xs
xsm
sm
md
lg

นายกฯ ปลุกโรดโชว์เปิดตลาดให้สินค้าไทย พร้อมเป็นเซลส์แมน พานักธุรกิจ-ตลาดหลักทรัพย์ ลุย ตปท.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“เศรษฐา” ปลุกโรดโชว์เปิดตลาดให้สินค้าไทย ทำหน้าที่นายกฯ เซลส์แมน เตรียมพานักธุรกิจ-ตลาดหลักทรัพย์ โรคโชว์ ตปท.ฐานะทีมประเทศไทย สั่งทูตชาติสำคัญเจรจาเอกชน ลั่นลงทุนระบบน้ำ สร้างเงินหมุนเวียนในประเทศกว่า 90% ของการลงทุน ฟื้นภาคประมงไทย

วันนี้ (4 ต.ค.) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าว ในหัวข้อ “The Big Change: Empowering Thailand’s Economy” ภายในงาน “Thailand Economic Outlook 2024 Change the Future Today” จัดโดย “กรุงเทพธุรกิจ” วันนี้ (4 ต.ค.) ว่า การพูดเรื่องเศรษฐกิจไทยจากมุมมองของหลายคนที่มองว่าประเทศไทยเป็นเหมือนรถที่เก่าและวิ่งช้ากว่าประเทศเพื่อนบ้าน ก็เป็นเรื่องที่มีมุมมองตรงกัน เพราะตนก็มาจากภาคธุรกิจ เราเห็นตรงกันในเรื่องของปัญหาอุปสรรคที่กีดกั้นไม่ให้ประเทศไทยก้าวหน้าไปข้างหน้าได้ แต่ในฐานะที่เป็นนายกรัฐมนตรีวันนี้ ไม่อยากให้มองว่าเป็นนายกฯ แต่อยากให้มองในฐานะที่เป็นนักธุรกิจคนหนึ่งที่ได้รับมอบหมายจากทุกท่านให้มานำพาประเทศไทยก้าวข้ามอุปสรรคและก้าวไปข้างหน้าได้

“วันนี้ผมไม่อยากให้มองว่าเป็นนายกฯ แต่อยากให้มองในฐานะที่เป็นนักธุรกิจคนหนึ่ง ที่ได้รับมอบหมายจากทุกท่านให้มานำพาประเทศไทยไปสู่จุดที่สามารถไปถึงได้ จะได้มีความเข้าอกเข้าใจร่วมกันแล้วคิดตามบริบทของผมไปด้วยว่าอยู่ในสถานะเดียวกัน การที่เราเหมือนรถยนต์ที่ยังวิ่งช้าเหมือนกับเปรียบเทียบว่าเราสู้เพื่อนบ้านไม่ได้ ซึ่งก็เป็นเรื่องจริงตัวเลขที่ออกมาก็เป็นตัวชี้วัดที่ต่างกรรมต่างวาระ เราก็ไม่ควรพูดถึงรัฐบาลก่อนเพราะท่านเองก็มีปัญหาและข้อจำกัด แต่ในช่วงที่มีเวลาที่วิธีแก้ไขเวลานี้เป็นเวลาของรัฐบาลนี้เราก็ต้องทำต่อไปให้ได้ดีที่สุด” นายกรัฐมนตรี กล่าว

ทั้งนี้ ยอมรับว่า เครื่องยนต์ของประเทศวันนี้เดินช้ามาก ในช่วงที่ผ่านมาหลายประเทศที่เป็นคู่แข่งของไทยออกไปเชิญชวนนักลงทุนในต่างประเทศ อินโดนีเซีย เวียดนาม ออกไปติดต่อกับต่างประเทศเยอะมาก ผู้นำของเขาเป็นเหมือนกับเซลส์แมน ซึ่งหน้าที่ของผม ก็คือ เซลส์แมน ต้องออกไปขายความเชื่อมั่น ไปขายให้นักลงทุนต่างชาติเชื่อมั่นในประเทศไทยให้ได้ เป็นหน้าที่และภารกิจหลักที่จะทำให้ประเทศมีการลงทุนมากขึ้น และเรื่องนี้ต้องช่วยกันทำในหลายๆ ภาคส่วน เช่น ต่อไปนี้ทูตที่อยู่ในประเทศสำคัญๆ ต้องพบปะนักลงทุนมากขึ้น และจะต้องไม่กลัวนักลงทุน ต้องไม่กลัวที่จะเจอภาคเอกชน รัฐบาลต้องไม่กลัวเวลาเจรจาทวิภาคีกับต่างชาติ ต้องยอมที่จะให้นักธุรกิจไปด้วย โดยจะเห็นบริษัทที่มีความพร้อมจะไปโรดโชว์ในต่างประเทศ มีความภาคภูมิใจในการออกไปพบปะกับนักลงทุนทั่วโลกไม่ว่าจะเป็นที่ยุโรป ที่อเมริกา ทั่วทุกภูมิภาค เรามีนโยบายอย่างไร มีความเสี่ยงอะไรพูดให้หมดอธิบายให้เข้าใจ เราจะมีบริษัทใหญ่ใหญ่ตามไปด้วยในระยะกลาง และในระยะยาวเราจะมีบริษัทขนาดกลางติดตามไปด้วยถือเป็นการออกไปเชื้อเชิญการไปบอกกล่าวว่าประเทศไทยคือสถานที่ที่เขาควรจะมาลงทุน

นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า องค์กรของรัฐที่ต้องมีการปรับปรุงการทำงานในเชิงรุกมากขึ้น โดยมีการพูดคุยกับผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่าตลาดหลักทรัพย์ไทยนั้นมีความแข็งแกร่งต้องเป็นศูนย์กลางในการเอาบริษัทต่างประเทศเข้ามาลงทุนในประเทศไทยต้องออกไปโรดโชว์ส่งสัญญาณว่าประเทศไทยเป็นแหล่งระดมทุนที่ดีที่สุดในภูมิภาคนี้และถือว่าส่งสัญญาณว่าประเทศไทยมีความเหมาะสมในการลงทุน

“เราไปในฐานะทีมไทยแลนด์ เราต้องมาช่วยกันพูดช่วยกันให้ความมั่นใจกับนักลงทุนตรงนี้จะเป็นบริบทใหม่ในการทำงานของรัฐบาลนี้ ในการที่ผมเดินทางไปต่างประเทศถ้าไม่ขัดกับกฎหมายหรือหลักนิติธรรมที่รัฐธรรมนูญระบุไว้ที่รัฐบาลสามารถทำได้อยากเชิญผมอยากให้ทุกท่านมีความพร้อมในการที่จะเดินทางออกไปร่วมกับผมไปช่วยดึงดูดนักลงทุนเข้ามาเพื่อยกระดับภาคอุตสาหกรรมไทยช่วยยกระดับ ความมั่นใจที่ทั่วโลกจะมีให้เราถือเป็น “next step” และ “next chapter” ของไทยที่เราเปิดประเทศอย่างเต็มที่”

สำหรับการปรับปรุงเรื่องอื่นๆ เพื่อส่งเสริมการลงทุน เช่น ในเรื่องของระบบกฎหมายที่ยังมีความซับซ้อนไม่เอื้อให้เกิดการทำธุรกิจที่ตรงไปตรงมา ถามว่า เรื่องนี้ง่ายหรือไม่ ไม่ง่ายแต่ต้องมีความสนใจที่จะแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ บริษัทที่ตนไปเจอหลายบริษัทไม่ได้ลงทุนนอกประเทศเป็นครั้งแรกแต่ลงทุนในหลายหลายประเทศหลักการคิด และการที่ตกลงกับหลายประเทศเป็นหลักการที่เป็นอินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทยมีหลักการอยู่เยอะบางหลักการก็ไม่เป็นอินเตอร์ เราก็ต้องทำลายกำแพงตรงนี้ ให้ได้เพื่อให้เห็นว่าประเทศไทยเรามีความพร้อมที่จะเปิดประตูในการแข่งขันให้เต็มที่ ถือว่าเป็นภารกิจใหญ่ของประเทศไทยต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง
“ภารกิจนี้เป็นภารกิจใหญ่แล้วไม่ใช่เรื่องอะไรที่ง่าย ผมไม่สามารทำคนเดียวไม่ได้เอกชนต้องร่วมด้วยช่วยกันต้องมีความเชื่อต้องมีความหวังว่าถ้าเราไปด้วยกันเราจะทำได้เราจะเชื้อชาติเข้ามาลงทุนได้ ในบริบทใหม่ของกระทรวงการต่างประเทศ ออกจากจัดการเรื่องของโปรโตคอลกระทรวงการต่างประเทศก็ต้องมีเซลส์แมนที่ดีต้องเป็นหัวหอกสำคัญออกจากจัดการเรื่องของโปรโตคอลกระทรวงการต่างประเทศก็เจรจาติดต่อเอฟทีเอควบคู่กับกระทรวงพาณิชย์ รัฐบาลและตัวของนายกรัฐมนตรีเองเพื่อที่จะเปิดประตูการค้าขายให้ได้มากขึ้น”

สำหรับการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไทย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เริ่มจากภาคที่มีคนอยู่มาก คือ ภาคเกษตรกรรมของไทย ถือว่าเป็นภาคส่วนที่น่าสงสารมากที่สุดภาคหนึ่ง เพราะคนจำนวนมากยากจน และขาดความรู้ การที่เราต้องพักหนี้ 13 ครั้ง ในระยะเวลา 9 ปี และพักหนี้อีกเป็นครั้งที่ 14 ไม่ได้เป็นความประสงค์ของเกษตรกร เพราะตัวของเกษตรกรเองก็มีศักดิ์ศรี เกษตรกรเองก็อยากที่จะประกอบอาชีพอยากที่จะมีรายได้มีการใช้หนี้ใช้สินได้โดยที่รัฐบาลไม่ต้องช่วยเหลือจุนเจือ แต่เหตุผลที่เราต้องพักหนี้ พักแล้วพักอีกพักแล้วไม่จบก็เพราะมีปัญหาหลายด้านในภาคเกษตร และแก้ปัญหาให้กับเกษตรกร ซึ่งทำไปแล้วในเรื่องของการลดค่าของชีพ เช่น การพักหนี้เกษตรกรทำเป็นครั้งที่ 14 แต่รัฐบาลจะไม่ประกัน จำนำ แต่จะเน้นรายได้สุทธิ รายได้เกษตรกร ซึ่งรายได้เกษตรจะเพิ่มขึ้นสามเท่าภายในสี่ปีนี้ โดยการที่ไปเปิดตลาดใหม่ใหม่อย่างเช่นตลาดในแอฟริกาตลาดที่ไม่มีความมั่นคงในอาหารประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความมั่นคงในอาหารประเทศไทยจะมีความมั่นคงทางอาหารสูงขึ้นอยู่ด้วยในอนาคตเราต้องสนับสนุนเขาต้องให้องค์ความรู้เกษตรกร เราต้องเพิ่มผลผลิตต่อไร่ ต้องสร้างมูลค่าให้กับสินค้าไทยเพื่อให้รายได้เข้ากระเป๋าเกษตรกรให้ได้มากยิ่งขึ้น

ในประเด็นแรก คือ เรื่องไม่ท่วมไม่แล้ง ถ้าแก้ได้ รัฐบาล มีนโยบายแต่หากเราทำได้สำเร็จ เชื่อว่า เศรษฐกิจไทยจะไปได้ไกลมากกว่านี้ การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเรื่องน้ำเป็นเรื่องที่เราต้องทำทั้งระบบ เมื่อวานนี้ตอนเย็นตนเข้าไปที่พรรคเพื่อไทย เพื่อที่จะเจอ ส.ส ไปคุยกับ ส.ส.มีคนพูดเรื่องน้ำท่วม หลายพื้นที่ มี ส.ส.12 คน เข้ามาพูดรียนตรงๆ ว่า งง สับสน จนมี ส.ส.คนหนึ่งมาบอกว่าเป็นภาคอีสานทั้งหมด ต้องจัดการบูรณาการเรื่องน้ำอธิบายให้ ส.ส.ฟัง ว่า การบริหารจัดการน้ำทั้งหมดไม่ให้ท่วมให้แล้ง มีอะไรบ้างแล้ว แผนระยะยาวของรัฐบาลจะมีอย่างไรที่ไม่ให้เกิดปัญหานี้เกิดขึ้นในภาพรวม ตนได้พูดคุยกับคุณวิชิต สุรพงษ์ชัย ประธานกรรมการบริหารธนาคารไทยพาณิชย์ โดยให้ข้อมูลว่า ถ้าลงทุนในระบบไฮเทค ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีและเหมาะสมจะทำแต่การส่งเสริมการลงทุนแบบนี้เงินจะออกไปนอกประเทศ 90% แต่ในทางกลับกัน ถ้าลงทุนในระบบน้ำและชลประทานทุกๆ 100 บาท เช่น การลงทุนไม่ท่วมไม่แล้ง เงินจะอยู่ในประเทศ 90% เพราะใช้เทคโนโลยีที่ไม่ซับซ้อนเป็นเทคโนโลยีในประเทศ

“รัฐบาลนี้สนับสนุนเรื่องนี้สัปดาห์นี้ ผมจะลงไปในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเป็นพื้นที่น้ำท่วมทุกปี และเชื่อว่า ใน 3 เดือนจากนี้ จะเกิดเรื่องของการลงทุนที่ชัดเจน แล้วมีอะไรดีขึ้นรออยู่”

ส่วนเรื่องอุตสาหกรรมน้ำ ในอุตสาหกรรมหากกำลังที่กำลังเชิญชวนเอกชนจากต่างประเทศเข้ามาลงทุน ซึ่งในเรื่องของไฮเทคเทคโนโลยีแต่เรื่องของอิเล็กทรอนิกส์ มีความต้องการน้ำอย่างมาก รัฐบาลต้องให้ความมั่นใจและให้เขามีความมั่นใจได้ในเรื่องน้ำ รัฐบาลต้องให้ความมั่นใจ และให้เขามีความมั่นใจได้ในเรื่องน้ำ ถ้าหากทำให้เค้ามั่นใจไม่ได้ก็จะมีปัญหาในเรื่องการดึงดูดนักลงทุนเรายืนยันแล้วเราต้องทำให้ได้ เวลาผมเดินทางไปต่างประเทศไปคุยไปติดต่อกับบริษัทขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นไมโครซอฟท์ Google เทสลา หรือว่าบริษัทไมโครชิปอื่นๆ ที่เรากำลังจะทำต่อไปนี้ เป็นการลงทุนนับล้านล้านบาท เราอยากให้เขาเข้ามาและยกระดับอุตสาหกรรมในประเทศไทยให้สูงขึ้น เพื่อทำให้จีดีพีของเราโตให้ได้ ไม่ยังงั้นจีดีพีของเราจะโตไม่ได้ ไม่ยังงั้นขีดความสามารถในการแข่งขันของเราจะเติบโตไม่ได้

อีกภาคส่วนที่น่าสงสารคือเรื่องของภาคประมง เราเคยส่งออก 3.5 แสนล้านบาท วันนี้เราต้องนำเข้า 5 แสนล้าน แต่วันนี้ตั้งใจว่าต้องฟื้นฟูภาคประมงให้มาส่งออกได้มากขึ้น เพื่อให้ประมงไทยกลับมาดำรงชีวิตต่อเพื่อให้ประมงไทยกลับมาดำรงชีวิตต่อได้เพื่อให้ประเทศไทยมีความมั่นคงในอาหาร เราสามารถทำเราสามารถทำการประมงไปไหนนั่นน้ำอื่นๆ ได้ในทรัพยากรที่มีความพร้อม เราต้องเตรียมความพร้อมให้กับชาวประมงทั้งอุปกรณ์แล้วก็ความรู้ซึ่งในโลกยังมีตลาดของอาหารทะเลอยู่เยอะมาก เราก็ต้องไปเจรจากับ EU เรื่อง IUU เราต้องต่อรองกันใหม่ เพราะตลาด EU เราส่งออกไปแค่ 8% เท่านั้น


กำลังโหลดความคิดเห็น