ข่าวปนคน คนปนข่าว
**ทัวร์ลงสว.คนดี! มติอุ้ม "อุปกิต ปาจรียางกูร" ไม่ส่งตัวให้ตำรวจสอบสวนพัวพันคดี เท่ากับปกป้องพวก!!!
ไฮไลต์สำคัญของการประชุมวุฒิสภา เมื่อวานนี้ (9ต.ค.) เป็น การลงมติเรื่องด่วนที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทำหนังสือ ขอออกหมายเรียก "อุปกิต ปาจรียางกูร" สว. ไปสอบสวนในฐานะผู้ต้องหาคดีอาญา
เพราะ รัฐธรรมนูญกำหนด ต้องได้รับความเห็นชอบจากสภาก่อน หากอยู่ในช่วงสมัยการประชุม
ผลลงมติปรากฏว่า สว.เสียงข้างมาก 174 ต่อ 7 เสียง โดยงดออกเสียง 10 เสียง ไม่เห็นชอบ
เท่ากับว่า วุฒิสภาไม่อนุญาตให้ตำรวจนำตัว “สว.อุปกิต” ไปสอบสวน และแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม ในฐานะผู้ต้องหาในคดีอาญา ตามมาตรา 127 ของประมวลกฎหมายยาเสพติด ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติออกหมายเรียกตัว
ว่ากันตามขั้นตอน ตำรวจต้องรอจนกว่าจะปิดสมัยประชุม แต่ “สว.อุปกิต” ก็รู้ตัวดี เรื่องนี้จะเป็นประเด็นให้สังคมวิจารณ์วุฒิสภาได้ ว่าแล้วก็พร้อมแสดงเจตนาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ไม่ต้องรอปิดสมัยประชุมวันที่ 30 ตุลาคมนี้
“อุปกิต” โอดครวญว่า ทุกข์ทรมานมากว่า 1 ปี คนที่รู้จัก และลูกเขยถูกจับ รวมทั้งยังถูกกลั่นแกล้งจากหลายฝ่าย ทั้งที่มาจากตระกูลที่รับใช้แผ่นดินมา 3 ชั่วอายุคน บิดาเป็นอดีตทูต 6 ประเทศ ตัวเองและครอบครัวตระหนักถึงบุญคุณแผ่นดิน ไม่มีวันทำอะไรเลวร้ายตามที่ถูกกล่าวหา โดยได้ฟ้องกลับ "รังสิมันต์ โรม" สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ที่เคยอภิปรายว่าตัวเองพัวพันขบวนการค้ายาเสพติด
ขณะที่ กระบวนการออกหมายจับ “อุปกิต” ตั้งข้อสังเกตว่า ขั้นตอนในชั้นอัยการ ผิดจากธรรมเนียมปฏิบัติ
ฟังว่า การอภิปรายของ สว.ส่วนใหญ่ มองว่า เอกสิทธิ์สมาชิกรัฐสภา มาตรา 125 ของรัฐธรรมนูญ ไม่สามารถขอสละได้ เพราะเป็นเรื่องของสมาชิกรัฐสภา ที่ต้องทำหน้าที่ เพื่อให้สมาชิกรัฐสภา สามารถได้ทำหน้าที่อย่างสมบูรณ์ ป้องกันการถูกกลั่นแกล้ง
กรณีนี้หากสำนักงานตำรวจแห่งชาติบอกว่า “สว.อุปกิต” มีความผิดร้ายแรงถึงขั้นต้องออกหมายเรียก และหากมีความผิดจริง ก็ขอให้เข้ามาชี้แจงต่อที่ประชุมวุฒิสภาด้วย
ส่วน “รังสิมันต์ โรม” พอรู้มาติสว. ได้แสดงความเห็นว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ และเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างที่ “อุปกิต”ดำรงตำแหน่งเป็น สว. การดำเนินคดีกับ สว. หากไม่สุดจริง ซึ่งก็ทราบอยู่แล้วว่าความเป็นมาของ สว.ไม่ธรรมดา ฉะนั้นการดำเนินคดีกับบุคคลที่ไม่ธรรมดา ต้องมีพยานหลักฐานที่รอบคอบ
และการที่ สว.ตัดสินใจที่จะไม่ส่งตัว “อุปกิต”ให้ตำรวจ เท่ากับว่า สว.กำลังปกป้องคนที่ถูกกล่าวหาหรือไม่
“รังสิมันต์” ยังบอกด้วยว่า ไม่สามารถเข้าใจได้จริงๆ ว่า สว.จะปกป้องนายอุปกิตทำไม และ อุปกิต ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเอง ไม่ใช่ใช้กลไกของสภาในการยื้อไว้เช่นนี้
จากนี้ไป เมื่อหมดสมัยประชุมก็หวังว่า “พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล” ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจัง
งานนี้แน่นอนว่า มีความเห็นเข้ามาถล่มสว.อย่างหนัก ในทำนองว่า มติ “อุ้มอุปกิต” เท่ากับการปกป้องพวกพ้อง ศีลเสมอกัน เลยต้องปกป้องกัน บ้างก็ว่า สว.มีปลอกคอ ไปกันใหญ่ สว.คนดีย์ ทั้งหลาย สุดท้ายสภาคือที่หลบภัยทำอะไรก็ไม่ผิด.. โตขึ้นไปอยากเป็น สว.
แหม..นี่ต้องบอกว่า สว.ชุดนี้ช่างฮอต กวักมือเรียกทัวร์มาลงได้อย่างต่อเนื่องจริงๆ
**“พี่ศรี” ไล่บี้ “ส.ส.จั่วไพ่” ไม่สมควรมานั่ง กมธ.ปราบโกง
การพิจารณาจัดบุคคลเข้าทำงานในคณะกรรมาธิการสามัญประจำสภาทั้ง 35 คณะ รวมทั้งการเลือกประธาน กมธ. ในคณะต่างๆ ได้ผ่านไปแล้ว แม้จะมีปัญหาขลุกขลัก ต้องเจรจาต่อรองกันหลายรอบ แต่สุดท้ายก็ต้องจบ
ในกมธ.แต่ละคณะจะประกอบด้วยกมธ. 15 คน ให้ส.ส.คนหนึ่งเป็น กมธ.ได้ไม่เกิน 2 คณะ และในการจัดสรรว่าใครจะได้อยู่คณะไหน ก็เป็นเรื่องที่ต้องแย่งชิงกัน ไม่ใช่ว่า ส.ส.แต่ละคนอยากจะเป็น กมธ.อะไร ก็สามารถเสนอชื่อแล้วได้เป็นเลย เพราะแต่ละคณะมีบทบาท หน้าที่ ความสำคัญแตกต่างกัน
อย่างเช่น กมธ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ นี่จะแย่งกันเป็น เพราะขึ้นชื่อว่า “กมธ.ปราบโกง” ก็จะมีอำนาจ หน้าที่ ในการพิจารณาสอบหาข้อเท็จจริง หรือศึกษาเรื่องใดๆ ที่เกี่ยวกับกระบวนการ และมาตรการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ ซึ่งมักจะมีเรื่องร้องเรียนเข้ามาเป็นประจำ ทั้งเรื่องของนักการเมือง หรือข้าราขการชั้นผู้ใหญ่
เรียกว่าเป็นกมธ.ที่มีแสงในตัวเองก็ว่าได้!!
แต่ก่อนจะไปตรวจสอบคนอื่น คนที่นั่งในกมธ.ชุดนี้ ก็มักจะถูกตรวจสอบก่อน และในปีนี้ก็เช่นกัน เมื่อ “พี่ศรี” ศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน ตรวจดูรายชื่อแล้วก็ไปสะดุดที่ “ส.ส.จั่วไพ่” ที่เคยมีเรื่องมีราว ถูกเผยแพร่คลิป ขณะกำลังจั่วไพ่ ในสภาชุดที่แล้วมานั่งเป็นกมธ.ฯ อยู่ด้วย
จึงเข้ายื่นคำร้องคัดค้าน และขอให้ยับยั้ง หรือทบทวนการแต่งตั้ง ส.ส.คนดังกล่าว ต่อประธานสภาฯ เพื่อไม่ให้ส.ส.คนดังกล่าวมานั่งใน กมธ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯ เพราะเกรงว่าจะไม่มีใครเชื่อถือ ศรัทธา แถมยังเป็นการฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้ายแรงด้วย
เมื่อย้อนกลับไปดูข่าวเก่าช่วงปลายปีที่แล้ว เรื่อง “ส.ส.จั่วไพ่” ก็พบว่า ในสภาชุดที่แล้ว “พี่ศรี” ก็เคยยื่นเรื่องร้องเรียนส.ส.คนนี้ ต่อ “ชวน หลีกภัย” ประธานสภาฯในขณะนั้น ว่ามีการตั้งโต๊ะเล่นไพ่ ใน “สัปปายะสภาสถาน” อันทรงเกียรติ ขอให้ตรวจสอบพฤติกรรมดังกล่าว ว่าเหมาะสมหรือไม่
คล้อยหลัง “พี่ศรี”เดินออกจากรัฐสภาไม่นาน คลิปส.ส.เล่นไพ่ ก็ถูกเผยแพร่ในโซเชียลฯ แบบเห็นหน้ากันชัดๆ ว่า ส.ส.คนนั้นคือ “ชัยทิพย์ กมลพันธ์ทิพย์” ส.ส.เขต 3 ราชบุรี พรรคประชาธิปัตย์ เป็นคนที่กำลังจัดไพ่สามกอง หรือไพ่สิบสามใบ ส่วนเพื่อนร่วมวงไพ่สามกอง อีกสองคน ไม่ชัดว่าเป็นใคร ได้แต่คาดว่าคงเป็นนักการเมืองด้วยกัน
สำหรับ “ชัยทิพย์” หรือที่คนราชบุรี โดยเฉพาะคนโพธาราม จะเรียก “ส.จ.เส็ง”เพราะเคยเป็นอดีตส.จ.ราชบุรีมาก่อน จนมาได้มาเป็นส.ส.สมัยแรก พรรคประชาธิปัตย์ ตอนเลือกตั้งซ่อม เดือนพ.ค.65 หลัง “เอ๋” ปารีณา ไกรคุปต์ หลุดจากส.ส.ราชบุรี
แต่เป็นส.ส.ได้ไม่ถึงปี ก็เตรียม ย้ายไปสังกัดพรรคพลังประชารัฐ ของ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ แล้วก็มาเกิดรายการคลิปหลุดขึ้น
อย่างไรก็ตาม ในการเลือกตั้งครั้งล่าสุด “ชัยทิพย์” ได้ลงสมัคร ในนามพรรคพลังประชารัฐ ที่เขต 5 ราชบุรี และได้เป็น ส.ส. อีกครั้ง เป็นสมัยที่ 2
แล้วคลิป“จั่วไพ่” ก็ยังตามมาหลอน “ส.ส.ชัยทิพย์” อีกครั้ง
จะว่าไปแล้ว “ชัยทิพย์”กับภาพที่เห็น แม้กำลังจับไพ่อยู่ในมือก็จริง แต่ก็อ้างได้ว่าไม่ได้เล่นที่รัฐสภา หรืออาจบอกว่าเล่นกันสนุกๆ เพื่อสันทนาการ ไม่ได้เล่นพนัน ก็พอจะดิ้นไปได้
แต่ครั้งนี้ “พี่ศรี”นอกจากจะร้องต่อประธานสภาฯ ขอให้ทบทวนแล้ว หากประธานสภาฯไม่ทบทวน ก็จะเข้าข่ายการฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรงตามไปด้วย และจะโดนร้องต่อ ป.ป.ช. ให้สอบเอาผิดประธานสภาฯอีกคน
ก็ต้องติดตามกันต่อไปว่า “ส.ส.จั่วไพ่” จะตัดสินใจอย่างไร จะยอมถอยออกจากกมธ. ป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯ หรือจะปล่อยเลยตามเลย ใครอยากร้องก็ร้องไป โนสน โนแคร์ !!