โฆษก ตร.เผย นายกฯ มีคำสั่งตั้ง “ปลัดฉิ่ง-ชาติพงษ์-วินัย” สอบปมค้นบ้าน "บิ๊กโจ๊ก" ขีดเส้นให้รายงานผลภายใน 30 วัน ขณะที่ผบ.ตร.ตั้งจเรตำรวจตรวจสอบคู่ขนาน
วันนี้ (26 ก.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากกรณีเมื่อวันที่ 25 ก.ย.ที่ผ่านมา ตำรวจศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.) หรือ PCT ได้ขออนุมัติศาลออกหมายค้นจำนวน 30 จุด และหมายจับจำนวน 23 หมายจับ ในกรณีที่มีพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการจับกุมการพนันออนไลน์ ซึ่งทางพล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้รายงานโดยตรงต่อนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้รับทราบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยนายกรัฐมนตรีได้ให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าว โดยกำชับให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายเพราะเป็นเรื่องที่กระทบต่อขวัญกำลังใจและเป็นที่สนใจของประชาชน และอาจกระทบกระเทือนต่อความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม ประกอบกับรัฐบาลมีนโยบายขจัดผู้มีอิทธิพล และการกระทำผิดกฎหมายต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพนันออนไลน์ ให้หมดสิ้นไปอย่างจริงจังสมควรที่สังคมจะมีโอกาสทราบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ตลอดจนพฤติกรรมและพฤติการณ์ ของบุคคลผู้เกี่ยวข้อง ภายใต้หลักความโปร่งใสและเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย
"อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 11(6) แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 จึงมีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 247/2566 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายกรณีดังกล่าว โดยมี บุคคลภายนอก 2 คน ประกอบด้วย นายฉัตรชัย พรหมเลิศ หรือปลัดฉิ่ง อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ เป็นประธานคณะกรรมการฯ และ นายชาติพงษ์ จีระพันธุ อดีตรองอัยการสูงสุด เป็นกรรมการ และมีพล.ต.อ.วินัย ทองสอง อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจเเห่งชาติ เป็นกรรมการเเละเลขานุการ โดยให้ประธานกรรมการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีจำนวนไม่เกิน 2 คนเป็นผู้ช่วยเลขานุการ โดยให้ดำเนินการตรวจสอบและรายงานผลให้นายกรัฐมนตรีรับทราบภายใน 30 วัน"โฆษก ตร.ระบุ
ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวต้องไม่ก้าวล่วงหน้าที่และอำนาจตามกฎหมายของเจ้าหน้าที่ซึ่งเกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าวได้ตามที่เห็นสมควร ในกรณีที่จำเป็น นายกรัฐมนตรีอาจมีคำสั่งให้ขยายระยะเวลาตามวรรคหนึ่งออกไปอีก ทั้งนี้ ให้คณะกรรมการรายงานความคืบหน้าต่อนายกรัฐมนตรีเป็นระยะทุก 10 วัน
พล.ต.ท.อาชยน กล่าวว่า เนื่องจากกรณีดังกล่าวเกี่ยวข้องกับข้าราชการตำรวจในการกระทำผิดจึงมีคำสั่งให้ให้จเรตำรวจดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงควบคู่ไปด้วย ส่วนข้าราชการตำรวจทั้ง 8 นายที่ถูกออกหมายจับจะมีคำสั่งให้ออกจากรายการไว้ก่อนหรือไม่ ต้องรอการรายงานจากพนักงานสอบสวนอีกครั้ง ขณะที่ ผบ.ตร.ยังไม่ได้เรียก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เข้ามาพบแต่อย่างใด ส่วนการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร.เพื่อพิจารณาแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่ในวันพรุ่งนี้ ( 27 ก.ย.) ยังเป็นกำหนดตามเดิม ไม่มีคำสั่งเลื่อนการประชุมตามที่มีกระแสข่าวแต่อย่างใด
มีรายงานว่าสำหรับ นายฉัตรชัย พรหมเลิศ หรือปลัดฉิ่ง อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ชนะการเลือกตั้ง ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ประเภท (ข) อันดับ 1 ทั้งยังได้รับเลือกให้เป็นประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินเมื่อช่วงเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งคาดว่าเหตุที่ได้รับการทาบทามมาเป็นประธานกรรมการ เพื่อมาตรวจสอบเเละคานอำนาจตำรวจ
ส่วน นายชาติพงษ์ จีระพันธุ อดีตรองอัยการสูงสุด สำหรับชื่อนี้ในวงการอัยการเป็นที่รู้จักกันอย่างดี เนื่องจาก นายชาติพงษ์ ขึ้นชื่อในฝีมือเรื่องปราบการทุจริตฯ มีประสบการณ์มาก เคยนั่งรองอธิบดีอัยการคดีพิเศษ เเละอธิบดีอัยการสำนักงานคดีเศรษฐกิจ เป็นหัวหน้าคณะทำงานที่คุมคดีสำคัญของสำนักงานคดีพิเศษหลายคดี เคยเป็นกรรมการสอบวินัยร้ายแรงนายเนตร นาคสุข อดีตรองอัยการสูงสุด สั่งไม่ฟ้องคดีลูกนักธุรกิจชื่อดังขับรถชนคนตาย ที่ถูกเลือกเข้ามาเป็น 1 ใน3 กรรมการทั้งที่ไม่ได้เป็น ก.ตร.ถือเป็นกรรมการคนกลางอย่างเเท้จริงที่ถูกเลือกเข้ามาทำหน้าที่ตรงไปตรงมา เนื่องจากมีความรู้เรื่องในวงการตำรวจเป็นอย่างดี เพราะเป็นบุตรชาย พล.ต.อ.สุพาสน์ จีระพันธุ อดีตผู้บัญชาการสอบสวนกลาง ปัจจุบัน เป็นอัยการอาวุโส สำนักงานชี้ขาดคดีสำนักงานอัยการสูงสุด
ด้าน พล.ต.อ.วินัย ทองสอง อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจเเห่งชาติ เเละเป็น ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิที่มาจากอดีตข้าราชการตำรวจ เเละนายกสมาคมตำรวจ ทั้งยังเคยเป็นผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ที่ผ่านมามีผลงานบทบาทผลักดันในเรื่องการปฎิรูปตำรวจ เเละออกมาสนับสนุนข้าราชการตำรวจที่ไม่มีเส้น ไม่มีผู้ใหญ่หนุนหลัง ในการพิจารณาตำแหน่ง เลื่อนขั้น ด้วยหลักคุณธรรม ความสามารถ อาวุโส