ข่าวปนคน คนปนข่าว
**คาใจ "โทนี่การละคร" ป่วยทิพย์ "บิ๊กต่อ" สั่งรายงาน "พี่ศรี" ไม่ทน ร้องยุติธรรมสอบ
“ทักษิณ ชินวัตร” ยังคงเป็นปัญหาเล่นเอาใครต่อใครต้องกุมขมับปวดเศียรเวียนเกล้า เพราะปมประเด็นสถานะนักโทษเด็ดขาดชั้นดีแต่ VVIP เหนือคนอื่น ถูกครหามาถึงทุกวันนี้
อย่างล่าสุดว่าด้วยภาพไวรัล เหมือนแอบถ่าย หรือจงใจให้แอบถ่าย ขณะนอนในเตียงเคลื่อนย้ายผ่านทางเดินเท้าเพื่อไปทำซีทีสแกน และเอ็มอาร์ไอ นั่นไง
นอกจากจะเป็นเรื่องให้โซเชียลฯ แชร์ภาพวิพากษ์กันอย่างกระหน่ำยังทำเอา "บิ๊กต่อ" พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ต้องมาตอบคำถามเช่นกัน เพราะตั้งแต่ทักษิณ ซึ่งเป็นผู้ต้องขังเด็ดขาดชั้นดี อยู่ในการควบคุมของกรมราชทัณฑ์ โดยเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ส่งมารักษาอาการป่วยที่ รพ.ตำรวจ ตั้งแต่วันที่ 23 ส.ค. มาถึงปัจจุบัน ก็ปาเข้าไปเกือบ 60 วัน ในวันที่ 20 ต.ค.นี้แล้ว...แล้วจะยังไงต่อ ??
“ลุงโทนี่” ยังจะต้องนอนพักรักษาตัวภายนอกเรือนจำที่ ชั้น 14 อาคารมหาภูมิพลราชานุสรณ์ 88 พรรษา อีกนานแค่ไหน?
ภาพที่ “โทนี่” ปรากฏนอนบนรถพยาบาลใช่เป็นการสร้างฉากเพื่อจะขออยู่ต่อหรือไม่?
งานนี้ “พล.ต.อ.ต่อศักดิ์” ตอบได้เพียงว่า เนื่องจากตัวเองเพิ่งเข้ามารับตำแหน่ง ผบ.ตร. และไม่ได้ดูมาตั้งแต่ต้น แต่ก็ได้สั่งให้มีการรายงานขึ้นมาให้ทราบแล้ว
เบื้องต้น “ทักษิณ” อยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์ และทางราชทัณฑ์ประสานมาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในส่วนของตำรวจช่วยดูแลเรื่องความปลอดภัย ส่วนขบวนการขั้นตอนต่างๆ ขอดูข้อมูลก่อน
อย่างว่าก็น่าเห็นใจ “บิ๊กต่อ” ที่ต้องรับเผือกร้อน การขอดูข้อมูลก่อน ก็น่าจะเป็นสิ่งที่ทำได้ตอนนี้ แต่คนที่ไม่รอดูอะไร ใส่ได้ใส่ ฟาดได้ฟาด ก็คือ "พี่ศรี" นักร้องขาประจำ
ว่าแล้ว “ศรีสุวรรณ จรรยา” ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน เมื่อวาน(17ต.ค.) เดินทางมายื่นคำร้องต่อปลัดกระทรวงยุติธรรม เพื่อขอให้ตั้งคณะกรรมการพิเศษขึ้นมาสอบสวน กรณีมีพฤติการณ์ที่เชื่อได้ว่า มีการสมรู้ร่วมคิดกันในการสร้างสถานการณ์ ให้นักโทษชายเด็ดขาดได้รักษาตัวต่อใน รพ.ตำรวจ ซึ่งขัดต่อพ.ร.บ.ราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560 และกฎกระทรวง หรือไม่
“พี่ศรี” ได้ยกภาพโทนี่นอนเตียงเคลื่อนย้ายไปตามทางด้านล่าง รพ.ตำรวจ โดยไม่มีการปิดกั้นมิให้ผู้ใดล่วงรู้ หรือถ่ายภาพได้ แต่กลับมีภาพดังกล่าวเผยแพร่ออกมาสู่โซเชียลฯ และสื่อ เพียงภาพเดียวเท่านั้น ชี้ให้เห็นว่า มีเจตนาที่จะสร้างละครปล่อยภาพให้เป็นข่าว จึงไม่มีการปิดบังใบหน้าผู้ป่วย ขณะเคลื่อนย้าย
การกระทำดังกล่าวเป็นการเล่นละครจัดฉากกันเพื่อหวังตบตาสังคม หรือเพื่อเอื้อประโยชน์กันในการชงเรื่องมายังปลัดกระทรวงยุติธรรม เพื่อขอนอนรักษาตัวใน รพ.ตำรวจต่อไป โดยไม่ต้องกลับเข้าคุกอีกหรือไม่ ? และ ชายผู้ที่นอนป่วยดังกล่าว มิได้มีการตัดผมเกรียน ไม่เป็นไประเบียบกรมราชทัณฑ์ ว่าด้วยการตัดผมผู้ต้องขัง 2565
สรุปว่า กรณี “นักโทษชายโทนี่” เหตุใดจึงเลือกปฏิบัติ หรือให้อภิสิทธิ์ชนจนดูน่าเกลียดเกินไปหรือไม่ ?
“พี่ศรี” เห็นว่า การที่กรมราชทัณฑ์ให้ความเห็นชอบให้นักโทษเด็ดขาดชายรายนี้ออกไปรักษาตัวนอกเรือนจำ หรือ รพ.ตำรวจนั้น เป็นการใช้อำนาจเกินไปกว่าที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ และหรือจึงเป็นการใช้ดุลยพินิจมิชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
เยี่ยงนี้ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ไม่ควรทำหน้าที่เพียงแค่ตรายาง หรือรับรายงานจากอธิบดีกรมราชทัณฑ์ มาเพื่อทราบแต่เพียงอย่างเดียว แต่ควรต้องใช้อำนาจตามกฎหมายในการทำความจริงให้ปรากฏได้ ด้วยการตั้งคณะกรรมการพิเศษขึ้นมาตรวจสอบ เพื่อนำความจริงมาเปิดเผยให้สาธารณชนทราบ หากพบใครผิด ก็ลงโทษเสียจึงจะชอบ
เรียกว่า งานนี้ “ศรีไม่ทน” ส่วนคนไหนหรือใครจะเดือดร้อนจาก “โทนี่การละคร” นักโทษโคตร VVIP หรือไม่ ? นี่ก็ต้องติดตามดูกันต่อไป
**“ลุงป้อม”ใช้ใจบันดาลแรง เตรียมปรับทัพใหม่ ดึง “รองต๊ะ” นั่งโฆษกพรรค
หลังการจัดตั้ง “รัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน” เสร็จเรียบร้อย “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่เป็นหนึ่งในพรรคร่วม ไม่ยอมรับตำแหน่งใดๆในรัฐบาล แต่ส่งน้องชาย “บิ๊กป๊อด” พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ มารับตำแหน่งรองนายกฯ และรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแทน จากนั้น “ลุงป้อม” ก็ทำตัวโลว์โปรไฟล์ ห่างหายไปจากหน้าสื่อ แถมมีข่าวจะลาออกจากส.ส.บัญชีรายชื่อ ให้ลูกพรรคคนถัดไปได้ขยับขึ้นมาเป็น ส.ส.ด้วย
ขณะที่ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อส่งลูกทีมในพรรครวมไทยสร้างชาติ เข้าร่วมรัฐบาลเสร็จ ก็ได้สบายอก สบายใจ ได้เวลาพักผ่อน ตอนนี้กำลังตระเวนชมธรรมชาติ และความทันสมัยของบ้านเมือง ที่ญี่ปุ่นกับ “อาจารย์น้อง” นราพร จันทร์โอชา ภริยา และลูกสาวแฝด “พลอย กับเพลิน”
และแล้ว ช่วงบ่ายวานนี้ (17 ต.ค.) “ลุงป้อม” ที่บอกว่าไม่มีวันทิ้งพรรค ก็เดินทางเข้าไปที่พรรคพลังประชารัฐ เพื่อเป็นประธานการประชุมส.ส. เตรียมจัดทัพ ปรับโครงสร้างพรรคใหม่ และมีแผนไปสัมมนาสมาชิกพรรค ที่ จ.ภูเก็ต ในวันที่ 20-21 ต.ค.นี้
ตำแหน่งในพรรคที่ถูกจับตาตอนนี้ นอกจากเหรัญญิกพรรค ที่ว่างลงหลังจาก “อ.แหม่ม” นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เพิ่งลาออก ไปเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ก็มีโฆษกพรรค อีกตำแหน่งที่มีกระแสข่าวว่า “พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย” อดีตผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ที่เพิ่งเกษียณอายุราชการเมื่อ 30 ก.ย.ที่ผ่านมา จะมาแทน “อรรถกร ศิริลัธยากร” โฆษกพรรคคนปัจจุบัน และเมื่อวานนี้ “พล.ต.ท.ปิยะ” ก็เข้ามาที่พรรคด้วย
เมื่อถูกสอบถามถึงกระแสข่าวว่าจะมารับตำแหน่งโฆษกพรรค “พล.ต.ท.ปิยะ” ก็พยักหน้ารับ และบอกว่ายังไม่ใช่ในการประชุมพรรคครั้งนี้ เพราะแม้จะเกษียณอายุราชการแล้ว แต่ยังดำรงตำแหน่งเป็นราชองครักษ์พิเศษอยู่ ซึ่งจะต้องไปดำเนินการทางธุรการ และกราบบังคมทูลขอพระราชวินิจฉัย เพื่อขอมาดำรงตำแหน่งทางการเมืองก่อน
สำหรับ “พล.ต.ท.ปิยะ” เป็นนักเรียนนายร้อย รุ่น 38 มีเพื่อนร่วมรุ่น คือ “พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์” ผบ.ตร.ที่เพิ่งเกษียณอายุราชการไปเช่นกัน นอกจากนี้ยังจบ ปริญญาโท บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต จากม.เกษตรศาสตร์ เมื่อปี 2540 และ บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ เมื่อปี 2549 ระดับ ปริญญาเอก การจัดการดุษฎีบัณฑิต จากม.ราชภัฏสวนดุสิต ปี 2558
ชีวิตราชการตำรวจ วนเวียนและเติบโตในพื้นที่นครบาล จนเรียกได้ว่าเป็นลูกหม้อนครบาลคนหนึ่ง “พล.ต.ท.ปิยะ” เป็นที่รู้จักในสังคมวงกว้าง ก็ช่วงที่ดำรงตำแหน่ง รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) และโฆษก บช.น ที่ตอนนั้นชื่อของ “รองต๊ะ” โด่งดังมาก เพราะต้องออกหน้าแถลงข่าว แถลงการณ์ ความเคลื่อนไหวของม็อบเกือบทุกวัน เพราะในช่วงปลายรัฐบาล พล.ต.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นั้นมีการชุมนุม เคลื่อนไหวของม็อบกลุ่มสามนิ้ว และเครือข่ายต่างๆ แทบไม่เว้นวัน แถมยิ่งเคลื่อนไหว ยิ่งยกระดับความรุนแรง
เรียกว่าในชีวิตตำรวจ “รองต๊ะ” รับม็อบจนคุ้นมือ ไม่ว่าจะเป็น สีส้ม สีเหลือง สีแดง ผ่านมาแล้วทั้งนั้น เพราะมีหน้าที่ดูแลความสงบในเมืองหลวงมาตลอด ก่อนจะย้ายไปเป็นผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5
เมื่ออยู่สายนครบาล และเคยเป็น ผู้กำกับสน.โชคชัย มาก่อน ก็เป็นธรรดาที่จะต้องรู้จักมักคุ้น ในฐานะผู้ใต้บังคับบัญชาของ “บิ๊กป๊อด” พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร. ที่ปัจจุบันเป็นรองนายกฯ ควบ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เมื่อเบนเข็มเข้าสู่การเมืองในฐานะ โฆษกพรรคพลังประชารัฐ ครั้งนี้ “รองต๊ะ” บอกว่าเป็นตำแหน่งที่สามารถช่วยเหลือประเทศชาติได้ และ พลังประชารัฐ เป็นพรรคที่ก้าวข้ามความขัดแย้ง ที่สำคัญ อยู่เคียงข้างชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
ส่วนในรายละเอียดของงาน ก็หวังจะมาสานต่อในส่วนที่พรรคพลังประชารัฐได้ทำไว้ เช่น การแก้หนี้ ปัญหาโลกร้อน และการสานต่อเรื่องมรดกโลก ซึ่งอยู่ในการดูแลของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงวัฒนธรรม
บทบาทของ “รองต๊ะ” อดีตโฆษก บช.น. ที่เข้าสู่การเมืองในฐานะโฆษกพรรคพลังประชารัฐ จะรุ่งโรจน์ทั้งคน ทั้งพรรคหรือไม่ ต้องติดตาม