xs
xsm
sm
md
lg

ไลฟ์โค้ช จะคิดเป็นมั้ย ? "ทนายรณณรงค์" เสียวแทน "ฌอน บูรณะหิรัญ" !! **ศาลรธน.ส่งสัญญาณระทึก ให้เวลา “พิธา-ไอซ์” 15 วัน ในการส่งเอกสาร หลักฐานเพิ่ม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ข่าวปนคน คนปนข่าว



**ไลฟ์โค้ช จะคิดเป็นมั้ย ? "ทนายรณณรงค์" เสียวแทน "ฌอน บูรณะหิรัญ" !!


เพราะไม่เปิดปากสารภาพ คดีเปิดรับเงินบริจาคช่วยดับไฟป่าทิพย์ คนโอน 5พันกว่าครั้ง นับเป็น “ต่างกรรมต่างวาระ” งานนี้พิสูจน์ไม่ได้ ร่อแร่แน่!

กลับมาอยู่ในความสนใจของสังคมอีกครั้ง สำหรับ “ฌอน บูรณะหิรัญ” อดีตไลฟ์โค้ชคนดัง หลังจากศาลจังหวัดนนทบุรี นัดสืบพยานในคดีที่ “ฌอน” ถูกสั่งฟ้องข้อหาฉ้อโกงประชาชน ปมเงินบริจาคช่วยเหลือดับไฟป่าเมื่อปี 2563

ระหว่างนี้ จึงมีพยานหลายปากทยอยเข้ามาให้การต่อศาล รวมถึง “รณณรงค์ แก้วเพ็ชร์” ทนายความ และประธานเครือข่ายทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ในฐานะที่เป็นผู้บริจาคเงินจำนวน 10 บาท เข้าบัญชีของ “ฌอน” ตามที่อัยการจังหวัดนนทบุรี ได้เรียกตัวผู้เสียหายทั้งหมดที่บริจาคเงินเข้าบัญชี อดีตไลฟ์โค้ชผู้นี้

“ทนายรณณรงค์” ให้ความเห็นว่า เสียใจที่ “ฌอน” ไม่ยอมรับสารภาพกับศาลเมื่อวันก่อนนี้ คดีจะได้จบไป หรือ “ฌอน” น่าจะไปพบกับผู้เสียหายที่โอนเงินบริจาคไปให้แล้วติดใจดำเนินคดี ก็ไปขอโทษ แล้วคืนเงินเขาจะดีกว่าที่จะมาต่อสู้ในชั้นศาล ทำให้รู้สึกเสียวแทน “ฌอน” เพราะคดีนี้มีคนโอนเงินเข้าบัญชีมามากกว่า 5 พันครั้ง ในแง่กฎหมายเป็น “ต่างกรรมต่างวาระกัน” แล้วถ้าไปต่อสู้ในชั้นศาลแล้ว “ฌอน” ไม่สามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจโดยสุจริตให้ศาลเห็นได้ ฌอน จะลำบาก

ฌอน บูรณะหิรัญ
เรียกว่าถ้าทำตรงไปตรงมา ก่อนจะเปิดบัญชีรับบริจาค ต้องขออนุญาตให้ถูกต้อง และเมื่อได้ทำตามวัตถุประสงค์แล้ว ต้องปิดบัญชี และพร้อมชี้แจงว่านำเงินรับบริจาคที่ได้ไปทำอะไรบ้าง ก็จะไม่มีปัญหาเป็นคดีความ ไม่ใช่นำเงินบริจาคไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ ซึ่งไม่ถูกต้องจนทำให้มีคดีเกิดขึ้น

“ทนายรณรงค์” ยังบอกว่า ใครจะคิดว่าแค่เงินเพียง 10 บาท ที่ตัวเองโอนเข้าบัญชีรับบริจาคให้อดีตไลฟ์โค้ชไป จะทำให้ “ฌอน”ต้องเดินทางมาไกลถึงขนาดนี้ แต่อย่างไรก็ตาม “ฌอน” ยังมีเวลาคิดตัดสินใจกลับคำให้การได้ เมื่อถึงวันนัดสืบพยานของฝ่ายตัวเขาเอง

งานนี้ฟังว่า วันก่อนที่ขึ้นศาล ในระหว่างสืบพยาน “ฌอน” ยังไม่ได้ให้การใดๆ มีแต่ทนายของฌอน ที่ทำหน้าที่ซักถามพยานแทนเท่านั้น ขณะที่พยานอย่าง อดีตปลัดอำเภอแม่ริม จ.เชียงใหม่ “บุญญฤทธิ์ นิปวณิชย์” หัวหน้าศูนย์การทะเบียนภาค 5 ยืนยันจากการตรวจสอบเอกสารหลักฐาน พบว่ามีการโอนเงินตั้งแต่วันที่ 30 มี.ค.63 เข้าบัญชีธนาคารกสิกรไทย ของ “ฌอน” กว่า 6,000 ครั้ง รวมยอดเงินมากกว่า 1.3 ล้านบาท แต่สถานีควบคุมไฟป่าภูพิงค์ ไม่มีการช่วยเหลือใดๆ

“ฌอน บูรณะหิรัญ” อดีตไลฟ์โค้ช หรือ นักคิดที่ถ่ายทอดความคิดตัวเองสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้อื่นที่โด่งดังในโลกโซเชียลฯ เคยมีผู้ติดตามโซเชียลฯของเขาหลายล้านคน อาทิ เฟซบุ๊กมีคนกดติดตามกว่า 3.4 ล้านคน ก่อนจะหยุดนิ่งไป ด้วยบุคลิกหน้าตาดี และสไตล์การพูดน่าฟัง ประกอบกับโปรไฟล์อายุยังน้อย เกิดปี 2534 ปัจจุบันวัย 32 ปี เป็นคนไทยที่เกิด และเติบโตที่ เวสต์โควีนา รัฐแคลิฟอร์เนียสหรัฐฯ ก่อนกลับมาใช้ชีวิตอยู่ในไทย ช่วงอายุ 23 ปี และเริ่มต้นทำเพจไลฟ์โค้ช จนมีชื่อเสียง

 ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์
แต่ “ฌอน” ชีวิตเปลี่ยนชั่วข้ามคืน เพราะรับงาน “อีเว้นต์” ปลูกป่าทำคลิป “รักลุงป้อม” ชื่นชม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ขณะนั้น

จากคลิปเพียงสั้นๆ ส่งผลกระทบย้อนกลับมาสู่ “ฌอน” อย่างรุนแรง ชาวเน็ตแห่ขุดคุ้ยประวัติไลฟ์โค้ชคนดัง กลายเป็นคนที่ถูกสังคมตั้งข้อสงสัยในพฤติกรรม โดยเฉพาะ ปมเงินขอรับบริจาคเพื่อช่วยดับไฟป่าดอยสุเทพ อันเป็นที่มาของคดี

วันนี้ของ “ฌอน” ตอนเดินลงจากศาล เจ้าตัวบอกว่า รู้สึกยินดีที่จะได้พิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจในชั้นศาล ขอยืนยันในความบริสุทธิ์ของตัวเอง ส่วนเรื่องเงินบริจาค ที่ถูกถอนออกไปนั้น ใช้ในบัญชีส่วนตัว และใช้หนี้บัตรเครดิตเป็นรายละเอียดในชั้นศาลที่ยังไม่สะดวกที่จะเปิดเผย เพราะคดียังไม่จบ

สำหรับชีวิตที่หลังจากเกิดเรื่อง “ฌอน” บอกว่า ก็ยังใช้ชีวิตปกติและใช้เวลาในการเตรียมตัว เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองในคดีนี้ แต่ประเด็นที่ “ทนายรณณรงค์” สะกิดให้คิด ก็ไม่รู้ว่า นักคิดอย่าง “ฌอน”จะคิดเป็นมั้ย?
งานนี้ก็ต้องติดตามกันต่อไปว่า สุดท้ายแล้วคดีจะจบอย่างไร

**ศาลรธน.ส่งสัญญาณระทึก ให้เวลา “พิธา-ไอซ์” 15 วัน ในการส่งเอกสาร หลักฐานเพิ่ม

กระชับเข้ามาแล้ว สำหรับคดี “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ถือหุ้นไอทีวี - “ก้าวไกล” หาเสียงแก้ มาตรา112 – “ไอซ์” รักชนก ศรีนอก กระทำความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ หรือไม่

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์
โดยที่ประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีการอภิปรายเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยในคดี ที่กกต.ขอให้ศาลรธน.วินิจฉัยว่าสมาชิกภาพ สส.ของ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” สิ้นสุดลงตามรธน.มาตรา 101 (6) ประกอบ มาตรา 98(3) หรือไม่ จากกรณี มีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นใน บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ซึ่งประกอบกิจการหนังสือพิมพ์ หรือสื่อมวลชนใด อยู่ในวันที่สมัครรับเลือกตั้ง สส.แบบบัญชีรายชื่อ

ยังมีคดีที่ “ธีรยุทธ สุวรรณเกสร” อดีต ทนายความพุทธะอิสระ ขอให้ศาลรธน. วินิจฉัยว่า การกระทำของ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ผู้ถูกร้องที่ 1 และ “พรรคก้าวไกล” ผู้ถูกร้องที่ 2 ที่เสนอ ร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่…)พ.ศ… เพื่อยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดยใช้เป็นนโยบายหาเสียงเลือกตั้ง และยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่องนั้น เป็นการใช้สิทธิ หรือเสรีภาพ เพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง หรือไม่

ตามมาด้วย คดีที่ศาลอาญาส่งคำโต้แย้งของ “ไอซ์” รักชนก ศรีนอก สส.กทม. พรรคก้าวไกล จำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำ ที่ อ 683 / 2565 ขอให้ศาลรธน.พิจารณาวินิจฉัยว่า พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 ขัดหรือแย้งต่อ รธน. มาตรา 26 และมาตรา 34 หรือไม่

สำหรับคดีของ “ไอซ์” นั้นเกิดในช่วงที่เธอยังเป็นสมาชิก “กลุ่มคลับเฮาส์เพื่อประชาธิปไตย”แล้วไปโพสต์ข้อความเกี่ยวกับการผลิตวัคซีนโควิด 19 ที่เข้าข่ายหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ ตามมาตรา 112 จึงถูก “มณีรัตน์ เลาวเลิศ” ชาวจังหวัดสมุทรสาคร แจ้งความที่ บก.ปอท. ให้ดำเนินคดี ข้อหา พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 และ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่ง “ไอซ์” โต้แย้งว่า เป็นการขัดหรือแย้งต่อ รธน. มาตรา 26 และ มาตรา 34 หรือไม่ เรื่องจึงไปถึงศาลรธน.

รักชนก ศรีนอก
ทั้งสามกรณีดังกล่าว ศาลรธน.เห็นว่า เพื่อประโยชน์แห่งการพิจารณา จึงให้บุคคล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับทั้งสามคดีนี้ จัดทำความเห็น และจัดส่งเอกสาร หลักฐาน ตามที่ศาลรธน.กำหนด ยื่นต่อศาลรธน.ภายใน 15 วัน นับแต่วันได้รับหนังสือ

ตามกระบวนการพิจารณาของศาลรธน.นั้น เมื่อรับคำร้องเรื่องใดไว้พิจารณาแล้ว ก็จะให้ผู้ถูกร้อง ชี้แจง แสดงหลักฐาน ในการโต้แย้งภายใน 15 วัน หากผู้ถูกร้องเห็นว่าภายในเวลา 15 วัน ไม่สามารถหาพยาน หลักฐานได้ครบถ้วน ก็สามารถยื่นขอขยายเวลาได้

อย่างเช่นกรณี ถือหุ้น “ไอทีวี”นี้ “พิธา” เคยขอขยายเวลามาสองครั้งแล้ว ครั้งแรก 15 วัน ครั้งที่สอง 30 วันซึ่งศาลฯ ก็ อนุญาต

เช่นเดียวกัน ในกรณีที่ศาลรธน. เห็นว่า คำชี้แจง พยาน หลักฐาน ของผู้ถูกร้องที่ยื่นมานั้น ยังไม่เพียงพอต่อการพิจารณาวินิจฉัย ศาลฯ ก็สามารถแสวงหาข้อมูลจากบุคคล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ส่งเอกสาร จัดทำความเห็นมาให้ศาลซึ่งก็เท่ากับเป็นขยายเวลาในการพิจารณาได้เช่นกัน

ดังนั้น แม้จะยังไม่สามารถพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่า หลังจาก 15 วัน ที่ศาลให้เวลาในการจัดทำความเห็น และจัดส่งเอกสาร หลักฐาน ตามที่ศาลรธน.กำหนดแล้ว ก็จะเข้าสู่การพิจารณาเพื่อตัดสินคดีในทันที

แต่นั่นก็เหมือนเป็นการส่งสัญญาณว่า คดีทั้งสามนี้ ได้เวลางวดเข้ามาทุกทีแล้ว

คดีเหล่านี้ เป็นที่สนใจในสังคม ที่เฝ้าติดตามว่า ถึงที่สุดแล้ว “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ที่ศาลฯสั่งให้พักการปฏิบัติหน้าที่สส. จะสิ้นสภาพการเป็นสส.หรือไม่ จะถูกสั่งเว้นวรรคทางการเมืองหรือไม่ ... “ก้าวไกล” จะถูกยุบพรรคหรือไม่ และ “ไอซ์ รักชนก” จะถูกถอดถอนจากการเป็นสส.หรือไม่ และที่สำคัญคือ จะมีโทษทางอาญาตามมาด้วยหรือไม่


กำลังโหลดความคิดเห็น