ข่าวปนคน คนปนข่าว
** ล้วงลึกให้รู้จัก “มินนี่”เจ้าแม่เว็บพนันออนไลน์อิสานพันล้าน ผู้หญิงที่ลูกน้องโจ๊กพันพัว!
จากปฏิบัติการคอมมานโดบุกค้นบ้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ตามมาด้วยการจับกุม“ลูกน้อง” คนรอบกาย “บิ๊กโจ๊ก”ฐานพัวพันแก๊งพนันออนไลน์
ขณะที่จะถามไถ่กันว่า เหตุไปไงมาไง ก็ปรากฏมีภาพว่อนเน็ต สัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดาระหว่างนายตำรวจใหญ่ ลูกน้องบิ๊กโจ๊ก กับ“ มินนี่” หญิงสาววัย 20 กว่าๆ หน้าตาสวย ที่ก่อนหน้าตกเป็นผู้ต้องหาในคดีเป็นเจ้าของเว็บพนันออนไลน์
ตอกย้ำความเชื่อมโยงให้ถึงบางอ้อกัน เมื่อ “พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ” ผบช.กมค. เปิดเผยเบื้องหลัง การเช้าจับกุมตำรวจ 8 นาย ว่า งานนี้ “สืบจากนารี” มินนี่ นี่เอง
ย้อนไป 30 ก.ค.ที่ผ่านมา หลังจับกุมน้องมินนี่กับพวก ตำรวจได้ข้อมูลเส้นทางการเงินก่อนรวบรวมพยานหลักฐานจนถึงวันศุกร์ที่ผ่านมา มีหลักฐานออกหมายจับเพิ่ม 23 ราย โดยเป็นตำรวจ 8 นาย ดังกล่าว
ตำรวจได้แกะรอยจาก “มินนี่” และ “พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิสมัย” โดยทั้งคู่รู้จักและสนิทสนมกัน จนนำมาสู่การออกหมายจับ
ถามว่า เส้นทางชีวิตของ “มินนี่” เป็นมาอย่างไรก่อนจะเข้าสู่วงการเว็บพนันออนไลน์ จนกลายเป็นเจ้าแม่เว็บพนันออนไลน์
“มินนี่” หรือ “น.ส.ธันยนันท์” อายุราว 24-25 ปี เป็นคนจังหวัดเลย พื้นเพทางครอบครัวของมินนี่มีทั้งเงิน และบารมีในท้องถิ่น เพราะมีพ่อเป็นถึงสมาชิกสภาจังหวัด หรือ ส.จ.เลย
แน่นอนว่า ขึ้นชื่อเป็นนักการเมืองท้องถิ่นมากบารมี พ่อของมินนี่ก็ไม่ใช่ธรรมดา มินนี่จึงเหมือนลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น แต่ด้วยความฉลาด มีไหวพริบดี ทำให้ เธอถูกมองว่า เหนือกว่าผู้เป็นพ่อ โดยเฉพาะด้าน“สีเทา” ด้วยการผลักดันตัวเองขึ้นเป็น “เจ้าแม่บ่อนพนันออนไลน์” แห่งภาคอีสาน
“มินนี่และพ.ต.อ.ภาคภูมิ” ทั้งสองพบกัน ตอน พ.ต.อ.ภาคภูมิ ขึ้นจาก รอง ผกก. มาเป็น ผกก.สส.ภาค 4 มีอำนาจสืบสวนปราบปรามการทำผิดกฎหมาย ในแถบอีสานตอนบน
ว่ากันว่า ก่อนมาเจอกันนั้น “มินนี่” อีกบทบาทหนึ่ง คือเป็นหน้าเสื่อ คอยเคลียร์ส่วยให้กับตำรวจภาค 4 อยู่ก่อนแล้ว “พ.ต.อ.ภาคภูมิ”เมื่อได้เจอกับมินนี่ ก็ต้องมนต์สะกด คล้ายกามเทพแผลงศร จากสัมพันธ์ธรรมดาจึงค่อยๆ บ่มเพาะเป็นความลึกซึ้งตรึงใจ ดังที่ชาวเน็ตได้เห็นกันในภาพ
เพราะ จับมือไว้แล้วไปด้วยกันกับตำรวจคนของเธอ ว่ากันว่า ธุรกิจสีเทาของเจ้าแม่เว็บพนันออนไลน์ ก็ติดปีก
เว็บพนันของมินนี่ เติบโตพรวดพราด จากไซส์เล็ก กลายเป็นรายใหญ่แห่งภาคอีสาน และก็ทำหน้าที่เก็บเงินจากเว็บพนันต่างๆ เอามาส่งส่วยให้กับตำรวจด้วย
ด้วยเหตุนี้ “มินนี่” จึงมี เว็บเครือข่ายพนันออนไลน์จำนวนมากในมือที่มาอาศัยร่มเงาบารมีของเธอเพื่อความอยู่รอดปลอดภัยจากการถูกทลายจากตำรวจ จนมินนี่ มีอีกฉายาในวงการว่า “เจ้าแม่อายุน้อยร้อยเว็บ”
บารมี “มินนี่”เบ่งบานสุดๆ และเป็นการสยายปีกอย่างแท้จริงของมินนี่ ก็ตอนที่นายตำรวจส่วนตั๊วส่วนตัวของเธอ ซึ่งเป็นลูกน้อง “บิ๊กโจ๊ก” นำพาเธอมาเจอกับเจ้านาย แม้จะเป็นแค่การ “ปาร์ตี้” คาราโอเกะ อย่างที่มีคลิปว่อนเน็ต แต่การมีภาพร่วมร้องเพลงกับ รอง ผบ.ตร ก็นับว่าเพียงพอ
ภาพ “มินนี่” ร้องเพลงกับ “บิ๊กโจ๊ก” ย่อมส่งสัญญาณไปยังเว็บพนันต่างๆ ให้เชื่อมั่นในเครดิตของเธอ ว่า มินนี่นั้นเป็นของจริง สายแข็ง!
ฟังว่า “มินนี่” พอติดปีก ไม่กี่ปี ธุรกิจเว็บพนันออนไลน์และรายได้อื่นๆ ไหลมาเทมากลายเป็นเศรษฐีนีสีเทา มีทรัพย์สินพุ่งสู่หลักพันล้าน!!
แต่คนคำนวณไม่สู้ฟ้าลิขิต ชีวิต มินนี่เปลี่ยนไปเมื่อถูกจับ และหลังทีมสอบสวนขยายผล บรรดาคนที่เธอไปพัวพัน ใครต่อใครที่พันพัวกับเธอ ก็กำลังจะเจอมรสุมชะตาเดียวกัน จนกลายมาเป็นที่มาของเรื่องช็อกซีนีม่า วงกากีอีกครั้ง !
**นายกฯตั้ง “ปลัดฉิ่ง-ชาติพงษ์-วินัย” 3 ประสาน สอบคลี่ปม “บิ๊กโจ๊ก-ลูกน้อง” โยงเว็บพนัน
คดี “กำนันนก” นครปฐม เริ่มซาจากหน้าสื่อ ก็มีเรื่องใหม่ของตำรวจที่ช็อกสังคมมาแทนที่ คือกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดคอมมานโด ถือหมายเข้าตรวจค้นบ้าน 5 หลังที่ “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. และลูกน้องพักอาศัย ที่หมู่บ้านภายในซอยวิภาวดี 60 ด้านหลังสโมสรตำรวจ ในเช้าตรู่ วันที่ 25 ก.ย.ที่ผ่านมา แต่ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย
ที่มาของปฏิบัติการครั้งนี้ เพราะในทางสืบสวนพบว่า ตำรวจที่เป็นลูกน้อง “บิ๊กโจ๊ก” 8 นาย มีความเชื่อมโยงเว็บพนันออนไลน์ และถูกออกหมายจับ
ขณะเดียวกันที่การแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่ ยังไม่ลงตัวจึงมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่ามีการเมืองภายในสำนักงานตำรวจแห่งช่าติเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
เรื่องนี้ “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังออกปากว่าเป็น “เรื่องใหญ่” ที่กระทบต่อความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมอย่างรุนแรง และได้เซ็นคำสั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง และข้อกฎหมาย ต่อเรื่องดังกล่าวในวันเดียวกันนั้นเลย โดยให้ “ปลัดฉิ่ง” ฉัตรชัย พรหมเลิศ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานกรรมการ, “ชาติพงษ์ จีระพันธุ” อดีต รองอัยการสูงสุด เป็นกรรมการ และ “พล.ต.อ.วินัย ทองสอง” อดีต รอง ผบ.ตร. เป็นกรรมการ และเลขานุการ
ให้กรรมการชุดนี้ มีหน้าที่และอำนาจตรวจสอบข้อเท็จจริง และข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเข้าค้นบ้านพักข้าราชการตำรวจชั้นผู้ใหญ่ และเคหะสถานอื่นหลายแห่งทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 25 ก.ย. และที่จะดำเนินการต่อเนื่องไป แล้วรายงานนายกรัฐมนตรีภายใน 30 วัน โดยให้คณธกรรมการรายงานความคืบหน้าต่อนายกรัฐมนตรีทุก 10วัน
ถือว่าเป็นการแต่งตั้ง “คนนอก” ที่เป็นผู้ทรงคุณวุฒิ ได้รับการยอมรับในเรื่องความซื่อตรง เข้ามาเป็นกรรมการสอบ แม้จะมี “พล.ต.อ.วินัย ทองสอง” อดีต รอง ผบ.ตร. ร่วมเป็นกรรมการด้วยก็ตาม แต่ก็ยังดีกว่าตั้งคนในล้วนๆ ให้มีข้อครหาว่า “โปลิสสอบตำรวจ” สุดท้ายก็ไม่มีอะไรในกอไผ่ หรือ แค่เห็นชื่อกรรมการแล้ว ก็ให้รู้สึกว่าต้องเอนเอียงไปทางนั้น ทางนี้ เพราะในสตช. ก็รู้ๆ กันอยู่ ว่าใครเป็นใคร อยู่สายไหน
สำหรับ “ฉัตรชัย พรหมเลิศ” หรือ “ปลัดฉิ่ง” อดีตผู้ว่าฯลพบุรี อดีต อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสารณภัย และเกษียณในตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นนักปกครองที่มากความสามารถ มีประสบการณ์ และเป็นคณะกรรมการการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ) อันดับ 1 ทั้งยังได้รับเลือกให้เป็นประธาน คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เมื่อช่วงเดือนมี.ค.ที่ผ่านมานี่เอง
คาดว่า เหตุที่ได้รับการทาบทามมาเป็นประธานกรรมการ เพื่อมาตรวจสอบ และคานอำนาจตำรวจ ในเรื่องเส้นทางการเงิน ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญของกรณ๊ที่เกิดขึ้นนี้
ส่วน “ชาติพงษ์ จีระพันธุ” อดีตรองอัยการสูงสุด ที่มีความรู้เรื่องในวงการตำรวจเป็นอย่างดี เพราะเป็นบุตรชาย “พล.ต.อ.สุพาสน์ จีระพันธุ” อดีตผู้บัญชาการสอบสวนกลาง
“ชาติพงษ์” ขึ้นชื่อในฝีมือเรื่องปราบการทุจริตฯ มีประสบการณ์มาก เคยนั่งรองอธิบดีอัยการคดีพิเศษ เเละ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีเศรษฐกิจ เป็นหัวหน้าคณะทำงานที่คุมคดีสำคัญ ของสำนักงานคดีพิเศษหลายคดี เช่น คดีทุจริต สหกรณ์เครดิต ยูเนี่ยนคลองจั่น ซึ่งเกี่ยวพันถึงคดีทุจริตฟอกเงินเครือข่ายวัดธรรมกาย, คดีธนาคารกรุงไทย ปล่อยกู้ กลุ่มบริษัท กฤษดามหานคร รวมถึงคดีทุจริตการฟอกเงินในโครงการบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน
เป็นกรรมการสอบวินัยร้ายแรง “เนตร นาคสุข” อดีตรองอัยการสูงสุด ที่สั่งไม่ฟ้องคดี “บอส”วรยุทธ อยู่วิทยา ปัจจุบันเป็นอัยการอาวุโส สำนักงานชี้ขาดคดีสำนักงานอัยการสูงสุด ถือเป็นกรรมการคนกลางอย่างแท้จริง ที่ถูกเลือกเข้ามาทำหน้าที่นี้
ส่วน “พล.ต.อ.วินัย ทองสอง” นรต.32 อดีต รองผบ.ตร. และเป็น ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ที่มาจากอดีตข้าราชการตำรวจ และนายกสมาคมตำรวจ เคยดำรงตำแหน่งผู้บังคับการกองปราบปราม ในปี2547 ด้วยยศ พลตำรวจตรี (พล.ต.ต.) ในยุครัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ทั้งยังเคยเป็นผู้บัญชาการตำรวจนครบาล คุมเมืองหลวงด้วย
พล.ต.อ.วินัย ได้ชื่อว่า เป็นนายตำรวจที่มีความสนิทสนม และเกี่ยวพันกับตระกูลชินวัตร เนื่องจากภริยา มีศักดิ์เป็นหลานสาวของ คุณหญิงพจมาน อดีตภริยาของนายทักษิณ
ที่ผ่านมามีผลงานโดดเด่น ในเรื่องผลักดันในการปฏิรูปตำรวจ และออกมาสนับสนุน ข้าราชการตำรวจที่ดี ไม่มีเส้น ไม่มีผู้ใหญ่หนุนหลัง ในการการพิจารณาตำแหน่ง เลื่อนขั้น ด้วยหลักคุณธรรม ความสามารถ อาวุโส และสนับสนุนให้มีการเลือกตั้ง ก.ตร.จากข้าราชการตำรวจ แบบศาล กับอัยการ
การที่ “พล.ต.อ.วินัย” ถูกเลือกเข้ามาเป็นกรรมการในครั้งนี้เนื่องจากเป็นคนซื่อตรง และกล้าที่จะเข้ามาแกปัญหาอย่างตรงไปตรงมา เพื่ออนาคตของข้าราชการตำรวจ
ก็ต้องติดตามว่า ภายในกรอบเวลา 30 วัน คณะกรรมการชุดนี้ จะสรุปผลการสอบในเรื่องนี้ออกมาอย่างไร และคนที่ต้องลุ้นระทึกมากกว่าใคร ก็คงไม่พ้น “บิ๊กโจ๊ก”!!