ข่าวปนคน คนปนข่าว
**ไผเป็นไผ ใน 4 กุนซือใหม่ "นายกฯนิด"
"นายกฯนิด" เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง จรดปากกาลงนามแต่งตั้งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เพิ่มอีก 4 คน จากเดิมที่มีอยู่แล้ว 9 คน เท่ากับเวลานี้มี "ผู้ทรงคุณวุฒิ" ข้างกายนายกฯรวมเป็น13 คน
กุนซือใหม่ทั้ง 4 คน ได้แก่ “ธงทอง จันทรางศุ- ไพฑูร ชุติมากรกุล- อาทิตย์ สุริยาภิวัฒน์ และพล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน”
ในจำนวนนี้ “ธงทอง” น่าจะเป็นผู้ที่คุ้นหน้าคุ้นตา คุ้นชื่อ มากที่สุดในวัย 68 ปี “ธงทอง” อดีตปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้นี้ ผ่านงานสำคัญๆ มานับไม่ถ้วน
โดดเด่นเป็นพิเศษก็คือ ความเชี่ยวชาญในด้านประวัติศาสตร์ ศาสนา และวัฒนธรรม รวมทั้งเรื่องราวประวัติศาสตร์ทางราชสำนัก และพระราชพิธีเป็นอย่างมาก มักจะได้รับเชิญให้ร่วมบรรยายถ่ายทอดสดในการพระราชพิธีต่างๆ ที่สำคัญมาแล้วหลายวาระ
“ไพฑูร ชุติมากรกุล” หรือชื่อที่เรียกในวงการ "บิ๊กเหม็น" เป็นผู้ที่คว่ำหวอดอยู่ในวงการกีฬา ได้รับเลือกให้เป็น นายกสมาคมนักข่าวช่างภาพกีฬาแห่งประเทศไทยถึง 6 สมัยติดต่อกัน มีความสนิทสนมกันดีกับ “นายกฯนิด”
ขณะที่ “อาทิตย์ สุริยาภิวัฒน์” เคยเป็นกรรมการ บมจ.เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล หรือ XPG ซึ่งเป็นบริษัทลูกในเครือ “แสนสิริ” ที่เศรษฐา เคยนั่งเป็น CEO ถือว่าเป็นคนคุ้นเคย เป็นมือทำงานให้กับเศรษฐา และเป็นหนึ่งในคณะทำงานด้านนโยบายเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย ที่มี "โต้ง" กิตติรัตน์ ณ ระนอง ประธานที่ปรึกษานายกฯดูแลอยู่แล้ว
ว่ากันว่าการตั้ง “อาทิตย์” เข้ามาเป็นกุนซือข้างกายนายกฯ งานนี้คนที่ยินดีปรีดานอกจากเศษฐา ก็เป็น “กิตติรัตน์” นี่แหละที่จะได้คนรู้มือมาช่วยทำงานด้านเศรษฐกิจที่ดูจะงานชุก งานหนักแน่นอน
กุนซือคนสุดท้าย "บิ๊กป๋อ" พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน เพิ่งจะเกษียณอายุจากราชการในตำแหน่ง รอง ผบ. ตร. เป็นบุตรชายคนกลางของ พล.ต.อ.เภา สารสิน อดีตรองนายกรัฐมนตรี อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และอดีต อธิบดีกรมตำรวจชื่อดัง
คาดกันว่า “พล.ต.อ.ชินภัทร” มาเป็นกุนซือให้กับ “เศรษฐา” เพื่อให้คำปรึกษางานของตำรวจที่นายกรัฐมนตรี นั่งเป็นประธาน ก.ตร.
แน่นอนว่า งานของ "บิ๊กป๋อ" ไม่ง่ายเช่นกัน เพราะสำนักงานตำรวจแห่งชาติในยุคปัจจุบันกำลังเปลี่ยนผ่านจากองค์กรที่มีความขัดแย้งสูง ไปสู่การเรียกความเชื่อมั่น และศรัทธาของประชาชน
รวมความแล้วการแต่งตั้งกุนซือเพิ่มอีก 4 คน จากโปรไฟล์ของแต่ละคน ก็เหมือนกับการมาเพิ่มในส่วนที่ยังขาด
นอกจาก เทวัญ ลิปตพัลลภ- พิชัย ชุณหวชิร- ศุภนิจ จัยวัฒน์ - ผู้ช่วยศาสตราจารย์พิมล ศรีวิกรม์- พิชิต ชื่นบาน- ชลธิศ สุรัสวดี- ชัย วัชรงค์ และ สุรยุทธ ทวีกุลวัฒน์ ที่มีอยู่ก่อน
น่าสนใจว่า คณะกุนซือทั้ง 13 คน ที่จะทำหน้าที่ให้คำปรึกษาและพิจารณาเสนอความเห็น หรือข้อเสนอแนะต่างๆตามที่นายกฯ มอบหมาย จะเป็น "ตัวช่วย" หรือ "ดรีมทีม" ให้กับ "นายกฯนิด" ได้ดีแค่ไหน งานนี้ก็ต้องติดตามกันต่อไป
** “เหลิม” เดือด!! ถูกด่ากวนโอ๊ย ประกาศตัดขาด “ทักษิณ” หลังจากนี้ไม่มีอะไรที่ต้องพูดกัน
คงเป็นเพราะอยู่ว่าง นั่งกรึ่มไวน์ แล้วก็บ่นไปเรื่อย บ่นบ่อยๆ สุดท้ายก็ออกมาเป็นข่าวว่า “ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ประกาศตัดขาด จะหันหลังให้ “ทักษิณ ชินวัตร” ตลอดชีวิต เพราะได้ยินข่าวมาว่า“ทักษิณ” พูดกับคนใกล้ชิด ทำนองว่า “เหลิม” และ“วัน อยู่บำรุง” ลูกชาย กวนโอ๊ย!! เลยไม่ตั้งให้มีตำแหน่งใดๆในรัฐบาล
“ทักษิณ... มีคนมาบอกผมว่าคุณพูดแบบใหญ่โต ว่าผมเป็นคนกวนโอ๊ย ทั้งพ่อทั้งลูก เลยไม่ให้ตำแหน่ง คุณเข้าใจผิด ผมไม่ได้ร่วมรัฐบาลกับคุณ ผมมีความสุข พูดอะไรระมัดระวังบ้าง คุณใหญ่โตได้ ในพรรคของคุณ คุณไล่ผมออกสิ นึกถึงแก้คดี 8 คดีให้คุณแล้ว ผมคิดว่าคุณจะเปลี่ยนนิสัย แล้วเวลาใช้คำพูดถึงผม อย่าเอ่ยมือ เอ่ยเท้า มันไม่สุภาพ ผมก็มีมือมีเท้าที่จะเอ่ยถึงเหมือนกัน... เฉลิม ซึ่งจะหันหลังให้คุณตลอดชีวิต...
...ที่พูดมาทั้งหมด ถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุดในชีวิต ที่ผ่านมาผมไม่ได้สนิทกับครอบครัวนายทักษิณ ผมสนิทเพียงนายทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ เท่านั้น แต่หลังจากนี้ คงไม่มีอะไรต้องพูดกันอีก มันสายเกินไปแล้ว ...”แหล่งข่าวถ่ายทอดว่า“เฉลิม”พูดอย่างนี้
ส่วน “วัน อยู่บำรุง” ที่ในโลกโซเชียลฯ ถือได้ว่าเป็นระดับ “เกรียน” คนหนึ่ง ก็ยกเนื้อเพลงของวงไมโคร มาโพสต์เฟซบุ๊ก ว่า... บอกมาเลย ให้รู้กันไป ให้อยู่หรือไปก็บอกมา
#บอกมาคำเดียว
นอกจากนี้ “วัน” ยังโพสต์ อีกว่า “ผมไม่เคยพูดจาให้ร้ายพรรคเพื่อไทย!!! ผมไปพูดกวนโอ๊ยใคร ที่ไหน เมื่อไหร่ ไม่ทราบครับท่าน!”
คนที่ติดตามการเมืองแบบห่างๆ ก็คงนึกแปลกใจว่ามีเรื่องขัดใจอะไรกันอีก ถึงต้องประกาศแตกหัก แบบ “ผีไม่เผา เงาไม่เหยียบ” แต่คนวงในใกล้ชิด เห็นว่าไม่น่าแปลกใจเท่าไร และพอจะเดาที่มาที่ไปออก
“ร.ต.อ.เฉลิม” ถือเป็นคนเก่าคนแก่ของพรรคเพื่อไทย รุ่นราวคราวเดียวกับ “คุณหญิงหน่อย” สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ที่เป็นคนสำคัญในพรรค และมีความใกล้ชิดกับทักษิณ ระดับวงใน
“หญิงหน่อย” เจ้าของฉายา “เจ้าแม่นครบาล” ... “เฉลิม” ก็เป็น “ขุนศึกฝั่งธนฯ”
“เฉลิม”นั้นเด็ดขาดด้วยลีลา ท่าทาง ไม่ว่าจะเป็นการอภิปรายในสภา หรือขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียง แต่ระยะหลังมีปัญหาสุขภาพ จากที่เคยดุดัน ขันแข็ง ก็กลายเป็นเสียงแหบแห้ง และดูหอบเหนื่อย เมื่อเวลาพูดจา ปราศรัย
“เฉลิม”เคยพา“วัน อยู่บำรุง”ไปแนะนำ ฝากฝังกับ“ทักษิณ” ที่เมืองนอก หวังให้เป็นทายาทการเมือง ก็สำเร็จด้วยดี “วัน อยู่บำรุง” ได้ลงสมัคร ส.ส.เขตบางบอน ได้เป็นส.ส.สมใจ และหวังไว้ว่าจะครองพื้นที่นี้ ไปอีกยาวนาน
การเลือกตั้งครั้งล่าสุด “เฉลิม” ลงสมัคร สส.บัญชีรายชื่อ อยู่ลำดับที่ 5 ซึ่งถือว่าได้รับเกียรติจากพรรคให้อยู่ลำดับต้นๆแล้ว และก็ได้เป็นสส. แต่ “วัน” สอบตก แพ้ “ไอซ์” รักชนก ศรีนอก จากพรรคก้าวไกล ที่ขี่กระแสแลนด์สไลด์มาคว้าเก้าอี้ไป
หลังสอบตก “วัน” ก็ใช้โซเชียลฯ เป็นที่ระบาย โพสต์วันละหลายรอบ ยิ่งหลังจากเพื่อไทยได้เป็นแกนนำรัฐบาล แต่ “วัน” ก็ไม่ได้รับตำแหน่ทางการเมือง มาเยียวยาแผลใจ ก็เลยมีโพสต์ในเชิงตัดพ้อ ตามอารมณ์เกรียนคีย์บอร์ด ...ประมาณว่า “ค่าของคน อยู่ที่คนของใคร”
ตอนนี้ “ไอซ์ รักชนก” ติดบ่วง 112 อาจถูกถอดถอนจากตำแหน่งส.ส. หรือถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง ก็จะต้องมีการเลือกตั้งส.ส.เขตบางบอน กันใหม่
ทางพรรคเพื่อไทย จึงเห็นว่า คู่ต่อสู้อย่างพรรคก้าวไกล ต้องจัดหนักเพื่อรักษาพื้นที่ ที่เพิ่งยึดมาได้ แล้วถ้าเพื่อไทย ส่ง “วัน อยู่บำรุง” ไปรับมือ จะไหวหรือ เพราะเพิ่งแพ้มาหยกๆ แถมแพ้แล้วก็ยังไม่ได้ตั้งหลักทำอะไรที่เป็นการเตรียมพร้อม นอกจากไปเกรียนโลกโซเชียลฯ จึงมีโอกาสสูงที่จะต้องเปลี่ยนตัวชนกับก้าวไกลใหม่
ที่คนในพรรคเขาวิเคราะห์กันว่า ด้วยปัญหาสุขภาพทำให้หมดยุคของ“เฉลิม”แล้ว ส่วน“วัน” ก็ไม่เป็นโล้เป็นพาย ซึ่งมองแล้วมันก็ใกล้เคียงความจริงซะด้วย... ทีนี้ทั้งพ่อทั้งลูก ก็เลยว้าวุ่นกันใหญ่
ยิ่งมาได้ยินคำว่า “กวนโอ๊ย” ทั้งพ่อ ทั้งลูก ...ก็เลยทนไม่ไหว ต้องประกาศตัดญาติขาดอีโต้กันเลย!!