ข่าวปนคน คนปนข่าว
**อู้ฟู่เกินไปมุ๊ย?! "ภาษีกู" ทัวร์ “หมออ๋อง” บินหรูอยู่สบาย พาลลาก “เศรษฐา”ไปนิวยอร์กมาแซะ
ซัดกันนัว รัวนิ้วกันเป็นระวิง หยุมหัวกันในโซเชียลฯ อย่างดุเดือด ระหว่าง “ด้อมส้ม VS ด้อมแดง” แถม “ด้อมสลิ่ม”เข้ามาแจมอีกต่างหาก
ศึกนี้ปะทุจากดรามาที่ว่า “ภาษีกู” ต่างฝ่ายต่างสาดกระสุนคีย์บอร์ดเข้าใส่กัน “กูไม่ผลาญ เมิงสิผลาญ” ว่าด้วยการเปรียบเทียบใช้จ่ายเงินงบประมาณแผ่นดิน หรือ ภาษีของประชาชนกับการเดินทางไปต่างประเทศ ระหว่าง "หมออ๋อง" ปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ได้ขออนุมัติงบเดินทางไปดูงานที่ประเทศสิงคโปร์
กับ “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี บินไปนิวยอร์ก ร่วมประชุม UNGA78
ชนวนเกิดเหตุดรามา “ภาษีกู” มาจากการตั้งข้อสงสัย “หมออ๋อง” โกสิงคโปร์ ดูงาน 12 คน เบิกไว้เป็นวงเงินเปย์ 1.3 ล้าน ว่า “บินหรูบิซิเนสคลาส อยู่สบาย” ตั๋วครึ่งแสน โรงแรมคืนละ 1.2 หมื่น เบี้ยเลี้ยงอีกวันละ 3 พัน อู้ฟู่เกินปุยมุ๊ย?
มิหนำซ้ำ หนีบเอาเพื่อนสส.ก้าวไกล ไปด้วยกันหลายคนทำเหมือนจัด “ก้าวไกลทัวร์” ไปเที่ยวมากกว่าดูงาน โดยไม่มีใครเชิญ รวบรัดตัดความก่อนงบประจำปีจะหมดลง เล่นเอางงไปทั้งบาง ว่าไปทำไมกัน(วะ)?
ร้อนถึง "หมออ๋อง" ต้องแจงสี่เบี้ย ที่ไปนั้นจำเป็นจริงๆ และได้ทำตามระเบียบราชการ เป๊ะๆ ถึงแม้ไม่ได้รับเชิญ แต่ก็อยากไปดูงานเทคโนฯ-ฝุ่นควัน-สิ่งแวดล้อม มาใช้แก้ปัญหาที่ไทย เพราะปัญหาต่างๆ รอไม่ได้ ที่ผ่านมา 9 ปี "รัฐบาลประยุทธ์" ก็แก้ไม่ได้เลย
เจ้าตัวบอกว่า ที่ต้องนั่งสายการบินแห่งชาติ และชั้นบิสิเนส ที่แพงกว่าชั้นประหยัด เป็นระเบียบกระทรวงคลัง ที่ว่า ระดับรมต. ประธานสภา รองประธานสภา ต้องเดินทางให้สมเกียรติ
ส่วนทริปนี้ไปดูงานเรื่องปัญหาฝุ่น ซึ่งเป็นเรื่องของฝ่ายบริหารก็จริง แต่ถ้าจะแก้เรื่องนี้ ต้องออกกฎหมายหลายฉบับ จึงมีเหตุผลที่จะไปดู แล้วยังว่า สบายใจหากใครจะมาตรวจสอบ สส.ก้าวไกลยินดี แต่สำหรับใครที่ถูกตั้งข้อสงสัย ก็ต้องไปตรวจสอบกัน
พอ “หมอ” ว่าบรรดา “ด้อมส้ม” ก็เข้าสำทับตามว่า นี่ชัดเจนมากแล้ว แกตรวจสอบคนของแกได้แค่ไหน?
แน่นอนว่า “ด้อมส้ม” ย่อมหมายถึง “ด้อมแดง” ให้ตรวจสอบการเดินทางไปต่างประเทศของ "เศรษฐา" นายกรัฐมนตรีที่มีข้อมูลว่างานนี้เช่าเหมาลำขนคณะร่วมเดินทางไปกว่า 50 คน โดยว่ากันว่า ตั้งเบิกงบราว 30 ล้านบาท ใครที่ควรตรวจสอบมากกว่า
นี่ยังไม่รวมค่าอยู่ ค่ากิน และขอให้ช่วยเปิดเผยรายชื่อ บุคคลที่ร่วมเดินทาง 50 คนด้วย ว่าจำเป็นแค่ไหน? ตัดออกบ้างได้หรือไม่ งบจะได้น้อยลง จบลงด้วยยกประชาชนกำลังจะอดตาย น้ำท่วม หลายพื้นที่ รีบไปช่วยเหลืออย่าเดินสายถ่ายรูปไปวันๆ
“ด้อมแดง” โดนฟาดมา ก็ฟาดกลับ ซัดว่า ก้าวไกลนั่นแหละย้อนแย้ง ไหนว่ามีนโยบายจะใช้ภาษีประชาชนอย่างคุ้มค่า ชอบตรวจสอบข้าราชการโยกงบสิ้นปีที่เหลือไปดูงาน แต่ตัวเองเล่นผลาญซะเอง แทนที่จะเอาคืนหลวง
ข้างฝ่าย “ด้อมสลิ่ม” เห็นเขาครึกครื้นกัน ก็โดดเข้ามาแจม ว่า "ลุงตู่" อยู่มา 9 ปี ไม่เคยไปดูงานที่เขาไม่เชิญ และมีแต่งานใหญ่ๆ เท่านั้นที่ลุงไป แล้วไปในฐานะรัฐบาลด้วย แล้วนี่ก้าวไกลเสนอตัวไปเอง ทั้งที่เป็นฝ่ายค้าน ไม่ตรงกับสายงาน ดูงาน 2 วัน เที่ยว 3 วัน "ภาษีกู" ประชาชนได้อะไร?
งานนี้จึงกลายเป็น “ด้อมส้ม-แดง-สลิ่ม” มะรุมมะตุ้มหยุมหัวเอากับดรามา "ภาษีกู" ชนิดที่เชือดเฉือนไม่มีใครยอมใคร
ว่าไปตามทำนองแล้วเกิดดรามาเรื่องนี้ก็ดี ประเด็นไปดูงานของข้าราชการ หรือ "ผู้ทรงเกียรติ" เป็นปัญหาที่ถูกครหากันมาทุกยุค ทุกสมัย จะได้ถูกตรวจสอบเอาไว้เป็นบรรทัดฐาน
ใครผลาญ ใครเปย์งบประมาณไปเพื่อความสบายส่วนตัวและพวกพ้อง โดยอ้างดูงานบังหน้าก็เอามาประจานผ่านโซเชียลฯ ช่วยกันตรวจสอบ
เรื่องตีกันทางความคิด เป็นสีสัน เป็นดรามา แต่ต้องไม่ลืมว่า ที่สำคัญ "ข้อเท็จจริง" ที่ถูกแฉ จะหยุดการ "แถ" ของพวกเหลือบงาบภาษีประชาชนได้ชะงัดนักแล
**“ธรรมนัส” รวบงานกระทรวงเกษตรฯ ทั้งดิน น้ำ สัตว์ วิชาการ เล่นเอา 2 รมช. ยิ่งกว่าว้าวุ่น!!
ในการประชุมครม.เมื่อสัปดาห์ก่อน “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง มีการแบ่งงานให้ “รองนายกรัฐมนตรี” ได้รับผิดชอบ ซึ่งตามปกติแล้ว รองนายกฯจากพรรคใด ก็ได้กำกับดูแลกระทรวงในโควตา ที่คนของพรรคตนเอง เป็นรัฐมนตรีว่าการอยู่ เพื่อความคล่องตัวในการทำงาน
มีแต่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า”เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ เป็นรัฐมนตรีว่าการฯ แทนที่จะอยู่ในกำกับดูแลของ “พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ” รองนายกรัฐมนตรี ควบรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นคนของพรรคพลังประชารัฐ กลับยกให้ “ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ จากพรรคเพื่อไทย กำกับดูแลเสียนี่ โดยอ้างว่าเกษตรฯ กับพาณิชย์ ต้องทำงานสอดประสานกัน จึงจะมีประสิทธิภาพสูงสุด เลยต้องให้รองนายกฯ “ภูมิธรรม” กำกับดูแล
เรื่องนี้มีคนรู้ทัน วิพากวิจารณ์ตามมาว่า ถ้าพรรคพลังประชารัฐ โดยเฉพาะ “ร.อ.ธรรมนัส” ที่เป็นเลขาธิการพรรค ไม่ยินยอม ก็จะไม่ออกมาในรูปนี้ ...เมื่อยอม แสดงว่าพรรคเพื่อไทยได้สยายปีกไปคุมพรรคพลังประชารัฐเรียบร้อยแล้ว เพราะกลุ่มของ “ร.อ.ธรรมนัส” เป็นกลุ่มที่แข็งแกร่งสุดในพรรค มีจำนวนส.ส.มากกว่าในสายของ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่เป็นหัวหน้าพรรค เสียอีก
บางคนถึงกับเปรียบเปรยถึงสิ่งที่เกิดขึ้นว่า ไม่ต่างจากนิทานอีสป เรื่องชาวนากับงูเห่า!!
สองสามวันถัดมา เมื่อถึงคิวที่ “ร.อ.ธรรมนัส” แบ่งงานให้ 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ คือ “ไชยา พรหมา” จากพรรคเพื่อไทย และ “อนุชา นาคาศัย” จากพรรครวมไทยสร้างชาติ ก็มีดรามาไม่แพ้กัน เพราะรัฐมนตรีช่วยฯได้ไปคนละ 4 หน่วยงาน ส่วนรัฐมนตรีว่าการ “ธรรมนัส” จัดไป 11 หน่วยงาน
ถึงขนาดที่ “ไชยา” ต้องออกมาฟ้องกับสื่อ ในเชิงกระทบกระเทียบว่า ...กลัวว่า ท่านรัฐมนตรีว่าการจะงานหนักเกินไป ก็อยากมาช่วยแบ่งเบาภาระท่านบ้าง และเราก็อยากทำงาน...
เมื่อไปดูคำสั่งที่ รมว.เกษตรและสหกรณ์ เซ็นมอบหมายงานให้ 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการฯ ดูแลก็พบว่า
“ไชยา พรหมา” ได้กำกับดูแล กรมปศุสัตว์, กรมฝนหลวงการบินเกษตร, กรมหม่อนไหม, และองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.)
ส่วน “อนุชา นาคาศัย” ได้ดูแลกำกับ กรมการข้าว, กรมพัฒนาที่ดิน, สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) และ องค์การสะพานปลา
ส่วนหน่วยงานที่เหลือ “ท่านรัฐมนตรีธรรมนัส” กำกับดูแลเองทั้งหมด ได้แก่ สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ , กรมชลประทาน, กรมส่งเสริมการเกษตร, สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.), องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.), กรมประมง ,การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) กรมวิชาการเกษตร,กรมส่งเสริมสหกรณ์, กรมตรวจบัญชีสหกรณ์, สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง และ สำนักงานพิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ทั้งเรื่องดิน เรื่องน้ำ สัตว์น้ำ ยางพารา นักวิชาการ “ร.อ.ธรรมนัส” รวบมาไว้ที่ตัวเองหมด
ไม่เพียงเท่านั้นที่ “ไชยา พรหมา” ต้องออกอาการว้าวุ่น ก็เพราะว่า ในคำสั่งแบ่งงานยัง “กั๊กอำนาจ”ไว้อีก คือไม่มีความชัดเจนในการ มอบอำนาจการบริหารจัดการ ทั้งบุคคล และงบประมาณ
ในการทำงาน เมื่อไม่มีบุคคลเป็นมือเป็นไม้ ไม่มีงบประมาณให้จับจ่ายใช้สอย ก็เหมือนไม่มีเครื่องไม้เครื่องมือ ในการทำงาน แล้วอย่างนี้จะไหวหรือ
ก็ต้องติดตามกันว่าเรื่องนี้ “ร.อ.ธรรมนัส” ในฐานะรัฐมนตรีว่าการจะว่าอย่างไร