xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวลึกปมลับ : ศึกอภิปรายนโยบาย “เศรษฐา” โชว์สอบผ่าน “ก้าวไกล” ผลิตวาทกรรมล้น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



“ข่าวลึกปมลับ”เผยแพร่ทางแอปพลิเคชั่น SONDHI APP สถานีโทรทัศน์ NEWS1 ช่องยูทูป NEWS1และเฟซบุ๊กแฟนเพจ NEWS1 โดย นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมืองและกระบวนการยุติธรรม เครือผู้จัดการ วันพุธที่ 13 กันยายน 2566 ตอน ศึกอภิปรายนโยบาย “เศรษฐา” โชว์สอบผ่าน “ก้าวไกล” ผลิตวาทกรรมล้น



จบไปแล้วสำหรับการประชุมร่วมกันของรัฐสภาเพื่ออภิปรายนโยบายของคณะรัฐมตรีตามรัฐธรรมนูญมาตรา 162 จากนี้ไปนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรี จะมีอำนาจสมบูรณ์ในการบริหารราชการแผ่นดินต่อไป

ย้อนกลับไปดูการอภิปรายตลอดสองวันที่ผ่านมาระหว่างวันที่ 11-12 กันยายน จะพบว่ามีเหตุการณ์ทางการเมืองต่างๆเกิดขึ้นมากมายทั้งในมิติของรัฐบาลและฝ่ายค้าน ซึ่งได้มีการเปิดจุดแข็งและแผลให้เห็นซึ่งกันและกันพอสมควร

เริ่มกันที่ตัวนายเศรษฐา จากคนที่ทำงานในภาคเอกชนมาทั้งชีวิตต้องมาแถลงนโยบายต่อรัฐสภา มองในภาพรวมแล้วถือว่าทำได้ดีที่ต้องชม ภาษากายที่สื่อออกมาแสดงให้เห็นว่าผ่านการทำการบ้านมาพอสมควร เพราะการลุกขึ้นตอบโต้ฝ่ายค้านสามารถทำได้ดีเกินคาดสำหรับคนที่เพิ่งต้องอภิปรายกลางสภาครั้งแรก

แต่กระนั้น ถ้ามองลงในรายละเอียดแล้ว จะพบว่าการอภิปรายชี้แจงของนายกรัฐมนตรียังไม่ชัดเจน โดยเฉพาะการพยายามไม่ลงรายละเอียดในประเด็นที่ฝ่ายตั้งคำถาม โดยพยายามเลี่ยงที่จะอธิบายถึงแหล่งที่มาของงบประมาณที่จะนำมาใช้นโยบายเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท

ตลอดการอภิปรายนั้นนายกรัฐมนตรีพยายามแก้ข้อกล่าวหาของพรรคก้าวไกลด้วยการอ้างว่า นโยบายนี้จะจุดชนวนกระตุกเศรษฐกิจของประเทศไทย แต่ยังไม่ให้รายละเอียดอะไร ทำได้อย่างไร

รัฐบาลยิ่งตอบไม่ตรงคำถามไปอีก เมื่อนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ยืนยันต่อสภาว่า นโยบายนี้จะไม่มีการนำสมบัติของชาติมาใช้ และไม่กระทบวินัยการเงินการคลัง เรียกได้ว่าคนไทยยังไม่ได้คำตอบในประเด็นนี้จากทั้งนายกรัฐมนตรี ในฐานะขุนคลัง และ ผู้ช่วยขุนคลัง

ขณะเดียวกัน ได้เห็นแล้วว่านายเศรษฐามีจุดเดือดค่อนข้างต่ำพอสมควร ภายหลังถูกพรรคก้าวไกลสะกิดปมเรื่องรัฐบาลไม่รักษาสัญญาและการปฏิรูปกองทัพ ปรากฎว่านายเศรษฐาไม่เพียงแต่จะไม่ตอบคำถามอย่างตรงไปตรงมาแล้ว ยังกล่าวหาฝ่ายค้านว่าไม่ควรอภิปรายด้อยค่ากันและไม่ควรเรียกว่าการปฏิรูปกองทัพแต่ต้องใช้คำว่าการพัฒนาร่วมกัน

มากันพรรคฝ่ายค้านนำโดยพรรคก้าวไกล แม้จะยังไม่มีความชัดเจนในเรื้่องตัวผู้นำฝ่ายค้าน แต่ก็ยังสามารถควบคุมการอภิปรายได้ดี

ไม่ว่าจะเป็นการแบ่งช่วงเวลาและประเด็นของการอภิปรายให้เป็นสัดส่วนและกรอบเวลาชัดเจน ไม่พยายามนำมาปะปนกัน และเริ่มจะได้เห็นดาวสภาคนใหม่เกิดขึ้น โดยเฉพาะการอภิปรายของนายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่ลีลาและข้อมูลการอภิปรายแทบจะถอดแบบมาจากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ผู้มีศักดิ์เป็นน้า

ในภาพรวมของพรรคก้าวไกล ต้องยอมรับว่ายังรักษามาตรฐานของการอภิปรายได้ตามเดิม แต่อีกมุมก็มีแผลให้เห็นเช่นกัน

เพราะมีหลายครั้งที่พยายามสร้างวาทกรรมเพื่อเสียดสีรัฐบาลมากเกินไป ทำให้สาระของการอภิปรายถูกกลบไปโดยไม่จำเป็น

แม้ว่าพรรคก้าวไกลอาจมองว่าเป็นยุทธศาสตร์ที่จะให้เกิดการนำไปปั่นกันต่อโลกออนไลน์ แต่ในระยะยาวหากใช้แนวทางนี้จนเกินงามก็อาจย้อนกลับทิ่มแทงพรรคก้าวไกลได้เช่นกัน

แม้แต่คนกันเองอย่างอาจารย์ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาคณะก้าวหน้า ยังแสดงความคิดเห็นในทำนองห่วงใย

สรุปแล้วการเผชิญหน้ากันระหว่างรัฐบาลและฝ่ายค้านอย่างเป็นทางการในสภายังไม่มีฝ่ายชนะเด็ดขาดหรือแพ้หมดรูป แต่เป็นยกแรกที่แต่ละฝ่ายยังมีจุดที่ต้องนำไปปรับปรุง ก่อนที่จะเจอกันอีกครั้งยกที่สองในการอภิปรายร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ช่วงปลายปีนี้

---------------------------------
**หมายเหตุ
ดาวโหลดแอป Sondhi App ได้แล้ว
ระบบ iOS ไปที่ AppStore : https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647
ระบบ android ไปที่ Google Play : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android

สมัครสมาชิกได้แล้ววันนี้
รายเดือนเพียง เดือนละ 99 บาท
รายปี 990 บาท (10 เดือน แถม 2 เดือน )

ถ้ามีปัญหาการใช้งาน app หรือการสมัครสมาชิกใน app ติดต่อสอบถามได้ที่ Line id : @sondhitalk หรือ https://lin.ee/Skns1k1


กำลังโหลดความคิดเห็น