“เศรษฐา” สั่งเช่า แอร์บัส 380 ขนคนไทย ตั้งเป้าสิ้นเดือนกลับได้หมด รับสถานการณ์แย่ลง แต่ยืนยัน ไทยไม่ใช่เป้าหมายกลุ่มฮามาส ขอครอบครัว 17 ตัวประกัน อย่าเพิ่งหมดหวัง รัฐทำงานเต็มที่
วันนี้ (15 ต.ค.) เวลา 16.30 น. นายเศรษฐา แถลงภายหลังการประชุม ว่า วันนี้เป็นการประชุมสถานการณ์ความไม่สงบที่อิสราเอล หลายท่านทราบอยู่แล้ว มีตัวเลขผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอีก 4 ราย การประชุมเป็นการยืนยันเจตนารมณ์ว่าเราให้ความสำคัญสูงสุดกับการลำเลียงคนไทยที่มีความประสงค์จะเดินทางออกจากประเทศอิสราเอลให้ได้เร็วที่สุด และรายงานเที่ยวบินออกจากอิสราเอล ซึ่งตนมีตารางบินในมือ พร้อมโชว์ให้กับผู้สื่อข่าวดู โดยภายในสิ้นเดือนนี้ จะมีสายการบินรับคนไทยทั้ง นกแอร์ แอร์เอเชีย การบินไทย และ สไปซ์เจ็ท ทั้งหมด 32 เที่ยวบิน รวม 5,700 คน ซึ่งยังไม่พอ เพราะตอนนี้มีคนไทยที่ต้องการเดินทางกลับประมาณ 7 พันกว่าคน และตัวเลขมากขึ้นเรื่อยๆ จึงกังวลเรื่องการลำเลียงคนออกมายังเป็นปัญหาอยู่ เพราะการต่อสู่ยังไม่จบ ขณะนี้อิสราเอลยังเลื่อนการโจมตีทางบกไปอีกวันถึงสองวัน เป็นที่คาดว่าหากมีการโจมตีทางบก การต่อสู้ก็จะรุนแรงขึ้น ตรงนี้ต้องระมัดระวัง เรื่องการลำเลียงคนทางบก หรือทางเรือ เรียกว่าประตูปิดแล้ว เพราะท่าเรือที่อิสราเอลตอนนี้ปิดไปแล้วไม่สามารถออกมาได้ จึงต้องพึ่งทางอากาศอย่างเดียว ตอนนี้ทางสถานทูตไทยประจำอิสราเอลทำงานอย่างเต็มที่ สามารถนำคนมาอยู่ในศูนย์พักพิงได้วันละประมาณ 400 คน ฉะนั้นถือเป็นตัวเลขที่ดี แต่ถึงอย่างไรเรายังมีเครื่องบินไม่พอ เป็นอะไรที่น่าเป็นห่วงอยู่ เมื่อถามอีกว่า ขณะนี้ยังถือว่าสถานการณ์ยังไม่น่าไว้วางใจใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่น่าไว้วางใจ เพราะสถานการณ์ไม่ได้ดีขึ้นเลย
นายเศรษฐา กล่าวอีกว่า เรื่องของเอกสารของแรงงานชาวไทยอาจทำหายหรือมีมาไม่ครบ ทางสถานทูตได้อำนวยความสะดวกให้เข้ามาศูนย์พักพิงและทำเอกสารรับรองให้สามารถบินได้ เป็นการอำนวยความสะดวก ซึ่งทำได้วันละประมาณ 200 ราย ถือว่าเรื่องเอกสารไม่ใช่ปัญหา ส่วนการลำเลียงคนด้วยเครื่องบินขณะนี้มีสองช่องทาง คือ บินตรงจากอิสราเอลมากรุงเทพฯ กับการไปพักที่ดูไบ จอร์แดน ไซปรัส แล้วนำเครื่องบินไปรับอีกช่วงหนึ่งเพื่อเร่งนำคนออกจากอิสราเอลให้ได้โดยเร็ว สำหรับแรงงานที่เดินทางกลับมาไทยแล้ว ทาง รมว.แรงงาน แจ้งแล้วว่าจะดูแลอย่างดีที่สุด มีเงินเยียวยา และพยายามหาแหล่งทำมาหากินแห่งใหม่ให้ได้โดยเร็วที่สุด เมื่อถามว่า แรงงานไทยที่อยู่พื้นที่เสี่ยงยังสามารถสื่อสารได้อยู่ใช่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า การสื่อสารไม่ได้ถูกตัดขาดแต่อาจขาดบางช่วงบางตอน เพราะมีการใช้เครือข่ายกันเยอะ
นายเศรษฐา กล่าวถึงจำนวนตัวประกัน ว่า เป็นที่ทราบดีว่ามี 17 คน เราใช้ 4 ช่องทางพยายามติดต่อนำตัวประกันกลับมาให้ได้อย่างปลอดภัยและเร็วที่สุด โดยใช้ช่องทางทางการทูต หน่วยข่าวกรอง ซึ่งมีการคุยกันระหว่างข่าวกรองต่างประเทศและการทหาร นอกจากนี้ ยังใช้ช่องทางที่ไม่เป็นทางการ ภาคประชาคมหรือเอ็นจีโอ ที่มีเครือข่ายอยู่ในประเทศต่างๆ ตรงนี้เป็นเรื่องที่เราพูดคุยมาโดยตลอด โดย กต.พูดคุยกับทุกฝ่าย ทั้งปาเลสไตน์ และอิสราเอล เพื่อขอคนของเราให้กลับมาได้ปลอดภัยเร็วที่สุด อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ขณะนี้ยังไม่เป็นที่ไว้วางใจ แต่ทุกคนที่อยู่ที่นี้และกองทัพไทย พยายามหาช่องทางเพิ่มมากขึ้น ในการเพิ่มเที่ยวบิน เอาคนไทยกลับมาให้ทันในสิ้นเดือนนี้ให้หมด
เมื่อถามว่าจนถึงขณะนี้มีปัญหาอะไรน่ากังวลใจที่สุด นายเศรษฐา กล่าวว่า มีสองสามปัญหา ปัญหาแรก คือ การนำคนจากจุดเสี่ยงมาสู่ศูนย์พักพิงและเดินทางเข้าสู่สนามบินพร้อมออกเดินทาง และ สอง เรื่องของเที่ยวบินที่จะนำเข้าไปได้ ในที่ประชุมผู้ใหญ่หลายท่านเสนอเข้ามาให้เช่าเครื่องบินเพิ่มเติม และหลายคนที่ไปสุวรรณภูมิอาจเห็นเครื่องบินแอร์บัส 380 ที่จุคนได้ประมาณ 500 กว่าคน หากถามว่าทำไมไม่เอาเครื่องดังกล่าวไปรับ ได้สอบถามการบินไทย ได้รับการชี้แจงว่าเครื่องบินเหล่านั้นจอดมานานต้องซ่อมบำรุงอีกทั้งนักบินไม่ได้บินนานตามกฎแล้วต้องไปฝึกอบรมเพิ่มต้องใช้เวลา จึงได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเช่าเครื่องบิน 380 มา เป็นอีกแนวทางหนึ่งที่เราดูอยู่
เมื่อถามว่า ตัวประกันที่ถูกจับทั้ง 17 คน จากการประสานช่องทางการทูตกับอิสราเอล ทั้งหมดยังปลอดภัยใช่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ณ วันนี้ยังเป็นอย่างนั้นอยู่ เมื่อถามย้ำว่า ยังไม่ได้รับคำตอบว่าตัวประกันจะได้ปล่อยตัวเมื่อไหร่ใช่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ใช่ครับแต่มีการคุยกันโดยตลอด โดยวันนี้ นายปานปรีย์ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะคุยกับบางประเทศเพื่อให้มั่นใจว่าตัวประกันจะปลอดภัย เมื่อถามว่า จะให้ความมั่นใจกับครอบครัวตัวประกันที่ถูกจับเป็นตัวประกันอย่างไร นายเศรษฐา กล่าวว่า เราเห็นใจ แต่เรายังติดต่อไม่ได้จริงๆ เราใช้ทุกช่องทางอยู่แล้ว การที่ยังติดต่อไม่ได้ และยังไม่มีข่าวร้ายออกมาก็ถือว่าเรายังมีความหวัง เราทำเต็มที่ไม่ได้สิ้นหวัง
เมื่อถามว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตคนไทยที่สูงขึ้น จะทำให้เรามีการปรับท่าทีหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่มีการเปลี่ยนแปลงท่าทีเราเป็นประเทศที่อยู่ตรงกลาง จะไม่เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้ง แต่เป็นที่น่าเสียใจที่เราเกิดความสูญเสียอันดับต้นๆ เพราะเรามีแรงงานอยู่ในประเทศนั้นเยอะ เขาคงไม่ได้เจาะจงมาทำร้ายคนไทยหรอกคนคิดเช่นนั้น เราไม่มีส่วนในความขัดแย้ง เราพยายามช่วยเจรจาทั้งสองฝ่าย จุดมุ่งหมายของเรา คือ นำคนไทยที่เป็นตัวประกันออกมาให้ได้อย่างปลอดภัยโดยเร็วที่สุด ส่วนคนที่ไม่ใช่ตัวประกันและต้องการเดินทางกลับก็ต้องให้กลับมาให้ได้โดยเร็วที่สุด เมื่อถามย้ำว่า ยืนยันได้ใช่หรือไม่ว่าเราไม่ใช่ประเทศเป้าหมาย นายเศรษฐา กล่าวย้ำว่า “ไม่ใช่ครับ” เมื่อถามอีกว่า แต่แรงงานไทยส่วนใหญ่อยู่ในภาคการเกษตรที่ผลิตเสบียงป้อนกองทัพอิสราเอล จะทำให้เป็นเป้าในการโจมตีหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า แรงงานไทยไม่ได้เป็นชาติเดียวที่อยู่ตรงนั้น เชื่อว่าทางฮามาสไม่ได้เจาะจงที่แรงงานไทยโดยเฉพาะ
นอกจากนี้ นายเศรษฐา ยังกล่าวด้วยว่า ในคืนวันเดียวกันนี้ไม่ได้ไปต้อนรับคนไทยที่จะเดินทางกลับและลงที่ท่าอากาศยานทหาร กองบิน 6 (บน.6) เนื่องจากในวันพรุ่งนี้ (16 ต.ค.) ต้องเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนและซาอุดีอาระเบียวันนี้ขอทำงานอยู่ข้างหลังดีกว่า และมีรัฐมนตรีอีกหลายท่านที่จะไปต้อนรับและให้กำลังใจ ก็แบ่งกันทำงาน ยืนยันว่าจะดูแลให้ดีที่สุด