xs
xsm
sm
md
lg

บอร์ดซอฟต์เพาเวอร์ “อุ๊งอิ๊ง-หูกระต่าย-หมอเลี้ยบ-หมอมิ้ง” กล่องดวงใจของ “ทักษิณ” รวมไว้ที่นี่ **“บิ๊กทิน”มากับพระ นิมนต์พระอาจารย์สุริยันต์ เกจิดังบ้านเกิดทำพิธี ถือฤกษ์ 13.13.13 เข้ากลาโหมถิ่นเจ้าที่แรง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ข่าวปนคน คนปนข่าว

**บอร์ดซอฟต์เพาเวอร์ “อุ๊งอิ๊ง-หูกระต่าย-หมอเลี้ยบ-หมอมิ้ง” กล่องดวงใจของ “ทักษิณ” รวมไว้ที่นี่

ที่ประชุมครม.นัดแรกของรัฐบาลเศรษฐา นับว่าออกตัวแรง เมื่อมีมติเป็นประเด็นให้ได้พูดถึง ทั้งเรื่องปรับหลักเกณฑ์เงินเดือนข้าราชการ ลดค่าไฟฟ้า น้ำมันดีเซล ไปจนถึงฟรีวีซ่านักท่องเที่ยวจีน

นอกจากนี้ ที่น่าสนใจ มีมติให้แต่งตั้ง “คณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์เพาเวอร์แห่งชาติ” ทำหน้าที่กำหนดยุทธศาสตร์ว่าด้วยซอฟต์เพาเวอร์ของประเทศไทย

ฟังดูเหมือนธรรมดา เพราะพรรคเพื่อไทย ประกาศเมื่อตอนหาเสียงไว้ว่า หากได้เป็นรัฐบาลจะผลักดันโครงการ “1 ครอบครัว 1 ซอฟต์เพาเวอร์” พร้อมกับวาดฝัน ผันเรื่องซอฟต์เพาเวอร์ เช่น อาหาร ศิลปะ วัฒนธรรม มวยไทย ให้กลายเป็นรายได้ของผู้ที่เข้าร่วมโครงการอย่างน้อย 2 หมื่นบาท ต่อเดือน

การชงเข้าครม.เพื่อแต่งตั้งบอร์ดก็เพื่อขับเคลื่อนนโนยบายดังกล่าว แต่พอดูว่าใครบ้างที่นั่งอยู่ในบอร์ดนี้ ก็ต้องบอกว่า ไม่ธรรมดา!!

คณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์เพาเวอร์แห่งชาติ มี “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี นั่งเป็นประธาน “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เป็นรองประธาน “พันศักดิ์ วิญญรัตน์” เป็นที่ปรึกษา และ สองหมอ “หมอเลี้ยบ” นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เป็นกรรมการ “หมอมิ้ง” นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็น ผู้ดำเนินการประสานงาน

แพทองธาร ชินวัตร
เรียกว่า ทอดตาดูรายชื่อบอร์ดแต่ละคนถือเป็น “กล่องดวงใจ” มันสมอง มือทำงานสนองใกล้ชิด “โทนี่” ทักษิณ ชินวัตร ที่ต้องโทษจำคุก แต่ตัวนั่งๆ นอนๆ “ตาดูเพดาน เท้าติดพื้น” รักษาอาการป่วยอยู่โรงพยาบาลตำรวจ ทั้งสิ้น

“อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร รู้อยู่แล้วว่า เป็นลูกสาวแสนรัก วันนี้ดูแลควบคุมครอบครัวเพื่อไทยแทนผู้เป็นพ่อ

ขณะที่ “พันศักดิ์ วิญญรัตน์” เคยเป็น ประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีด้านนโยบายเศรษฐกิจ ในรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้อยู่เบื้องหลังนโยบายสำคัญหลายนโยบายในรัฐบาลทักษิณ 1 และ ทักษิณ 2 เช่น นโยบายพัฒนาเศรษฐกิจแบบคู่ขนาน (Dual Track) หรือที่เรียกกันอีกชื่อหนึ่งว่า "ทักษิโณมิกส์"

ในช่วงปี พ.ศ. 2531 ถึง พ.ศ. 2534 “พันศักดิ์” ยังเคยดำรงตำแหน่งเป็น ประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี “พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ” มาก่อน หรือ ที่รู้จักกันในชื่อ "ที่ปรึกษาบ้านพิษณุโลก" และอยู่เบื้องหลังนโยบายที่มีชื่อเสียงของรัฐบาลชาติชาย คือ "นโยบายเปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้า"

“พันศักดิ์” มีลักษณะเด่นในการแต่งกายที่เป็นเอกลักษณ์คือการ ผูกหูกระต่าย ซึ่งทำให้พันศักดิ์ มีฉายาว่า "หูกระต่าย"

พันศักดิ์ วิญญรัตน์
ส่วน "หมอเลี้ยบ" นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เป็นอดีตรองนายกรัฐมนตรี อดีตรมว.คลัง อดีตรมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และ อดีตเลขาธิการพรรคพลังประชาชน ถือว่าเป็น "เด็กในบ้าน" ของทักษิณ ที่รับใช้นายจนได้รับคดีต้องจำคุกเป็นรางวัล

ถ้าจำกันได้ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำสั่งจำคุก “หมอเลี้ยบ” เมื่อปี 2559 กรณีที่มีการอนุมัติแก้ไขสัญญาสัมปทานโครงการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศ เพื่อลดสัดส่วนการถือหุ้นของ บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)

มาถึง "หมอมิ้ง" นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน เคยเป็นอดีตรองนายกฯ และรมว.พลังงาน รวมทั้งเคยเป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร

“หมอมิ้ง” รับใช้ใกล้ชิดกับทักษิณ ช่วยงานด้านกลยุทธ์ เคยทำงานกับกลุ่มบริษัทชินวัตร ตำแหน่งสุดท้ายคือ ซีอีโอ ของ บริษัทชินแซทเทิลไลท์ คอมมิวนิเคชั่นส์

“หมอมิ้ง” ถือเป็นมันสมองและคนอยู่เบื้องหลังแคมเปญการรณรงค์ทางการเมืองให้กับทักษิณตลอดมา

นี่เป็น "อะเวนเจอร์" ของทักษิณ ที่เข้ามาดูแลงานยุทธศาสตร์ของรัฐบาลเศรษฐา จึงน่าสนใจติดตามว่า บอร์ดซอฟต์เพาเวอร์แห่งชาติ จะเป็น"ซูเปอร์เพาเวอร์" ให้เพื่อไทยและทักษิณ อย่างไร!

นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี

นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช
**“บิ๊กทิน”มากับพระ นิมนต์พระอาจารย์สุริยันต์ เกจิดังบ้านเกิดทำพิธี ถือฤกษ์ 13.13.13 เข้ากลาโหมถิ่นเจ้าที่แรง

“สุทิน คลังแสง”ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย เป็นที่ฮือฮามาก ตั้งแต่มีชื่อติดโผครม. ในตำแหน่งรมว.กลาโหม ซึ่งเจ้าตัวก็ยังงง แถมบอกกับผู้สื่อข่าวแบบขำขำว่า คงเป็นเพราะนามสกุล “คลังแสง” ถึงติดโผ เพราะจะได้ประหยัดงบซื้ออาวุธ ...แต่ในที่สุดก็ได้รับการโปรดเกล้าฯ เป็นรมว.กลาโหมจริงๆ

นับเป็นพลเรือนคนแรกที่ได้รับตำแหน่งนี้โดยไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะที่ผ่านมามีแต่พลเรือนที่เป็นนายกฯควบรมว.กลาโหม

หลังได้รับโปรดเกล้าฯ “สุทิน” ก็เดินสายไปเยี่ยมคารวะอดีต รมว.กลาโหม ที่ตนเองเคารพนับถือ เพื่อขอคำแนะนำในเรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวกับการทหาร อย่างเช่น พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา , พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร และล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาก็ได้ไปกราบตัก “บิ๊กจิ๋ว” พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ขอเชิญให้มาเจิมนั่งเก้าอี้ประจำตำแหน่งวันแรก เป็นการเอาฤกษ์เอาชัย เพื่อความเป็นสิริมงคล แต่ “บิ๊กจิ๋ว” บอกมาไม่ได้ เพราะมีปัญหาสุขภาพ ได้แต่อวยชัยให้พร ให้ทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ราบรื่น พร้อมให้กำลังใจ เชื่อว่าจะทำหน้าที่ในตำแหน่งนี้ได้ดี

 สุทิน คลังแสง
แล้วก็ถึงเวลาฤกษ์งามยามดี “บิ๊กทิน” เข้ากระทรวงกลาโหม ในวันที่ 13 ก.ย. เวลา 13.13 น.

“สุทิน”พร้อมด้วยลูกชาย “รัฐ คลังแสง” ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย เข้าสักการะศาลหลักเมือง ถวายพวงมาลัยบูชา พระพุทธรัตนศรีนครบพิตร ที่อาคารหอพระพุทธรูป ก่อนที่จะผูกผ้าสามสีศาลหลักเมืองจำลอง บวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์

โดยมี “พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์” ปลัดกระทรวงกลาโหม “พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี” ว่าที่ ผบ.ทสส. “พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์” ผบ.ทร. คนปัจจุบัน “พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล” ว่าที่ ผบ.ทอ. “พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา” ว่าที่ ที่ปรึกษา รมว.กลาโหม “พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์” ว่าที่เลขานุการ รมว.กลาโหม และคณะทำงานรวมให้การต้อนรับ

จากนั้น เข้าสักการะ เจ้าพ่อหอกลอง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงกลาโหม ก่อนที่จะเข้าพิธีตรวจแถวกองทหารเกียรติยศผสม 3 เหล่าทัพ และ “สุทิน คลังแสง” ก็เป็นพลเรือนคนแรก ที่ไม่ได้เป็นนายกฯ แต่ได้รับการตรวจแถวกองเกียรติยศ ก่อนประชุมมอบนโนบายการทำงาน ให้หน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม และเหล่าทัพ

สำหรับเลข 13 ถือเป็นเลขมงคลชีวิตของ “สุทิน” เพราะรับราชการครูวันแรกในวันที่13 เป็น สส.สมัยแรก ในสมัยรัฐบาลไทยรักไทย ในวันที่ 13 และหลายเหตุการณ์ดีดีในชีวิตที่ตรงกับเลข 13 จึงถือฤกษ์ 13 ก.ย. เวลา 13.13 น. เข้าปฏิบัติหน้าที่ รมว.กลาโหม เป็นวันแรก

พระอาจารย์สุริยันต์ โฆสปัญโญ
นอกจากนี้ยังได้นิมนต์ “พระอาจารย์สุริยันต์ โฆสปัญโญ” วัดป่าวังน้ำเย็น อ.เมืองฯ จ.มหาสารคาม พระเกจิชื่อดังของ จ.มหาสารคาม มาทำพิธีที่ห้องทำงาน รมว.กลาโหม ประพรมน้ำพระพุทธมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคลด้วย

สำหรับ “พระอาจารย์สุริยันต์ โฆสปัญโญ” เป็นศิษย์เอกของ “หลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ” วัดพระธาตุมหาชัย อ.ปลาปาก จ.นครพนม

เมื่ออายุ 15 ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณร เข้าพิธีอุปสมบทที่อุโบสถวัดสามัคคีธรรม อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ หลังอุปสมบท จำพรรษาปฏิบัติศาสนกิจอยู่ที่วัดบูรพา เทพนิมิต อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ และออกเดินธุดงค์ไปจำพรรษาอยู่ตามป่าเขาหลายแห่งในภาคอีสาน ก่อนจะไปฝากตัวเป็นศิษย์ ศึกษาวิทยาคมจาก “หลวงปู่คำพันธ์” พระเกจิอาจารย์ชื่อดังของ จ.นครพนม และต่อมายังได้ศึกษาวิชาอาคม เพิ่มเติมกับพระเกจิอาจารย์ดังอีกหลายท่าน อาทิ “หลวงปู่พรหม” วัดเขื่อนอุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น ศึกษาวิชาตะกรุดกับ “หลวงปู่สิงห์ คัมภีโร” วัดศรีสุข จ.มหาสารคาม เป็นต้น

หลังกลับมาจำพรรษาอยู่ วัดบูรพาเทพนิมิต จ.กาฬสินธุ์ จนถึงปี 2549 ญาติโยมที่เลื่อมใสศรัทธา ร่วมบริจาคที่ดินบริเวณ บ้านวังน้ำเย็น ต.เกิ้ง อ.เมืองฯ จ.มหาสารคาม สำหรับสร้างวัด จากนั้นจึงร่วมแรงร่วมใจ พัฒนาที่รกร้างว่างเปล่าผืนนี้ จนกลายสภาพเป็นวัดป่าวังน้ำเย็นในปัจจุบัน มีพื้นที่กว่า 30 ไร่ มีอุโบสถไม้หลังใหญ่สร้างจากไม้ซุง และศาลาปฏิบัติธรรม ไม้สักทองเสา 108 ต้น ใหญ่ที่สุดในโลก

“สุทิน คลังแสง” เคยบอกถึงสิ่งที่ตั้งใจไว้ ในการเข้าปฏิบัติหน้าที่ รมว.กลาโหมในครั้งนี้ คือ เรื่องการพัฒนาเทคโนโลยีป้องกันประเทศ โดยอยากจะเชิญทหารเก่งๆ ทหารรุ่นใหม่ มาเชื่อมโยงนักวิทยาศาสตร์และนักเทคโนโลยีทั้งหลาย เพื่อตั้งคณะกรรมการขึ้นมาคณะหนึ่ง ทำการพัฒนากองทัพไทยให้เป็นกองทัพที่สมัยใหม่จริงๆ

ก็ต้องติดตามผลงานของ “บิ๊กทิน” รมว.กลาโหม พลเรือนคนนี้ ที่ตั้งใจสร้างมิติใหม่ของวงการทหาร


กำลังโหลดความคิดเห็น