“ชัยธวัช” เซ็งรัฐบาลไม่ยอมถอยคว้า กมธ.ป.ป.ช.ไปครอง เสียดายรัฐบาลพลเรือนชุดแรก หลังรัฐประหาร ไม่ปล่อยพื้นที่ให้ฝ่ายค้านตรวจสอบ เผย กรณี “อมรัตน์” เจ้าตัวแสดงเจตจำนงให้พรรคตัดสินตำแหน่งในกรรมการบริหารในอนาคต ชี้ เข้าใจเจตนาไม่ได้ต้องการคุกคาม แค่การกระทำไม่เหมาะสม
วันนี้ (21 ก.ย.) ที่รัฐสภา นายชัยธวัช ตุลาธน รักษาการเลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวภายหลังประชุมตัวแทนพรรคการเมืองเพื่อจัดสรรโควตาคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ว่า ในที่ประชุมกล่าวตามตรงว่า บรรยากาศไม่ค่อยดี พรรครัฐบาลบางส่วนเเทนที่จะยอมถอยคนละก้าว เขาก็ไม่ถอย เราพยายามเจรจาว่าอะไรที่มัน ทับซ้อนกันก็ควรที่จะคุยกันได้ เพื่อให้บรรยากาศเป็นไปด้วยดี เพื่อให้การตรวจสอบถ่วงดุลระหว่างรัฐบาลกับฝ่ายค้านเป็นไปได้ด้วย แต่ก็ไม่ได้เป็นไปตามนั้นทั้งหมด
เมื่อถามว่า คิดอย่างไรในเมื่อกรรมาธิการ ป.ป.ช. ไม่ได้อยู่ในฝั่งฝ่ายค้าน แต่ไปอยู่กับพรรคเพื่อไทย นายชัยธวัช ตอบว่า ในความเป็นจริงแล้ว ควรจะเป็นประเพณีปฏิบัติได้แล้ว ในระบบรัฐสภากรรมาธิการสำคัญๆ ที่เป็นการตรวจสอบฝ่ายบริหาร เช่น กมธ.ติดตามงบประมาณ และ กมธ.ป.ป.ช. เป็นต้น ก็ควรจะ เป็นของฝ่ายค้านได้แล้ว แต่ตอนนี้แน่นอนว่า กมธ.ติดตามงบประมาณเป็นของก้าวไกล แต่คำถามคือสังคม ที่คาดหวังเรื่องของการ ตรวจสอบทุจริตคอรัปชั่นและการประพฤติมิชอบ ที่กลายดป็นของรัฐบาล ที่กลายเป็นของรัฐบาลก็คงคาดหวังได้ยาก แต่ตนก็เข้าใจเพราะหลายรัฐบาลที่ผ่านมา อย่างประธานกมธ. ป.ป.ช. ก็เป็นฝั่งที่รัฐบาลนั่ง ทั้งสมัยของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็เป็นเพื่อไทยนั่ง สมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พรรคประชาธิปัตย์ก็นั่ง แต่กลายเป็นว่า ในสมัยรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังมีความใจกว้างมากกว่า ที่ให้ฝ่ายค้านได้มาดูกมธ.นี้ ซึ่งน่าเสียดายว่ารัฐบาลพลเรือนชุดแรก หลังรัฐประหาร ไม่ปล่อยพื้นที่ตรงนี้ให้ฝ่ายค้าน แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะยังมีอีกหลายกลไก ที่จะใช้ในการตรวจสอบ
เมื่อถามว่า ในที่ประชุมวันนี้เหมือนทำให้ก้าวไกลต้องถอย ทั้งในส่วนของ กมธ.ป.ป.ช
กมธ.กระจายอำนาจ และ กมธ.แรงงาน นั้น นายชัยธวัช มองว่า เรื่องการกระจายอำนาจและแรงงานก็ถือว่าเป็นนโยบาย ที่พักก้าวไกลให้ความสำคัญ แต่กลายเป็นความต้องการที่ซ้อนทับกับพรรคภูมิใจไทย ซึ่งในความเป็นจริงได้มีการพูดคุยกันมาหลายวันแล้ว ว่าถอยคนละก้าวได้ไหม โดยเลือกคนละหนึ่ง แต่น่าเสียดายที่ทางแกนนำพรรคภูมิใจไทยไม่ถอย
ส่วนเหตุผลที่ทางพรรคก้าวไกล ต้องยอมนั้น เพราะสุดท้ายก็ต้องเดินหน้า เพื่อให้การทำงานของ กมธ.เริ่มต้นขึ้นได้
ทั้งนี้ ด้วยข้อจำกัดและบรรยากาศ ทางการเมืองในตอนนี้ก็ต้องทำทุกสิ่งให้ดีที่สุด จากนี้ ก็จะเป็นการคุยกันในรายละเอียดของ 11 คณะที่ได้มา
เมื่อถามว่าพูดได้หรือยังว่าวันนี้เราถูกรุมกินโต๊ะ นายชัยธวัช กล่าวว่า "เราอยากไปว่าอย่างนั้นเลย ก็ต้องเข้าใจสถานการณ์ที่เป็นจริง”
เมื่อถามว่า เสียใจหรือไม่ พี่วันนี้ผิดหวังและดูสีหน้า เครียดๆ นายชัยธวัช ปฏิเสธว่าไม่เสียใจเพราะเข้าใจความเป็นจริงทางการเมือง บรรยากาศการเริ่มต้น สภาชุดนี้ควรจะดีกว่านี้ได้ กติกาอะไรที่เคยเป็นประเพณีปฏิบัติ ที่เคยตกลงกัน ในสภาชุดที่ผ่านๆมา ก็ควรยึดแบบนั้น ไม่ใช่มาดูว่า พรรคนี้เป็นพรรคอันดับ 1 ก็ไม่เอาแล้ว ตนคิดว่า การทำงานในสภาจะมีบรรยากาศที่ไม่ดี
นายชัยธวัช ยังกล่าวต่อว่าหากวันหนึ่งตนเป็นรัฐบาล เราก็ต้องการส่งเสริม ว่า กลไกในการตรวจสอบ รวมถึงประเพณีในการเลือกกรรมการ แต่ตอนนี้กลายเป็นว่า พวกมากลากไป อย่างนี้จะทำงานลำบาก แต่อย่างไรก็ตาม เราจะทำงานให้เต็มที่
นายชัยธวัช กล่าวถึงความคืบหน้าในการจัดประชุมเลือกกรรมาการบริหารพรรคชุดใหม่ หลังมีชื่อของตนเองเป็น1ในแคนดิเดตหัวหน้าพรรค ว่า ความคืบหน้ายังไม่มีอะไร ซึ่งช่วงเช้าวันที่ 23 กันยายน จะเป็นการประชุมวิสามัญ คาดว่า น่าจะจบไปในช่วงบ่าย และต้องรอผลอย่างเป็นทางการ ส่วนที่ตนเป็นหนึ่งในแคนดิเดตหัวหน้าพรรคยอมรับว่าก็เป็นหนึ่งในแคนดิเดตที่มีการเสนอกัน แต่ข้อยุติจริงๆก็คงจะเป็นวันที่ 23 กันยายน ต้องรอการโหวตอย่างเป็นทางการ
เมื่อถามถึงความคืบหน้าในการตรวจสอบกรณี นางอมรัตน์ โชคมิตต์กุล คณะทำงานของรองประธานสภาคนที่ 1 หลังมีประเด็นเรื่องการคุกคามหญิงสาวที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทย ว่า นางอมรัตน์ ได้ชี้แจงว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ที่มาที่ไปเป็นอย่างไร ตนก็เข้าใจเจตนา แต่ก็ต้องยอมรับว่า เจตนา นางอมรรัตน์ ไม่ได้ต้องการที่จะไปคุกคาม แต่การแสดงออกไม่เหมาะสม แต่นางอมรัตน์ แจ้งมายังตนเพื่อแสดงความรับผิดชอบ และมีความประสงค์ที่จะให้พรรคตัดสิทธิชื่อของตนที่จะดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารในอนาคต