xs
xsm
sm
md
lg

“เชาว์” ชี้ “ก๊วนบิ๊กโจ๊ก” ดิ้นยาก เหตุพูดหมดแล้ว หลักฐานโซเชียลใช้ในศาลได้ เหน็บทนายจ้อส่อสารภาพ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สมาชิก ปชป.ชี้ หลักฐานในสื่อโซเชียลค้นบ้าน “บิ๊กโจ๊ก” โยงพนันออนไลน์ ใช้ในศาลได้ เป็นพยานตรงจากเทคโนโลยีน่าเชื่อถือกว่าพยานบุคคล เชื่อ ทีมรอง ผบ.ตร.ดิ้นยาก เพราะพูดไปหมดแล้ว เหน็บคำพูด “ทนายอนันต์ชัย” ทำความดีทั้งชีวิต ผิดครั้งเดียวจะเอากันให้ตาย อาจถูกมองสารภาพ

วันนี้ (1 ต.ค.) นายเชาว์ มีขวด ทนายความ อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊ก เรื่อง พยานหลักฐานคดีค้นบ้าน “บิ๊กโจ๊ก” ที่จ้อกันในหน้าสื่อโซเชียลใช้เป็นพยานหลักฐานในศาลได้หรือไม่ มีเนื้อหาระบุว่า มีถามกันมาเยอะว่าพยานหลักฐานที่คู่ความทั้งสองฝ่ายพูดตอบโต้กันไปมา รวมทั้งภาพถ่ายวัสดุสิ่งของที่ปรากฏในสื่อหลักและสื่อโซเชียลใช้อ้างเป็นพยานหลักฐานในศาลได้หรือไม่ เพราะในปัจจุบันเมื่อมีคดีสำคัญเป็นที่สนใจสื่อก็จะเกาะติดเจาะข่าวจากพยานในที่เกิดเหตุ ผู้ต้องหา ผู้เสียหาย รวมทั้งทนายความก็จะถูกเชิญมาให้สื่อได้ซักกันกลางสาธารณะก่อนคดีจะขึ้นสู่ศาลเรียกว่าแทบจะไม่มีอะไอที่จะต้อสืบพยานกันอีก อย่างเช่น คดีที่ตำรวจไซเบอร์นำหมายศาลบุกค้นค้นบ้านพัก พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาลหรือ บิ๊กโจ๊ก และปฏิบัติการปูพรหมพร้อมกันอีก 30 จุด เพื่อจับผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องกับพนันออนไลน์และฟอกเงิน จนสามารถจับผู้ต้องหาตามหมายจับซึ่งเป็นนายตำรวจมือทำงานข้างกายพลเอกสุรเชษฐ์ได้ถึง 8 คน ที่มีเส้นเงินโยงถึงบิ๊กโจ๊กและคนในครอบครัว พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ ออกมาตอบโต้การกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดนำค้นอย่างรุนแรง และให้สัมภาษณ์สื่อทันทีรับว่าบ้าน 5 หลังเป็นของตนแต่ใช้ชื่อญาติสนิทที่สงขลาเป็นผู้ซื้อ

แต่เมื่อตรวจสอบชื่อเจ้าของบ้านที่จริง ปรากฏว่า คือ เฮียแต๋ม เป็นคนจังหวัดอุดรธานี ไม่ได้เป็นญาติสนิทอะไรกันกับบิ๊กโจ๊ก บิ๊กโจ๊กยอมรับและอ้างว่านับถือกันเป็นญาติ และยอมรับว่า ตนเองเช่าบ้านจากเฮียแต๋ม 2 หลัง เดือนละ 5 หมื่นบาท แต่เมื่อตรวจสอบหลักฐานการชำระค่าจ่ายส่วนกลาง กลับพบว่าเฮียแต๋มเป็นคนจ่ายค่าใช้จ่ายส่วนกลางให้กับหมู่บ้านทุกปี ในสถานการณ์ที่เริ่มจนกระดาน พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ จึงตั้งทีมทนายอนันต์ชัย ไชยเดช สู้คดีค้นบ้านไม่เป็นธรรม โดยแบ่งทีมทนายเป็น 2 ส่วน คือ 1. คนที่มารังแก บิ๊กโจ๊ก 2. คดีตำรวจ 8 นาย ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของบิ๊กโจ๊ก วันแรกที่รับงานทนายอนันต์ชัย ให้สัมภาษณ์สื่อหลายรอบ แต่ช่วงสำคัญ คือ การนำผู้ต้องหาตามหมายจับทั้งแปดคน ซึ่งล้วนแต่เป็นนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ มือทำงานของบิ๊กโจ๊ก ตั้งโต๊ะแถลงข่าวที่บริเวณสำนักงานนายอนันตชัย นำบิ๊กโจ๊กมานั้งหน้าคู่กันทนายนันตชัย ด้านหลังแวดล้อมด้วยนายตำรวจลูกน้องคู่ใจที่ถูกออกหมายจับ เรียกว่า เปิดหน้าสู้ตามแนวทางการเดินเกมส์ของทนายอนันต์ชัย จนทุกคนรู้สึกงง กับสถานะของรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติที่แวดล้อมไปด้วยผู้ต้องหาที่ถูกจับ ว่า นี่คือ การแถลงข่าวการจับกุมคนร้ายหรือแถลงผลงานอะไรกันแน่ จับประเด็นในวันนั้นนอกจากคำแก้ตัววัวพันหลักของผู้ต้องหาแต่ละคน รวมทั้งพลเอก สุรเชษฐ์ แล้ว ทนายอนันต์ชัยก็หลุดคำพลังปากออกไปว่า “น้องพวกนี้เขาทำความดีมาทั้งชีวิต มาผิดครั้งเดียวจะเอากันให้ตายเชียวหรือ” นอกจากคำสัมภาษณ์เหล่านี้ยังมีสื่อโซเชียลหลายช่องก็ได้ตะเวนเกาะเจาะติดไปยังแหล่งข่าวต่างๆอีกมากมายไม่ว่าจะเป็นเส้นเงิน รวมทั้งผู้ที่ตกเป็นเหยื่อบัญชีม้าหลักฐานรูปถ่ายความสัมพันธ์ของบุคคลต่างๆ ที่อยู่ในขบวนการพนันออนไลน์และฟอกเงิน

นายเชาว์ ระบุด้วยว่า ถามว่า พยานหลักฐานที่ปรากฏอยู่ในสื่อทั้งหมด เมื่อคดีขึ้นสู่ศาลคู่ความสามารถอ้างอิงเอาพยานหลักฐานต่างๆ เหล่านี้ไปใช้ในศาลได้หรือไม่ ? ผมขออธิบายว่าในคดีอาญานั้นคลิปเสียง หรือคลิปวิดีโอย่อมถือเป็นพยานหลักฐานชนิดหนึ่งซึ่งสามารถพิสูจน์ได้ว่าจำเลยมีความผิดจริงหรือบริสุทธิ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 226 และสามารถใช้อ้างเป็นพยานหลักฐานได้ กฎหมายเรียกพยานหลักฐานเช่นนี้ว่าพยานตรงจากโทคโนโลยี่การบันทึกภาพบุคคล วัสดุ สิ่งของ รวมทั้งเสียงในที่เกิดเหตุ ซึ่งถือเป็นพยานหลักฐานที่สำคัญมากที่สุดในบรรดาพยานหลักฐานทั้งปวง มีความน่าเชื่อถือกว่าพยานบุคคล เพราะดิ้นไม่ได้ เหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างไรก็บันทึกไปอย่างนั้น สอดคล้องกับในปัจจุบันการถ่ายคลิปวีดีโอหรือบันทึกเสียง สามารถจะทำได้โดยง่ายเป็นอย่างมากผ่านโทรศัพท์มือถือ เราจึงมักนิยมอัดคลิปเสียงหรือคลิปวีดีโอกันไว้เมื่อเกิดมีปัญหาข้อพิพาท หรือมีการให้สัมภาษณ์ข่าวกับสื่อต่างๆ ด้วยความเต็มใจและยินยอมคลิปเสียงหรือคลิปวีดีโอดังกล่าว ย่อมสามารถใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีได้ทั้งชั้นสอบสวนและชั้นศาลแต่ในกรณีที่การอัดเสียงหรือแอบถ่ายโดยที่คู่กรณีไม่ได้รู้ตัว หรือเป็นการแอบลักลอบบันทึก จะสามารถใช้เป็นพยานหลักฐานในศาลได้หรือไม่ นั้น ต้องแยกเป็น 2 กรณีด้วยกันคือ หากคลิปเสียงหรือคลิปวีดีโอดังกล่าวถูกแอบลักลอบบันทึกโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย หรือได้ลักลอบบันทึกโดยคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งไม่รู้ตัว ส่วนใหญ่ศาลฎีกาตีความว่า พยานหลักฐานดังกล่าวเป็นพยานหลักฐานที่ได้มาจากการกระทำโดยมิชอบศาลจึงไม่อาจรับฟังเป็นพยานได้

แต่ข้อห้ามดังกล่าวไม่ใช่เป็นข้อห้ามอย่างเด็ดขาดแต่อย่างใด กฎหมายยังผ่อนปรนให้สามารถรับฟังพยานหลักฐานดังกล่าวได้หากการรับฟังพยานหลักฐานนั้นจะเป็นประโยชน์ต่อการอำนวยความยุติธรรม มากกว่าผลเสียอันเกิดจากผลกระทบต่อมาตรฐานของระบบงานยุติธรรมทางอาญาหรือสิทธิ เสรีภาพพื้นฐานของประชาชน หากคุณค่าในเชิงพิสูจน์ ความสำคัญ และความน่าเชื่อถือของพยานหลักฐานนั้น เป็นพยานหลักฐานศาลมีความสำคัญจริงๆ ที่จะเอาผิดจำเลยหรือจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของจำเลยได้ และมีความน่าเชื่อถือสูง

ตัวอย่างเช่น คลิปเสียงหรือคลิปวีดีโอดังกล่าว แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าจำเลยไม่ได้กระทำความผิด เพราะมีคนอื่นเป็นคนกระทำความผิดหรือคลิปเสียงหรือคลิปวีดีโอดังกล่าวแสดงได้อย่างชัดเจนว่าจำเลยกระทำความผิด เพราะมีคลิปเหตุการณ์ขณะจำเลยกระทำความผิดเห็นหน้าของจำเลยชัดเจน เช่นนี้ ย่อมถือว่าพยานหลักฐานดังกล่าวเป็นพยานหลักฐานที่มีน้ำหนัก มีคุณค่าเชิงพิสูจน์ ศาลก็อาจจะรับฟังคลิปเสียงหรือคลิปวิดีโอดังกล่าวก็ได้

“จึงเห็นได้ว่า คลิปภาพคลิปเสียงคดี ภาพถ่าย พยานหลักฐาน วัสดุ สิ่งของ คดีที่ตำรวจไซเบอร์นำหมายศาลบุกค้นค้นบ้านพักพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาลหรือบิ๊กโจ๊ก และปฏิบัติการปูพรหมพร้อมกันอีก 30 จุดเพื่อจับผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องกับพนันออนไลน์และฟอกเงิน จนสามารถจับผู้ต้องหาตามหมายจับซึ่งเป็นนายตำรวจมือทำงานข้างกาย พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ ได้ถึง 8 คน ที่มีเส็นเงินโยงถึงบิ๊กโจ๊กและคนในครอบครัว จนกระทั่ง พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ กับทีมทนายและผู้ต้องหาออกมาตอบโต้การกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดนำค้นอย่างรุนแรง และให้สัมภาษณ์สื่อหลายครั้ง ทุกสิ่งทุกอย่างที่ถูกบันทึกไว้โดยสื่อโซเชียล คู่ความฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด สามารถใช้อ้างอิงเป็นพยานหลักฐานในศาลได้ครับ และผมยังมองว่า พยานหลักฐานเหล่านั้น มัดตัวเองพอสมควรในเรื่องแนวทางการสืบพยานในชั้นศาล เพราะได้พูดออกสื่อไปหมดแล้ว ดิ้นไม่ได้แล้ว แม้แต่ทนายอนันต์ชัย ที่พลัังปากไปว่า “น้องพวกนี้เขาทำความดีมาทั้งชีวิต มาผิดครั้งเดียวจะเอากันให้ตายเชียวหรือ” ยังอาจถูกมองว่าเป็นการรับสารภาพ หรือไม่ นี่คือ ข้อเสียที่เมื่อเป็นคดีความ ถ้าข้อเท็จจริงยังไม่ตกผลึก อย่าริตั้งโต๊ะแถลงข่าวหาแสง มิเช่นนั้น ท่านอาจจะไม่มีคำพูดอะไรไปแก้ตัวในศาลได้อีกเลยครับ” นายเชาว์ ระบุทิ้งท้าย


กำลังโหลดความคิดเห็น