ข่าวปนคน คนปนข่าว
**เห็นความหวังรำไรกับโผนายพลตำรวจยุค “บิ๊กต่อ” ไร้เรื่องฉาวซื้อขายตำแหน่ง ต่างจากสมัย 3 ป. ราวฟ้ากับเหว
หวยนายพลระดับ “ผู้บัญชาการ”จะออกที่ใคร ส่วนใหญ่ตอนนี้ทราบกันหมดแล้ว แต่จะครบถ้วนทุกคนตามที่บอร์ดกลั่นกรอง หรือคณะกรรมการพิจารณารายชื่อข้าราชการตำรวจนำโดย "บิ๊กต่อ" พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. เป็นผู้เสนอหรือไม่ คงต้องรอลุ้นกันอีกยกตอนเช้าวันที่16 ต.ค.นี้
โดย “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี จะเดินทางมาเป็นประธานการประชุม ก.ตร.ร่วมกับ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิที่มาจากการเลือกตั้งของตำรวจทั่วประเทศ ประกอบด้วย พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก, พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์, พล.ต.อ.วินัย ทองสอง ส่วน ก.ตร.แต่งตั้งคือ ฉัตรชัย พรหมเลิศ, รศ.ประทิต สันติประภพ, ศ.ศุภชัย ยาวะประภาษ, ปิยวัฒน์ ศิวรักษ์ เลขาธิการ ก.พ. และ น.ส.อ้อนฟ้า เวชชาชีวะ เลขาธิการ ก.พ.ร.
ว่ากันตรงๆไม่อ้อมค้อม แม้ชื่อนายตำรวจบางคนอาจจะสงสัยว่าถูกสลับสับเปลี่ยน “ตัวเต็ง”มาได้อย่างไร แต่ต้องยอมรับว่า การแต่งตั้งตำรวจระดับนายพลในยุคที่มีพลเรือนเป็นนายกรัฐมนตรี และหมดบารมีของ “3 ป.” ไปแล้วไม่มีกลิ่น ไม่มีข่าว ไม่มีเสียงแม้แต่แอะเดียว ว่ามีการทุ่มเงินซื้อ-ขายเก้าอี้!!
นี่ถือว่า เป็นนิมิตหมายที่ดี เพราะตำแหน่งแห่งหนที่ได้มาเมื่อไม่มีการลงทุน ก็ไม่จำเป็นต้องไล่เก็บต้นทุนให้ชาวบ้านชาวช่องเดือดร้อน ให้ขายขี้หน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรืออัปยศอดสู เป็นขี้ปากเหม็นหึ่ง ฉาวโฉ่เฉกเช่นที่ผ่านๆ มา
แต่ก็นั่นแหละคงไม่มีอะไรถูกใจไปซะหมด วิเคราะห์เก้าอี้ตัวแรกพิจารณาเรียงลำดับอาวุโสตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ฉบับใหม่ ซึ่งมีสาระสำคัญเน้นเรื่องความเก๋า ห้ามไม่ให้ข้ามหัวอย่างที่ผ่านมาๆ ยกเว้นกรณีพิเศษจริงๆ
เริ่มจากตำแหน่ง รอง ผบ.ตร. ที่ว่างไป 3 ตำแหน่ง มีการเสนอชื่อ “พล.ต.ท.ไกรบุญ ทรวดทรง” นรต.39 เป็น จตช. “พล.ต.ท.สราวุฒิ การพานิช” นรต.40 เป็น รอง ผบ.ตร. ฝ่ายบริหาร และ “พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์” นรต.42 เป็น รอง ผบ.ตร.ฝ่ายสืบสวน ทั้ง 3 เก้าอี้นี้ ไม่น่ามีอะไรผิดพลาด
ระดับ ผู้ช่วย ผบ.ตร. 5 ตำแหน่ง ไล่กันตามอาวุโส “พล.ต.ท.โสภณรัชต์ สิงหจารุ” นายแพทย์ใหญ่(สบ8) นรพ.ตร. “พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจะพันธ์” ผบช.สตม.นรต.39 ขยับขึ้น “พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรง” หรือ “โอ๋สืบ6” ผู้ลือลั่น ลุกจากเก้าอี้ ผบช.ภ.7 “พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี” ผบช.ภ.6 นรต.41 และ “พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์” หรือ “ป๋าแมน”ของน้องๆ ได้เวลาขึ้นเป็นผู้ช่วย ผบ.ตร.เช่นกัน
ระดับ ผบช. ว่าง 16 ตำแหน่ง บอร์ดตำรวจยึดหลักอาวุโส 50% 8 คน ที่เข้าหลักเกณฑ์ คือ พล.ต.ต.ฐากูร นัทธีศรี รอง ผบช.ภ.3 พล.ต.ต.กฤษกร พลีธัญญวงศ์ รองผบช.ศ. พล.ต.ต.กิตติศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ รอง ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.พิสิฐ ตันประเสริฐ รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. พล.ต.ต.กฤตธาพล ยี่สาคร รอง ผบช.ภ.5 พล.ต.ต.นิตินันท์ เพชรบรม รอง ผบช.น. และ พล.ต.ต.ยงเกียรติ มนประณีต รอง ผบช.ตชด. ทั้งนี้คาดว่าผู้ดำรงตำแหน่งระดับ ผบช.ได้แก่พล.ต.ต.กฤษกร พลีธัญญวงศ์ รอง ผบช.ศ. นรต.42 เป็น ผบช.ศ. พล.ต.ต.ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ รอง ผบช.ภ.8 นรต.41 เป็น ผบช.ท่องเที่ยว
ส่วน ผบช. ที่นั่งอยู่ในตำแหน่งเดิมคือ “บิ๊กจ้าว” พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง นรต.40 เก้าอี้ยังเหนียวนั่งเป็น ผบช.น. อีกสมัย พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผบช.ภ.8 “บิ๊กก้อง” พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช นรต.50 ผบช.ก. และ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. หรือกองบัญชาการตำรวจไซเบอร์สายตรง “บิ๊กต่อ” พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.ประจำสนง.ผบ.ตร. พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผบช.ประจำ สนง.ผบ.ตร.และพล.ต.ท.สันติ ชัยนิรามัย จเรตำรวจ (สบ8) หัวหน้าจเรตำรวจ
คราวนี้มาดูกลุ่ม ผบช. ตัวเลขที่คาดว่าจะได้รับการพิจารณาคือ พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงนอก รอง ผบช.น.เป็นผบช.ภ.1 พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม อดีตนายเวร พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ สลับจาก ผบช.ภ.3 มาเป็น ผบช.ภ.2 พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.ภ.2 ข้ามมาเป็น ผบช.สตม. พล.ต.ต.ฐากูร นัทธีศรี รอง ผบช.ภ.3เป็น ผบช.ภ.3พล.ต.ต.กิตติศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ รอง ผบช.ภ.1 มีความสนิทสนมกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ขึ้นเป็น ผบช.ภ.6 แต่อาจเบียดกับ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.กมค. หัวหน้าชุด PCT4 ที่นำทีมเข้าปฏิบัติการตรวจค้นบ้าน "บิ๊กโจ๊ก" พล.ต.อ.สุรเชษฐ หักพาล ซึ่งขณะนี้มีโผโยกไปเป็น ผบช.สพฐ. พล.ต.ต.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบช.สยศ. เป็น ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.กฤตธาพล ยี่สาคร รอง ผบช.ภ.5 เป็น ผบช.ภ.5 พล.ต.ท.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย ผบช.ประจำ สนง.ผบ.ตร. เป็น ผบช.ปส. พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส. เป็น ผบช.ภ.4 พล.ต.ต.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผบช.ภ.9 เก้าอี้เหนียวหนึบอยู่ที่เดิม พล.ต.ต.ยงเกียรติ มนประณีต รอง ผบช.ตชด.เป็น ผบช.ตชด. พล.ต.ต.ศิร์ธัชเขต ครูวัฒนเศรษฐ์ รอง ผบช.ก.รรท.รองผบช.สกพ. เป็นจเรตำรวจ (สบ.8) เช่นเดียวกับ พล.ต.ต.สยาม บุญสม รอง ผบช.น.เป็นจเรตำรวจ (สบ.8)
สรุปก็เป็นไปอย่างที่บอกคือ เป็นโผตำรวจระดับนายพล ที่แวดวงตำรวจด้วยกันเองรับได้ แม้จะมีระบบอุปถัมภ์อยู่บ้างแต่ไม่มีข่าวคราวให้อื้อฉาวในเรื่องซื้อขายตำแหน่ง ซึ่งถือว่าสำเร็จตามเจตนารมณ์ของ พ.ร.บ.ตำรวจในระดับหนึ่ง
คิวต่อไปคือ “นายพลเล็ก” หรือระดับกองบังคับการต่างๆ ทั่วประเทศซึ่งมีเป็นร้อยตำแหน่ง หวังเหลือเกินว่า จะไม่มีเรื่องไม่ดีงามเกิดขึ้นอีก และนับจากนี้ต่อไปคือห้วงเวลาที่ข้าราชการตำรวจ จะต้องกอบกู้ศักดิ์ศรี เกียรติยศ และศรัทธาจากประชาชน กลับคืนมาให้ได้
** "ลุงตู่"ขอเที่ยวนะจ๊ะ พร้อมครอบครัวบินทัวร์ญี่ปุ่นในรอบ10 ปี
หลังจากลงจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี "ลุงตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี คนที่ 29 พยายามเก็บตัวอย่างเงียบๆ แต่ดูเหมือนช่วงนี้จะมีความเคลื่อนไหวของลุงมาให้ติ่งพอได้หายคิดถึง
เริ่มจาก ศูนย์ปฏิบัติการนายกรัฐมนตรีหรือ "PMOC" เพจเฟซบุ๊กที่สนับสนุนการทำงานรัฐบาลลุงตู่ เคลื่อนไหวเปลี่ยนชื่อเพจเป็น “ผลงานพลเอกประยุทธ์ นายกรัฐมนตรีแห่งความเปลี่ยนแปลง” (Prayuth’s Memory of Change)
ฟังว่า เหตุที่เปลี่ยนชื่อด้วย “ลุงตู่” หมดวาระลง เราเป็นครอบครัวเล็กๆ ในออนไลน์ที่ช่วยกันเผยแพร่ผลงานเพื่อประชาชน ตามแนวคิด #ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์
ทีมแอดมิน PMOC ขอกราบขอบพระคุณ FC ทุกท่าน ที่ส่งกำลังใจให้นายกฯลุงตู่ ของเราอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เปิดเพจใน ต.ค.2562 จำนวน 77,463 follows
ทีมแอดมินขอปรับเปลี่ยนชื่อใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลง ในชื่อ #ผลงานพลเอกประยุทธ์นายกรัฐมนตรีแห่งความเปลี่ยนแปลง (Prayuth’s Memory of Change) เพื่อให้ครอบครัวเรายังเป็นส่วนหนึ่งในสังคมไทยในการสื่อสารผลงานของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์เพื่อประโยชน์ของชาติต่อไป
แน่นอนว่า เพจสนับสนุนลุงออกตัวแบบนี้ ในโลกโซเชียลฯ จะยังมีประเด็นของลุงตู่ให้ติดตาม
แต่หาก FC คนไหนอยากเจอตัว “ลุงตู่” เป็นๆช่วงนี้น่าจะหาตัวลำบากหน่อยเพราะแว่วว่า พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมครอบครัว ศรีภรรยา "อาจารย์น้อง" นราพร จันทร์โอชา และลูกฝาแฝด บินไปพักผ่อนที่ประเทศญี่ปุ่น ปู๊นๆเมื่อคืน (15ต.ค.) แล้วนะจ๊ะ
“ลุงตู่” พาครอบครัวไปญี่ปุ่นครั้งนี้ ไปในนามส่วนตัวซึ่งคนใกล้ชิดบอกว่า ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปีเลยทีเดียว ที่ไปเที่ยวกันพร้อมหน้าพร้อมตาพ่อแม่ลูก
พล.อ.ประยุทธ์ เคยเปรยกับสื่อในวันสุดท้ายของการทำงานในตำแหน่งนายกฯ ว่า สิ่งที่อยากจะทำเป็นสิ่งแรกๆหลังจากว่างงานอยากจะพาครอบครัวเที่ยวสักครั้ง และประเทศที่อยากจะไปมากที่สุดก็คือ แดนปลาดิบ เพราะที่ผ่านมาเคยแต่ไปทำงาน ไม่เคยได้เที่ยวชมความงามของญี่ปุ่นเลย
โอกาสนี้เป็นโอกาสดีที่ชีวิตทุกอย่างลงตัวจึงไปทัวร์ญี่ปุ่นดูใบไม้เปลี่ยนสี รับอากาศดีๆ ให้หนำใจสักประมาณหนึ่งสัปดาห์เต็ม
ช่วงระหว่างนี้ FC ลุงตู่ ที่อยู่ในญี่ปุ่นหากพบเจอลุงตู่ก็ทักทายกันได้นะจ๊ะ