ข่าวปนคน คนปนข่าว
**“ปิยบุตร” สุดจะทน ฟาดก้าวไกล หยุดซุกปัญหาความรุนแรงทางเพศ
เพราะพรรคก้าวไกล หาเสียงชูประเด็นยกระดับมาตรฐานการเมืองไทย ประกาศจุดยืนเรื่องความเท่าเทียม ต่อต้านการคุกคามทางเพศ ความรุนแรงทางเพศ เมื่อคนของพรรคก้าวไกล ไม่ว่าจะเป็นแค่สมาชิกพรรค ผู้สมัครส.ส. รวมทั้งตัวส.ส.ของพรรค ไปมีเรื่องอื้อฉาว ในเรื่องคุกคามทางเพศ หรือความรุนแรงทางเพศ จึงถูกวิพากวิจารณ์ มีการพูดถึงกันมากเป็นพิเศษ
ไม่ใช่ “ก้าวไกล” ถูกจับผิดมากกว่าพรรคอื่น แต่ถูกสังคมเรียกร้องให้ทำตามที่พรรคได้ประกาศไว้มากกว่า ไม่ใช่ทำตรงข้ามกับที่พูด
มีการตั้งข้อสังเกตว่า คนของพรรคก้าวไกลที่ถูกร้องเรียนด้วยเรื่องเหล่านี้ ถ้าเป็นผู้สมัครส.ส.ที่สอบตก ก็จะถูกจัดการทันที อย่างเช่นกรณีของ “เกรียงไกร จันกกผึ้ง” อดีตผู้สมัคร ส.ส.ชัยภูมิ ที่ถูกร้องเรียนเรื่องการล่วงละเมิดทางเพศ พรรคก็มีมติให้ลงโทษด้วยการขับออกจากสมาชิกภาพไปแล้ว
หรือถ้าเป็นส.ส.บัญชีรายชื่อ ก็พร้อมที่จะลงโทษด้วยการปลดออก หรือบีบให้ออก แล้วให้ผู้ที่อยู่ลำดับถัดไปได้เลื่อนขึ้นมาเป็น ส.ส.แทน อย่างเช่นกรณีของ "ณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์" ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ถูกจับเมาแล้วขับ
แต่ถ้าเกิดขึ้นกับส.ส.เขต ทางพรรคจะพยายามยื้อเรื่องไว้ ถ้าจะลงโทษ ก็ไม่ถึงขั้นให้ออกจากส.ส. อย่างกรณีของ “สิริน สงวนสิน” ส.ส.กรุงเทพฯ ที่ได้ทำร้ายแฟนสาวของตัวเอง พรรคลงโทษด้วยการตัดสิทธิ์ไม่ให้ได้รับการเสนอชื่อดำรงตำแหน่งสำคัญในพรรค พร้อมทำขึงขังคาดโทษว่า หากกระทำผิดอีกครั้ง พรรคจะขับออกจากสมาชิกภาพทันที
หรือกรณี “วุฒิพงศ์ ทองเหลา” ส.ส.ปราจีนบุรี ที่ถูกร้องเรียน ว่ามีพฤติกรรมคุกคามทางเพศทีมงานอาสาสมัครของตนเอง โดยฝ่ายหญิงที่เป็นผู้เสียหาย บอกว่าได้ทำหนังสือร้องเรียนไปยังพรรคก้าวไกล ตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เพื่อให้ดำเนินการสอบสวนเอาผิด หรือลงโทษ แต่เรื่องเงียบ จึงต้องใช้ช่องทางประจานทางโซเชียลฯ
กระนั้นทางพรรคก็ยังเฉย จนในที่สุด ส.ส.คนต้นเรื่อง ก็ทนนิ่งอยู่ไม่ไหว ออกมาโพสต์คลิปชี้แจงว่า ว่าเป็นเรื่องเก่า ตั้งแต่ช่วงก่อนเป็นส.ส. ที่เอามาเผยแพร่ตอนนี้ เพราะจงใจดิสเครดิตตนเอง ที่กำลังตรวจสอบทุจริตในจังหวัด... เมื่อออกมาโพสต์ เหมือนเอาดีเข้าตัวอย่างนี้ ทัวร์ยิ่งไปลงที่พรรคก้าวไกลอย่างหนัก
ทางพรรคจึงให้ “ไอติม” พริษฐ์ วัชรสินธุ โฆษกพรรค และ “ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์” สส.กรุงเทพฯ ในฐานะกรรมการวินัยพรรคก้าวไกล ออกมาแถลงว่า ทางคณะกรรมการวินัยพรรคสืบสาวราวเรื่องแล้วยอมรับว่า “มีมูล” และคาดว่าจะได้ข้อสรุปในเดือนต.ค.นี้
เรื่องนี้ “ปิยบุตร แสงกนกกุล” เลขาธิการคณะก้าวหน้า ที่เคยบอกว่าจะไม่ยุ่ง ไม่วิพากวิจารณ์พรรคก้าวไกลแล้ว ยังทนไม่ไหว ต้องออกมากระตุกต่อมสำนึก เพราะตั้งแต่มีประเด็นข่าวนี้ ก็เฝ้ารอดูปฏิกิริยาจากทางพรรค แต่ไม่เห็นระดับแกนนำพรรคจะแสดงอะไรออกมา หรือมีก็น้อยมาก แถมล่าช้า เรียกได้ว่า ไม่สมกับเป็นพรรคที่ประกาศจุดยืนว่าให้คุณค่าเรื่องความเสมอภาคเท่าเทียมทางเพศ
ยิ่งส.ส.ผู้ถูกร้องเรียน ไปไลฟ์สดแถลงเอง พรรคยิ่งเสียหายหนัก เพราะผู้แถลงยังแถแบบเอาดีใส่ตัว
“ปิยบุตร”บอกว่ามีคนถามไถ่เข้ามาเยอะมาก ว่าคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้ และขอให้เสนอแนะแนวทางแก้ไข หรือแสดงจุดยืนในเรื่องนี้ด้วย ... จึงจำเป็นต้องออกมาบอกว่า พรรคก้าวไกลควรให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ให้มาก
ต้องพัฒนาแนวทางและนโยบายต่อต้านการคุกคามทางเพศในสถานที่ทำงาน อย่างจริงจัง เป็นรูปธรรม ในทุกระดับ สร้างสถานที่ทำงานที่ปลอดภัยสำหรับทุกคน ครอบคลุมทั้งส.ส. ผู้สมัครส.ส.นายกท้องถิ่น สมาชิกสภาท้องถิ่น ทีมงานจังหวัด พนักงาน อาสาสมัคร
สร้างระบบช่องทางร้องเรียนในเรื่องนี้ขึ้นมาโดยเฉพาะ พร้อมเผยแพร่ช่องทางให้ทุกคนทราบ เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้น ผู้เสียหายจะได้รู้ว่าต้องดำเนินการอย่างไร กระบวนการร้องเรียนต้องเป็นความลับ เพื่อให้ผู้ที่ร้องเรียนไม่ต้องกังวลว่าการร้องเรียนจะเกิดผลกระทบกับหน้าที่การงาน
เมื่อมีรายงานเหตุการณ์ความรุนแรงทางเพศ พรรคต้องดำเนินการอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ สอบสวนโดยคณะกรรมการที่เป็นกลาง อิสระ ไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย การให้ ส.ส. หรือคณะผู้บริหารพรรคไปเป็นกรรมการสอบสวน แบบที่ทำกันอยู่ในเวลานี้ อาจทำให้เกิด “ความเกรงใจ” กันเอง จนตัดสินใจกันไปแบบ “ลูบหน้าปะจมูก” โดยเฉพาะ การให้องค์ประกอบคณะกรรมการสอบสวนในเรื่องนี้ มีแต่ “ชายแท้” หรือ “ชายเป็นใหญ่” หรือ “คนที่ไม่เข้าใจประเด็นปัญหาเหล่านี้” ก็จะยิ่งทำให้การดำเนินการสอบสวน ให้ความเป็นธรรม ลงโทษผู้กระทำผิด และเยียวยาให้แก่ผู้เสียหาย ผิดทิศผิดทางไปกันใหญ่
แกนนำพรรคนำต้องกล้าเผชิญปัญหาเหล่านี้อย่างซึ่งหน้า และตรงไปตรงมา ไม่ใช่เก็บปัญหาซุกไว้ใต้พรม ไม่ใช่ไปเข็นเอา “พริษฐ์” และ “ศศินันท์” มา “รับเผือกร้อน แบกพรรค”แทน ทั้งๆ ที่พวกเขาไม่ได้เกี่ยวข้อง แต่พรรคเลือกพวกเขามาแถลง เพราะทั้งสองคนนี้ มีภาพลักษณ์ที่ดี และมีจุดยืนชัดเจนในเรื่องเหล่านี้ ส่วนคณะนำของพรรค คณะกรรมการสอบสวน และผู้กระทำความผิดก็ “ลอยตัว” ไป ไม่ต้องถูกสื่อถาม ไม่ต้อง “ช้ำ” จากการแถลงข่าว
นี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งที่ “ปิยบุตร” ออกมากระตุกเตือน
เจอเข้าแบบนี้ “ชัยธวัช ตุลาธน” หัวหน้าพรรคก้าวไกล คนใหม่ ก็ออกมาน้อมรับคำวิจารณ์ ถือว่าเป็นเสียงที่คอยเตือนสติว่า เรายังทำได้ไม่ดีพอ...
ส่วน “ไอติม” พริษฐ์ วัชรสินธุ โฆษกพรรค ก็ออกมารับลูกว่า ทางพรรค ยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่า เราสามารถทำให้ดีขึ้นได้ และป้องกันปัญหาคุกคามทางเพศ รวมถึงปรับปรุงกระบวนการในการรับมือเมื่อปัญหาเกิดขึ้น
โดยเฉพาะสิ่งที่ “ปิยบุตร”เสนอมานั้น ก็สอดคล้องกับมาตรการที่พรรคกำลังจะดำเนินการ เช่น ปรับองค์ประกอบของคณะกรรมการวินัย ให้มีสัดส่วนของคนนอกที่ไม่ได้เป็น สส. และเป็นผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงไม่ได้เป็นเพศชายให้มากขึ้น จะมีการทบทวนกระบวนการ ตั้งแต่ขั้นตอนแรก จนถึงขั้นตอนสุดท้ายในการรับเรื่องร้องเรียน และการอบรมบุคลากรของพรรคอย่างเข้มข้น ครอบคลุมทุกระดับ
ก็ต้องติดตามกันต่อไปว่า “ไอติม” ในฐานะโฆษกพรรค จะต้องมารับบทหนัก คอยเคลียร์เรื่องความรุนแรงทางเพศของคนในพรรคจนตัวเองต้อง “ช้ำ” ไปด้วยหรือไม่
**Save"บิ๊กทิน"! ทบ.เคลื่อนไหวสยบดรามารมว.กลาโหม นั่งแท่นเล็งยิงปืนโบราณ
งานเข้าแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว โดนสังคมโซเชียลฯ จัด"ทัวร์ลง"กระหน่ำ กลายเป็นไวรัลที่จุดกระแสดรามากับภาพนั่งแท่นเล็งยิงปืนโบราณ "แก็ตลิง" ของ "บิ๊กทิน" สุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในวันที่ เดินทางมาตรวจเยี่ยมกองบัญชาการกองทัพบกอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 12 ต.ค. ที่ผ่านมา และ ได้เข้าเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์กองทัพบกเฉลิมพระเกียรติ
เมื่อดรามาชักเริ่มจะไปกันใหญ่ กองทัพบกจึงเคลื่อนไหว ส่ง “พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์” รองโฆษก ทบ. มาขานไขเฉลยปมที่มาเมื่อวานนี้ (16ต.ค.) ว่า เหตุอันใด "บิ๊กทิน" จึงชักภาพดังว่า
เรื่องของเรื่อง กองทัพบกได้เชิญ รมว.กลาโหม เยี่ยมชมห้องโหมรอนราญ ซึ่งเป็นห้องนิทรรศการเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ทหาร ตั้งแต่สมัยสุโขทัยจนถึงสมัยรัชกาลที่ 5 แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์อันเป็นเกียรติภูมิ และพัฒนาการทางทหาร ที่สำคัญของกองทัพบกผ่านทางการจัดแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ใช้ในราชการแต่ละยุคสมัย
ภายในห้องโหมรอนราญ มีพื้นที่จัดแสดงปืนแก็ตลิง (Gatling gun) ซึ่งเริ่มสั่งซื้อจากต่างประเทศ เข้ามาใช้ในราชการสมัยรัชกาลที่ 5 กองทัพบกได้เชิญ รมว.กลาโหม ถ่ายภาพเป็นที่ระลึก ซึ่งจุดนี้เป็นหนึ่งในจุดถ่ายภาพสำหรับการต้อนรับคณะบุคคลทั้งในประเทศและมิตรประเทศ
เรียกว่าเป็น "จุดเช็คอิน" ใครไปใครมาก็ถูกเชื้อเชิญให้ถ่ายภาพเป็นที่ระลึก
ไม่ใช่แค่ "บิ๊กทิน" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ผ่านๆ มา มีคณะหลักสูตรผู้กำกับนักศึกษาวิชาทหาร คณะนักศึกษาหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร คณะรองผู้บัญชาการกองทัพบกสหรัฐอเมริกาภาคพื้นแปซิฟิก คณะผู้บัญชาการทหารบกสิงคโปร์ และคณะผู้บัญชาการทหารบกมาเลเซีย ก็เคยได้แชะภาพที่จุดนี้เช่นกัน
กองทัพบกย้ำด้วยว่า ทบ.ให้ความสำคัญแก่การเสริมสร้างความรู้ด้านประวัติศาสตร์ทหารให้แก่กำลังพลและประชาชนทั่วไป อีกทั้งยังได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการรำลึกถึงความกล้าหาญ ความเสียสละ ของคนในชาติ ซึ่งธำรงไว้ซึ่งแผ่นดินมาตุภูมิมาจนถึงปัจจุบันโดยพิพิธภัณฑ์กองทัพบกเฉลิมพระเกียรติเปิดให้เยี่ยมชมในวันเวลาราชการ สามารถติดต่อได้ที่กรมยุทธการทหารบก กองบัญชาการกองทัพบก
ใครสนใจก็ถือโอกาสเชื้อเชิญไปเยี่ยมชมกันได้ตามอัธยาศัย
ส่วน"บิ๊กทิน" เมื่อกองทัพบกออกมา Save แบบนี้แล้วคงจะหายว้าวุ่นมึนงง ทำอะไรเป็นต้องโดนทุกทีหว่า..เอาเป็นว่า ตอนนี้คณะทัวร์ทั้งหลายแยกย้ายกลับที่ตั้งกันได้แล้วนะจ๊ะ