว ไม่มีการหัก 3% ชี้ โปร่งใส-ปลอดภัยมาก
วันที่ 17 ต.ค. 66 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงการทำ “ซูเปอร์แอปฯ” ในการจ่ายเงินดิจิทัล วอลเล็ต จะใช้งบประมาณจัดทำเท่าไหร่ ว่า เป็นความร่วมมือของกระทรวงการคลัง และสถาบันการเงินของรัฐ ซึ่งสถาบันการเงินของรัฐเข้ามาช่วยเรื่องการพัฒนาระบบ โดยในส่วนค่าใช้จ่ายไม่มีตัวเลขอะไรที่น่าเป็นห่วง และขณะนี้กำลังคุยกันอยู่ว่าหน่วยงานใดจะเป็นผู้จ่ายเงิน
อย่างไรก็ตาม โครงการนี้เป็นการเติมเงิน 10,000 บาท โดยผ่านดิจิทัล วอลเล็ต มีเงื่อนไขใหม่ อาทิ ห้ามใช้เกี่ยวกับอบายมุข, การออมและการใช้หนี้ ซึ่งถือเป็นกลไกใหม่ในการช่วยเหลือประชาชนเพื่อผลักดันให้เม็ดเงินสู่ระบบ
เมื่อถามว่า ขณะนี้ได้บริษัทผู้ดำเนินการจัดทำ ซูเปอร์แอปฯ แล้วหรือยัง นายจุลพันธ์ ปฏิเสธว่า ไม่ใช่บริษัท แต่เป็นธนาคารที่อยู่ในการกำกับของรัฐ เป็นผู้ดำเนินการโดยไม่ได้มีการจ้างบริษัทภายนอก พร้อมยืนยันว่า ไม่มีการจัดซื้อจัดจ้าง
ส่วนธนาคารผู้จะทำแอปฯ คือธนาคารใด นายจุลพันธ์ ระบุว่า ต้องให้ธนาคารในการกำกับดูแลของรัฐไปประชุมและมอบหมายกันเอง โดยจะมีการประชุมในวันพฤหัสบดีที่ 19 ตุลาคมนีั ส่วนจะได้คำตอบหรือไม่ก็ต้องขึ้นอยู่กับคณะกรรมการชุดดังกล่าว ซึ่งตนไม่สามารถตอบได้
สื่อถามย้ำว่า จะไม่มีคนกลุ่มใดได้ประโยชน์จากการจะทำแอปพลิเคชันใช่หรือไม่ นายจุลพันธ์ ย้ำว่า ไม่มี พร้อมยืนยันว่า เป็นโครงการที่โปร่งใสมาก และระบบบล็อกเชนก็มีความปลอดภัยมากที่สุดในตอนนี้ ที่สามารถตรวจสอบความผิดพลาดและการทุจริตได้ด้วย
เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวว่า ค่าจัดทำแอปฯ สูงถึง 12,000 ล้านบาทนั้น รมช.คลัง หัวเราะ พร้อมปฏิเสธว่า ไม่มีทาง ฟังแล้วก็ยังตลกอยู่เลย ไม่มีแอปพลิเคชันไหนพัฒนาในราคานั้น
เมื่อถามว่า การทำแอปฯ ต้องใช้งบประมาณเท่าไหร่ รมช.คลัง ระบุว่า ตนไม่กล้าตอบตัวเลขที่ชัดเจน แต่เท่าที่ทราบไม่ได้มากอะไร
เมื่อถามว่า ทำไมไม่ใช้แอปฯ เป๋าตัง นายจุลพันธ์ ระบุว่า แอปฯ เดิมเมื่อมาทำดิจิทัล วอลเล็ต ฟังก์ชันจะเกิดความแตกต่างในระบบและวัตถุประสงค์ก็แตกต่าง เพราะของเรากำหนดในบล็อกเชน ซึ่งเป็นข้อมูลที่ต้องมีความปลอดภัยและมีกลไกที่โปร่งใส
นอกจากนี้ แอปฯ ในอดีตข้อมูลยังเป็นของรัฐแต่ตัวแอปพลิเคชันไม่ใช่ของรัฐ ดังนั้น การต่อยอดจึงมีข้อจำกัด แต่แอปฯ ใหม่จะดึงข้อมูลของรัฐที่เป็นประโยชน์มาใช้ อย่างเช่น ฐานข้อมูล และโครงการดิจิทัล วอลเล็ต ไม่มีการลงทะเบียนแต่จะให้มีการยืนยันตัวตน เพราะมีข้อกฎหมายของธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดไว้
เมื่อถามถึงแหล่งที่มาของเงินทั้งหมดที่รัฐใช่งบ 5.6 แสนล้านบาท จะสามารถใช้เงินนอกงบประมาณที่มีอยู่ 4.8 ล้านล้านบาท ตามที่ นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ส.ส.แพร่ แกนนำพรรคเพื่อไทย ระบุไว้หรือไม่ รมช.คลัง กล่าวว่า อันนี้ไม่รู้ ไม่ทราบ ตนไม่ได้ฟังเขาพูด จึงไม่กล้าตอบ
ส่วนที่ขณะนี้มีกระแสข่าวการเตรียมฟ้องร้องโครงการดังกล่าว รมช.คลัง กล่าวว่า ไม่เป็นไร ใครมีสิทธิดำเนินการตามช่องทางทางกฎหมายก็สามารถดำเนินการได้ อย่างเช่น ป.ป.ช. ก็ตั้งคณะกรรมการติดตาม ตนก็ยอมรับว่า ถือเป็นสิ่งดีมาก เพราะมีหน่วยงานรัฐมาช่วยดูเพื่อให้เกิดความรอบคอบ และตนก็พร้อมเสนอตัวไปคุยกับ ป.ป.ช.เอง เพื่อชี้แจงให้คลายกังวล และขณะเดียวกัน ก็รับข้อสังเกตมาปรับปรุง เพื่อให้โครงการเดินหน้าและไม่เสียวัตถุประสงค์ตามที่ตั้งเป้าหมายไว้
สื่อถามว่า มีการวิพากษ์วิจารณ์จะซ้ำรอยโครงการรับจำนำข้าวหรือไม่ รมช.คลัง ระบุว่า คนละเรื่องเลย ไม่เหมือนกันเลย อันนี้เป็นกลไกที่เราจะกระตุ้นในเรื่องเศรษฐกิจโดยใช้ประชาชนเป็นเครื่องมือ ซึ่งเรื่องนี้ตนยังหาโหว่ไม่ได้เลยตรงไหนอย่างไร
ทั้งนี้ มีกระแสข่าวจะมีการเก็บค่าแลกเงินร้านค้าในการแลกเงินเข้าและออกจำนวน 3% นั้น รมช.คลัง ระบุว่า อันนี้คิดไปเอง ไม่มี เพราะไม่ใช่คริปโต เพราะโครงการนี้เป็นการเติมเงิน 10,000 บาท เข้าไปในกระเป๋าเงินดิจิทัล และยืนยันว่า ประชาชนจะได้เงิน 10,000 บาทเต็มๆ ไม่มีหัก รวมถึงไม่มีการจัดเก็บเงินเปอร์เซ็นต์จากร้านค้าด้วยเช่นกัน พร้อมยืนยันว่า โครงการดังกล่าวไม่มีทางทำไม่ได้ ต้องทำได้แน่นอน