ข่าวปนคน คนปนข่าว
** ตัวพ่อ "ปิยบุตร" บูดใส่ "ไร้น้ำใจ"... "ก้าวไกลการละคร"แตกฮือ โวยแทน"ช่อ"ท่องคาถาคนไม่ผิด ที่ผิดคือกฎหมาย
กรณี "ช่อ" น.ส.พรรณิการ์ วานิช อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคอนาคตใหม่ ถูกถอนสิทธิรับสมัครเลือกตั้งตลอดไป และไม่มีสิทธิดำรงตำแหน่งทางการเมือง กลายเป็น "ชนวน"ให้ "ตัวพ่อ" อย่าง "ปิยบุตร แสงกนกกุล" อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ รับไม่ได้กับท่าทีของพรรคก้าวไกล ที่"เงียบกริบ" และ"ไร้น้ำใจ" ไม่ออกมาตอบโต้ซักแอะ
“ปิยบุตร” โพสต์ความรู้สึกบูดๆ ผ่านเฟซบุ๊ก ว่า ผมทราบข่าวกรณีคุณช่อ พรรณิการ์ วานิช ตั้งแต่บ่ายสามแล้ว แต่จงใจยังไม่แสดงความเห็นใดๆ เพราะอยากรอดูว่า พรรคก้าวไกล จะมีการสื่อสารแบบเป็นทางการออกมาบ้างหรือไม่ แต่จนถึงตอนนี้ ไม่มีเลย พบเห็นแค่มีส.ส.บางคนแสดงความไม่เห็นด้วยอยู่บ้าง แต่ไม่มีการแถลง หรือวิจารณ์ใดๆ ออกจากพรรคก้าวไกลแม้แต่น้อย
อย่าใช้เหตุผลนะครับว่า “คุณช่อ”ไม่ใช่สมาชิกพรรคก้าวไกล นั่นคนละเรื่องเลย พรรคการเมืองสามารถแสดงความเห็นได้อยู่แล้ว ยังไม่นับว่าคุณช่อเป็นผู้ช่วยหาเสียงให้พรรคก้าวไกลด้วย ในขณะที่ผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกล และผู้สนับสนุนพรรคอื่น ยังแสดงความไม่เห็นด้วยอย่างกว้างขวาง แต่พรรคก้าวไกลกลับ “เงียบกริบ”
เงียบจนผมรู้สึกว่า “ไร้น้ำใจ” กับพรรณิการ์ วานิช จนเกินไป!!
ในเมื่อพรรคก้าวไกลไม่พูดอะไรเลย ก็ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมแถลงวิจารณ์คดีนี้เอง วันสองวันนี้ ผมจะไลฟ์ อรรถาธิบายทั้งหมดครับ
การวิจารณ์คดีนี้ ไม่ใช่เป็นเรื่องของการปกป้องคุณช่อครับ แต่เป็นการวิจารณ์ความผิดปกติของระบบรัฐธรรมนูญ ถ้าพรรคก้าวไกลมีความมุ่งมั่นในเรื่องการทำรัฐธรรมนูญใหม่ การออกแบบสถาบันการเมือง ก็อยู่นิ่งเฉยไม่ได้ครับ ผมวิจารณ์เรื่องนี้มาโดยตลอด ตั้งแต่สมัย “คุณปารีณา” โดน
วันนี้ได้เห็นน้ำใจของคุณปารีณา แสดงความไม่เห็นด้วย ก็น่ายินดีอย่างยิ่ง!!
เมื่อผู้นำจิตวิญญาณหงุดหงิด เหน็บแหนมแกมโมโห ก็เลยเป็นที่มาของบรรดาสมาชิกก้าวไกล แตกฮือออกมาให้ความเห็นกันใหญ่ และแก้ต่าง ที่ "เงียบกริบ" ไม่ใช่ไม่รู้สึก แต่ติดงาน ต่างคนก็ต่างมีแนวทางแสดงความเห็น นึกเห็นใจ "ปิยบุตร" ที่เจ็บร้อนแทน “ช่อ” เพราะร่วมงานกันใกล้ชิด
นัยยะก็คือ แอบเหน็บ"ตัวพ่อ"นั่นแหละ จะมาแว้งกัดพวกเดียวกันทำไม (วะ) ?
ว่าแล้ว ก้าวไกลการละคร ก็เปิดฉาก “โรม” รังสิมันต์ โรม สส.ก้าวไกล คร่ำครวญว่า ผิดหวังเกินจะรับไหวที่ “ช่อ" โดนกระทำ และ ตัดพ้อต่อว่า ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองอะไรคือมาตรฐาน-ความเป็นธรรม เอาเขาไปขังยังรุนแรงน้อยกว่า หรือเป็นเพราะ “ก้าวไกล-อนาคตใหม่” ทำอะไรก็ผิด
"ตัวตึง" วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อ้างว่า สาธารณชนสงสัย 6 ข้อ ปม"ช่อ" ถูกตัดสิทธิลงการเมืองตลอดชีวิต หากอธิบายไม่ได้ ประเทศชาติก็หมดกัน กระบวนการยุติธรรมประเทศเสื่อมถอย
ที่เป็นหมู่คณะก็มี “โตโต้” ปิยรัฐ จงเทพ นำเพื่อน สส. “ก้าวไกล” แถลงเป็นเรื่องเป็นราว ตั้งคำถาม “ช่อ" ถูกตัดสิทธิทางการเมือง รัฐธรรมนูญ ปราบโกงหรือปราบใคร กฎหมายมีปัญหา บทลงโทษซ้ำซ้อน เขียนเสือให้วัวกลัว
โหวกเหวกโวยวายว่า เรื่องนี้อย่ามองเป็นเรื่องเฉพาะบุคคล แต่เป็นปัญหาของข้อกฎหมายมาตรฐานจริยธรรม ที่มีอยู่ในรัฐธรรมนูญ
ว่าไปแล้วเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่ซับซ้อน ถึงขั้นต้องตีความอะไรให้วุ่นวาย หรือ แก้กฎหมายอย่างที่ก้าวไกล โน้มน้าวให้สังคมเชื่อ
เป็นเรื่องง่ายๆ แค่ "กรรมใดใครก่อ" อุปมาเหมือนเล่นกีฬา ผู้เล่นก่อนจะลงสนามก็ต้องรู้ว่ากติกาเป็นอย่างไร เมื่ออยู่ในสนาม ต้องทำตามกติกา เมื่อทำผิดกติกา ก็ต้องถูกลงโทษ ผิดร้ายแรงก็ต้องถูกไล่ออกจากสนาม
ก้าวไกลอธิบายสังคมแบบคลุมเครือ ไม่ยอมบอกชัดๆว่า “ช่อ” ได้ทำผิดอะไรลงไปจึงถูกตัดสิทธิ์
คดีนี้เชื่อว่า “ช่อ” ก็รู้อยู่แก่ใจ แต่จงใจท้าทาย รู้ทั้งรู้ มาตรฐานจริยธรรมที่มีความผิดรุนแรงที่สุดคือ ต้องยึดมั่นและธำรงไว้ซึ่งระบอบประชาธิปไตยอันมี "พระมหากษัตริย์" ทรงเป็นประมุข
เชื่อว่า “ช่อ” เมื่อทำสิ่ง "มิบังควร" ต่อสถาบันฯ ตามที่มีผู้ร้อง น่าจะคิดไว้ก่อน หรือรู้ว่าผลจะตามมาอย่างไรอยู่แล้ว
และ “ช่อ” ก็ต้องรู้ด้วยว่า จริยธรรมสำคัญต่อคนเป็นนักการเมือง สำคัญต่อสถาบันชาติ-ศาสน์-กษัตริย์ แค่ไหน
ตอนทำไม่คิด ตอนเป็นเรื่องแล้วก็ใช้คาถาเดิม คนไม่ผิด ที่ผิดคือกฎหมาย ยกอ้าง 2 มาตรฐานบ้าง คนไม่เท่าเทียมกันบ้าง ไม่เป็นประชาธิปไตยบ้างละ
ไม่ว่า “ปิยบุตร” หรือ ก้าวไกลที่ออกมาโวยวายตามหลัง เป็นเหมือนกันหมด ไม่เคยดูที่เหตุ ไม่เคยโทษตัวเองและพวกพ้อง
นี่เป็นมาตรฐานของก้าวไกล ไม่ใช่มาตรฐานของสังคม!!
งานนี้ หากก้าวไกลจะเปิดการแสดง "ก้าวไกลการละคร" ก็ขอให้ดูด้วยว่า วันนี้สังคมเขาตื่นรู้ และแยกแยะได้..เปลี่ยนตัวเองบ้างเถอะ ความเจริญจะได้บังเกิดนะจ๊ะ
** “ติ่ง มัลลิกา” โบกมือลา ปชป. ขอไปเป็นดาว TikTok ดีกว่า
ช่วงนี้ ใครที่ติดตามดูคอนเทนต์ต่างๆ ในแอปพลิเคชัน “ติ๊กต็อก” ก็คงจะเห็น “ติ่ง” มัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ จัดทำคอนเทนต์ วิพากวิจารณ์ประเด็นร้อนทางการเมืองด้วย น้ำสียง ลีลาภาษาพูด ภาษากาย ที่ออกไปในแนว แดกดัน ดุเดือด ถูกใจสายฮาร์ดคอร์
แล้วเมื่อวันก่อน “ติ่ง มัลลิกา” ก็ใช้ TikTok เป็นช่องทางในการประกาศลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ ขอเว้นวรรคทางการเมือง ไปใช้ชีวิตส่วนตัวกับสามี
หลายคนที่ติดตามการเมืองคงแปลกใจว่า เหตุใดถึงลาออก ก็เมื่อเร็วๆนี้ ยังประกาศตัวว่าจะลงชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์อยู่เลย ทำไม่ถึงถอดใจซะแล้ว
แต่คนใกล้ชิดที่รู้จัก “ติ่ง มัลลิกา”ดี บอกว่า นั่นเป็นแค่การทำคอนเทนต์ในเชิงประชดประชันเท่านั้น ประมาณว่าถ้าคนอย่าง “ไพทูรย์ แก้วทอง” จะชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคกับ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ”ได้ แล้วทำไม่ “ติ่ง มัลลิกา” จะลงชิงด้วยไม่ได้ และการลาออกจากพรรคครั้งนี้ คงมองไปข้างหน้าแล้วไม่เห็นอนาคตทางการเมือง ทั้งปัญหาภายในที่ฉุดให้พรรคอยู่ในช่วงขาชี้ฟ้าสุดๆ ... สู้ออกไปใช้ “ติ๊กต็อก” เป็นช่องทางทำมาหากินดีกว่า
“มัลลิกา” บอกว่าได้ยื่นหนังสือลาออกจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์แล้ว โดยไม่ได้มีปัญหาใดๆกับทางพรรค เพียงแต่ต้องการใช้เวลาในการทำงานส่วนตัว ในฐานะประธานมูลนิธิมัลลิกาเพื่อประชาชน www.mallikafoundation.net รวมถึง การจัดรายการวาไรตี้ทอล์กโชว์ทุกคืนใน TikTok ด้วย
เรื่องลาออกจากพรรคนี่ถือว่าเป็นคอนเทนต์สำคัญประจำวันแล้ว “ ติ่ง มัลลิกา” ยังไม่วายที่จะต่อเติมเสริมแต่งไปด้วยว่า... ที่ลาออกเพราะเตรียมตัวไปขึ้นประกวดนางงาม...!!
...ทำไมถึงมั่นใจ ก็ฉันสวย และก่อนที่ฉันจะเยินไปกว่านี้ ฉันต้องประกวดนางงามก่อน เพราะฉะนั้นฉันต้องเว้นวรรคทางการเมือง ต้องลาออกจากตำแหน่งทางการเมืองทุกอย่าง ฉันจะเตรียมตัวลดน้ำหนัก เล่นเวตทุกวัน แล้วจะไปประกวดนางงาม เพราะได้ข่าวมาว่า เวทีหนึ่งมีผัว ก็ประกวดได้ อายุเยอะก็ประกวดได้ถ้ายังสวย จบนะ เลิกดรามา!!...
สำหรับ "มัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข" บ้านเกิดอยู่ที่ อ.เชียงม่วน จ.พะเยา มีเชื้อสายไทลื้อ จบปริญญาตรีคณะมนุษยศาสตร์ ม.รามคำแหง ปริญญาโท วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม ม.รังสิต และปริญญาเอก วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม สาขาวิชาผู้นำทางสังคม ธุรกิจและการเมือง ม.รังสิต
ด้านการศึกษา ก็ไม่ธรรมดา มีคำนำหน้าชื่อเป็นถึง “ดอกเตอร์” เชียวนะ
เริ่มทำงานด้านสื่อสารมวลชน ด้วยการเป็นพิธีกร และผู้ประกาศข่าวทางสถานีโทรทัศน์ไอทีวี รายการร่วมมือร่วมใจ , รายการสน.ไอทีวี เป็นแนวรายการชาวบ้านร้องทุกข์
เมื่อมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในสังคมวงกว้าง ก็ลาออกจากไอทีวี ลงสมัคร ส.ส.ในนามพรรคมหาชน ที่ จ.พะเยา บ้านเกิด เมื่อปี 2548 ปรากฏว่า สอบไม่ผ่าน ต่อมา ปี 2550 ย้ายไปสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ ลงเลือกตั้งอีกครั้ง ก็ยังไม่ผ่าน ปี 2554 สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ ก็ยังไม่ได้เฮ
แต่ด้วยความรู้ความสามารถ ประสบการณ์ที่สั่งสมมา ทั้งด้านสื่อ ด้านการเมือง จึงได้รับการแต่งตั้ง เป็นสมาชิกสมัชชาแห่งชาติปี 2549 หลังการรัฐประหารในปีนั้น และยังเคยเป็นผู้ช่วย เลขานุการรัฐมนตรีหลายกระทรวง อาทิ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร , นายธีระ สลักเพชร รมว.วัฒนธรรม และนายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
กระทั่งการเลือกตั้งในปี 2562 “ติ่ง มัลลิกา” ได้ลงสมัครส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ลำดับที่ 30 แต่ก็ยังไม่ได้เป็นส.ส. เพราะ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ”หัวหน้าพรรคในขณะนั้น ประกาศไม่เอา “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่จะมาสืบทอดอำนาจ คสช.
ปรากฏว่า ประชาธิปัตย์ แพ้หมดรูปเพราะคนกรุงไปอินกับสโลแกน “ความสงบจบที่ลุงตู่” ทำให้ “อภิสิทธิ์” ต้องลาออกจากหัวหน้าพรรค “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคแทน และพาพรรคเข้าร่วมรัฐบาลกับ“ลุงตู่” ซึ่ง “จุรินทร์” ได้เป็นรองนายกฯ ควบรมว.พาณิชย์... “ติ่ง มัลลิกา” ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษา รมว.พาณิชย์
จนกระทั่งเมื่อปี 2565 นี่เอง ที่ “ไชยยศ จิรเมธากร” ได้ลาออกจากการเป็นส.ส.บัญชีรายชื่อ ทำให้ “ติ่ง มัลลิกา” ได้มีโอกาสเลื่อนขึ้นมาเป็นส.ส.กับเขาเสียที
และในการเลือกตั้งครั้งล่าสุด ปี 2566 “มัลลิกา” ได้เป็นผู้สมัครส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ในลำดับที่ 19 ซึ่งก็ไม่ได้เป็น ส.ส.ตามเคย
แต่การได้เป็นส.ส.ในปี 2565 แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่ก็ทำให้ “มัลลิกา” ได้มีตำแหน่ง เป็นสร้อยห้อยท้ายชื่อว่า “อดีต ส.ส.”
ถึงวันนี้ “ติ่ง มัลลิกา” มีธุรกิจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เสริมความงามเป็นของตัวเอง ซึ่งการประกาศเว้นวรรคทางการเมือง เพื่อไปเป็น “ดาวติ๊กตอก” หรือเตรียมตัวไปประกวดนางงาม ก็หวังว่าจะหนุนเสริมธุรกิจที่ทำอยู่ ส่วนจะปังแค่ไหน แฟนๆ ก็ติดตามไปให้กำลังใจกันได้
