“ไอติม” ลุกหารือกลางสภา แสดงความเสียใจปมกราดยิงพารากอน เสนอ 3 แนวทางให้หน่วยงานเกี่ยวข้องแก้ไข จี้ทำระบบแจ้งเตือนภัย-ทบทวนกฎหมายครองปืน-งดประโคมข่าวคนร้าย ลั่น การกระทำอำมหิตต่อเพื่อนมนุษย์แบบนี้ ต้องไม่มีวันทำให้คนได้แสง
วันนี้ (4 ต.ค.) ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรครั้งที่ 19 สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 1 นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล ลุกขึ้นหารือก่อนเข้าสู่วาระการประชุม กรณีเหตุการณ์กราดยิงที่สยามพารากอน
โดย นายพริษฐ์ กล่าวว่า ตนขอใช้พื้นที่สภาแห่งนี้แสดงความเสียใจต่อผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์กราดยิงที่สยามพารากอนเมื่อวานนี้ และขอเสนอส่งต่อข้อเสนอ 3 ด้านไปยังหน่วยงานรัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำอีกในอนาคต
1. เป็นเรื่องระบบแจ้งเตือนภัย เหตุการณ์เมื่อวานนี้เป็นอีกเหตุการณ์ที่ประชาชนในพื้นที่ ไม่ได้รับการแจ้งเตือนผ่าน sms จากหน่วยงานรัฐ ต้องอาศัยระบบการแจ้งเตือนภัยจากเอกชน หรือการค้นหาข้อมูลกันเองในสื่อโซเชียล
“ผมขอหารือท่านประธานผ่านไปยังกระทรวงดิจิทัล กสทช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เร่งรัดแผนการพัฒนาระบบแจ้งเตือนภัยแบบ Cell Broadcast ที่จะเป็นการส่งข้อความเข้ามือถือทุกเครื่องในพื้นที่เกิดเหตุ” นายพริษฐ์ กล่าว
2. เป็นเรื่องการครอบครองอาวุธปืน แม้ปืนที่ใช้ก่อเหตุเมื่อวานนี้เป็นปืนดัดแปลง แต่การที่ประเทศไทยนั้น มีอัตราผู้เสียชีวิตจากอาชญากรรมสูงอาวุธปืนสูงเป็นอันดับที่ 3 ของทวีปเอเชียนั้นก็เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเราอาจจำเป็นต้องทบทวนเรื่องการครอบครองอาวุธปืนทั้งระบบ
“ผมขอหารือท่านประธานผ่านกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้หาแนวทางปรับปรุง กฎหมายขออนุญาตใช้ปืนในระบบให้ครอบคลุมประเภทอาวุธมากขึ้น รวมไปถึงปรับปรุงมาตรการปิดช่องทางการค้าขายปืนนอกระบบให้มีความรัดกุมมากขึ้น” นายพริษฐ์ กล่าว
3. เป็นเรื่องข้อมูลเกี่ยวกับผู้ก่อเหตุและการป้องกันพฤติกรรมการเลียนแบบ ตั้งแต่เกิดเหตุ เราเห็นการเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับตัวตนและประวัติของผู้ก่อเหตุอย่างกว้างขวาง
“แม้ผู้เชี่ยวชาญและงานวิจัยชี้ชัดว่าการประโคมข่าวในลักษณะดังกล่าวนั้นจะมีความสุ่มเสี่ยงที่อาจจะเกิดพฤติกรรมเลียนแบบ ดังนั้น อยากจะหารือท่านประธานผ่านไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการงดแชร์เรื่องราวของผู้ก่อเหตุ ช่วยส่งสัญญาณไปทั่วประเทศ ว่าการกระทำอันอำมหิตต่อเพื่อนมนุษย์แบบนี้จะไม่มีวันทำให้คนได้แสงและความสนใจกับต่อใครสักคนแม้แต่นิดเดียว”