ข่าวปนคน คนปนข่าว
**บทเรียน “อิทธิพล” โจทย์ใหญ่ของ "ทวี" ต้องทำมากกว่าสอดส่อง !
เหมือนช้างตายทั้งตัวเอาใบบัวมาปิด ห้ามไม่ให้คนคิดได้อย่างไร? ว่า เกิดอะไรขึ้นในกระบวนการยุติธรรม กรณีของ "อิทธิพล คุณปลื้ม"
“อิทธิพล” อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ถูก ป.ป.ช. ชี้มูลกระทำความผิดส่งอัยการฟ้อง เมื่อครั้งดำรงตำเเหน่ง นายกเมืองพัทยา ในความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบฯตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 กรณีพิจารณาออกใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร ลงวันที่ 10 กันยายน 2551 ให้แก่บริษัท บาลี ฮาย จำกัด เพื่อก่อสร้างอาคารโครงการวอเตอร์ฟร้อนท์ฯ บริเวณเชิงเขาพระตำหนัก เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย
คดีนี้ ป.ป.ช.ส่งเรื่องให้อัยการ เมื่อวันที่ 3 ส.ค.66 เเละอัยการสูงสุด มีความเห็นสั่งฟ้อง เมื่อวันที่ 30 ส.ค.66 ซึ่งคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาในชั้นอัยการไม่ถึง 1 เดือน
จากนั้นก็อย่างที่รู้กัน “อิทธิพล”หายไปอย่างไร้ร่องรอย
“สมชัย ศรีสุทธิยากร” อดีต กกต. โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ใครสมควรต้องรับผิดบ้าง กรณี “อิทธิพล คุณปลื้ม” หนีออกนอกประเทศ
การอนุมัติก่อสร้างที่ผิดกม. เกิดขึ้นในเดือนกันยายน 2551 อายุความครบ 15 ปี ในวันที่ 10 กันยายน 2566
ป.ป.ช.ใช้เวลา 14 ปี 10 เดือน กว่าจะชี้มูลความผิด เมื่อ 24 กรกฎาคม 2566 ส่งเรื่องให้อัยการวันที่ 3 สิงหาคม 2566
เรื่องอยู่ในมืออัยการสูงสุด ไม่ถึงเดือน อัยการสั่งฟ้อง 30 สิงหาคม 2566
วันเดียวกัน เวลา 10.00 น. “อิทธิพล คุณปลื้ม” เดินทางออกนอกประเทศจากสนามบินสุวรรณภูมิไปประเทศกัมพูชา โดยเป็นไปได้ว่า อาจออกเดินทางก่อนอัยการจะสั่งฟ้องไม่กี่ชั่วโมง
4 กันยายน 2566 “อิทธิพล” ไม่มาตามนัดหมายของอัยการเพื่อยื่นฟ้องคดี อัยการจึงขอให้ป.ป.ช. ขอให้ศาลออกหมายจับ เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2566 และเพิ่งมาทราบในภายหลังว่า อิทธิพลออกนอกประเทศไปแล้ว
ป.ป.ช.ทำคดีล่าช้า ข่าวการสั่งฟ้องของอัยการรั่ว หรือมีจุดอ่อนอะไรในกระบวนการยุติธรรมไทย ?
รมว.ยุติธรรมคนใหม่ “พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง” หรือกรรมาธิการยุติธรรมของสภาผู้แทน ที่ยังตั้งไม่เสร็จ หรือ สส.ฝ่ายค้าน จะช่วยมีคำตอบให้คนไทยได้ไหม?
ขณะที่ฝ่ายอัยการ "โกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง" รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด บอกว่า เมื่อวันที่ 6 ก.ย.66 “คำนึง วงษ์ทวีทรัพย์” อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 2 ได้มีหนังสือด่วนที่สุดเรื่อง ขอให้ดำเนินการออกหมายจับใหม่ ถึงเลขาธิการคณะกรรมการสำนักงาน ป.ป.ช.แล้ว
ฟังว่า การขอหมายจับใหม่ก็เพื่อให้มีการพิจารณาปัญหา "อายุความ" ที่วิพากษ์วิจารณ์กันว่า สะดุดหยุดลงหรือไม่หากมีการหลบหนี เพราะคดีนี้เกิดก่อนกฎหมายปราบปรามการทุจริตแก้ไข โดยตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 7 บัญญัติไว้ว่า
"...ถ้าผู้ถูกกล่าวหา หรือจำเลยหลบหนีไปในระหว่างถูกดำเนินคดี หรือระหว่างการพิจารณาของศาล มิให้นับระยะเวลาที่ผู้ถูกกล่าวหา หรือจำเลยหลบหนีรวมเป็นส่วนหนึ่งของอายุความ... "ซึ่งป.ป.ช.ต้องขอให้ศาลระบุหมายเหตุไว้ในหมายจับด้วยว่า ผู้ถูกกล่าวหาได้หลบหนีไปเมื่อวันที่เท่าใด
สรุปได้ว่างานนี้ "ว้าวุ่น" กันไปตามๆ กัน
เห็นกันชัดๆ ว่า คดีของ “อิทธิพล” จะต้องเกิดการสังคายนากันยกใหญ่
ต้องไม่ลืมว่า ในรายของ “อิทธิพล” ไม่ใช่คนแรกและไม่ใช่คนสุดท้าย
จากบทเรียนนี้เชื่อได้ว่า จะเป็นโจทก์การบ้านใหญ่ไปถึงทั่นรมว.ยุติธรรมคนใหม่ "ทวี" ต้องทำมากกว่า "สอดส่อง" เหมือนนามสกุลแน่ๆ
**เพราะเป็นก้าวไกล เลยเกิดดรามา ว่าด้วยเรื่อง ส.ส.นำอาหารจากห้องอาหารสภากลับบ้าน
ช่วงนี้ ส.ส. -สมาชิกพรรค รวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้องกับพรรคก้าวไกล จะถูกจับจ้องเป็นพิเศษ หากพบเห็นเป็นเรื่องที่ไม่ดี ไม่งาม ก็จะถูกนำมาแขวนเป็น “ประเด็น”ให้ว้าวุ่นกันในโลกเชียลฯ
อย่างเช่นเมื่อวันก่อน มีการโพสต์ และแชร์ภาพของ ส.ส.หญิง หิ้วถุงอาหารอยู่ในห้องอาหารของสภา พร้อมแคปชันว่า ...พบเห็นอดีตดาราสาว ลักลอบนำอาหารสภากลับบ้าน
ซึ่งส.ส.หญิงคนดังกล่าวคือ อดีตดาราสาว ช่อง 7 “หมิว” สิริลภัส กองตระการ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล
แน่นอนว่ากระแสวิพากวิจารณ์ในโซเชียลฯ ย่อมแตกเป็นสองทาง จะหนักไปทางไหน ขึ้นอยู่กับผู้โพสต์เป็นใคร... ทั้งมองในแง่บวกว่าคงเป็นเพราะอาหารเหลือมาก จะปล่อยทิ้งก็เสียดาย ...ถ้ามองในแง่ลบก็ว่าเป็นเรื่องไม่สมควร ไม่รู้สมาชิกคนอื่นๆ ได้กินหรือยัง นี่กินอิ่มไม่พอ ยังคาบกลับอีก ...แบบว่านานาจิตตัง ที่จะสรรหาคำมาว่ากล่าว
เมื่อเป็นประเด็นดรามา “หมิว สิริลภัส” จึงออกมาชี้แจง พุ่งเป้าไปยังส.ส. 2 สมัย ที่มาแอบถ่ายภาพตนเอง ว่า
...น่าแปลกใจนะคะ เป็น ส.ส.มา 2 สมัย ก็ไม่ทราบว่าได้เข้ามาห้องอาหารตอน “เลิกประชุมสภา” กี่ครั้ง ตั้งแต่มีประชุมสภามา หมิวกล้ายืนยันว่า หมิว อยู่จนจบประชุมสภา“ทุกครั้ง” พร้อมเพื่อนส.ส.ก้าวไกล อีกหลายคน หลังจบประชุม ที่ห้องอาหาร ก็จะมีอาหารที่เขาเตรียมไว้ให้ ตามจำนวนส.ส. คำถามคือ แล้วทำไมตอนเลิกประชุมอาหารถึงได้เหลือมากขนาดที่เขาต้องห่อใส่ถุงให้เอากลับบ้าน ??
ถ้าจำนวน ส.ส. ที่เหลืออยู่จนปิดประชุมมีมากพอ ก็ไม่มีอาหารที่เหลือแบบนี้หรอกมั้งคะ อาหารที่เหลือเหล่านี้ ถ้าไม่ห่อกลับ เจ้าหน้าที่ก็จะแจกจ่ายอยู่แล้ว และวันนี้ หมิวก็ใช้สิทธิตามที่มี ไม่ได้นั่งทานที่ห้องอาหาร แต่ห่อกลับมากินที่บ้าน การใช้คำว่า “ลักลอบ” นี่ไม่รู้ว่า อ่อนภาษาไทย หรือจงใจใส่ร้ายกันแน่ เข้ามาทำงานที่มีเกียรติแล้ว ก็ช่วย …ภูมิใจ… ที่ประชาชนคน…ไทย….เขาเลือกมาของตัวเองหน่อยค่ะ มีหน้าที่ทำงานการเมืองก็ทำไป จะอภิปราย จะขับเคลื่อนประเด็นอะไรก็ว่าไป มัวแต่มานั่งถ่ายรูปจับผิดคนอื่น เอาเขาไปแขวน อย่าคิดว่าเจ้าตัวเค้าจะไม่เห็นนะคะ...
ไม่เพียงเท่านั้น เรื่องนี้ยังถูก ส.ส.พรรคก้าวไกล นำไปหารือกับประธานฯ ในที่ประชุมสภา (7ก.ย.) โดยเห็นว่าการแอบถ่าย และใช้คำว่า “ลักลอบ” นำอาหารกลับบ้านนั้น ช่างไม่เป็นสุภาพบุรุษเอาเสียเลย จึงต้องนำมาหารือต่อประธานสภาฯ เพราะส่วนตัวคิดว่าสามารถนำอาหารกลับบ้านได้ ขณะที่มี ส.ส.บางคน พาผู้ช่วยขึ้นไปรับประทาน บางคนกำชับแม่บ้านให้ขนอาหารไปให้ในห้องส่วนตัว ซึ่งพฤติกรรมเช่นนี้ น่าถูกประณามมากกว่า
เรื่องเอาอาหารกลับบ้านได้หรือไม่ มีความชัดเจนจาก “พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน” รองประธานสภาคนที่ 2 ซึ่งทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ชี้แจงว่า ... เป็นเรื่องที่ไม่ผิดที่ ส.ส.จะเอาอาหารกลับบ้านหลังเลิกประชุมแล้ว และวันนี้เรามีห้องส่วนตัวของสมาชิก อาจจะมีผู้ช่วยส.ส.มาช่วยทำงาน ถ้าจะนำอาหารไปให้ทีมงานรับประทานที่ห้อง ก็ได้ เพราะอย่างไรก็กินกันอยู่แล้ว สมมติว่าปิดประชุมก่อนกระทันหัน อาจจะเลิกเร็ว อาหารยังเหลือเยอะ ปกติก็จะเอาไปบริจาคตามหน่วยงานต่างๆ
“เหลือ ก็เน่า และทานไม่ทัน ไม่มีที่เก็บหรอกครับ ดังนั้นผมก็คิดว่าไม่มีกฎหมายห้ามไม่ให้ ส.ส.เอากลับบ้าน หรือรับประทานในสภา เพราะฉะนั้นจากนี้ไป ตอนเย็นอาหารเหลือ เจ้าหน้าที่ก็เอาใส่ถุงแบบที่ท่านพูด ก็เอากลับบ้านกัน ไม่ใช่แค่สมาชิกนะครับ ทั้งเจ้าหน้าที่ 3,000 คน ก็เอาไปทานที่บ้านได้ เพราะมันเหลือ และเสียของ เอาไปบริจาคผู้รับเหมาก็เหนื่อยที่จะขนไป ต้องใช้แรงงานทั้งคน ทั้งรถ”
ว่าด้วยเรื่องส.ส.เอาอาหารกลับบ้านนี้ ในอดีตก็เคยเป็นประเด็นมาแล้ว เมื่อปี 65 นี่เอง โดย “รังสิมา รอดรัศมี” ส.ส.สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์ (ขณะนั้น) ได้หารือ ขอให้ “ชวน หลีกภัย” ประธานรัฐสภา ยกเลิกการอนุญาตให้นำอาหารห่อออกมาจากห้องอาหาร เนื่องจากพบว่าสมาชิกที่เข้าไปรับประทานอาหารก่อนจะขนอาหาร น้ำ ใส่ถุงกลับบ้าน เป็นจำนวนมาก เป็นสิบๆถุง ทำให้สมาชิกที่เข้าไปรับประทานทีหลัง ไม่ได้รับประทานอาหารที่จัดไว้ให้ ต้องทานข้าวไข่เจียว
ตอนนั้น “ประธานชวน” ตอบกลับว่า ทราบข้อจำกัด ที่ห้องอาหารห้ามบุคคลภายนอกเข้าไปใช้บริการ อย่างตนเองมีผู้ติดตาม 2 คน ก็ไม่สามารถไปนั่งรับประทานอาหารในห้องอาหารได้ ต้องมาทานข้างนอก... แต่ “ประธานชวน” ก็ไม่ได้สั่งห้ามหรือตั้งเป็น กฎ กติกา มารยาท ให้ส.ส.ปฏิบัติแต่อย่างใด
ขณะที่ “ชัยธวัช ตุลาธน” ในฐานะแม่บ้านพรรคก้าวไกล บอกว่าเป็นธรรมดาที่คนของพรรคก้าวไกลจะถูกจับจ้อง นำเรื่องนั้น เรื่องนี้มาโจมตี ซึ่งเป็นหน้าที่ ที่พรรคก้าวไกล ต้องทำให้ ส.ส.มีพฤติกรรมที่เหมาะสม ต้องขอบคุณทุกฝ่าย หากเห็น ส.ส.พรรคก้าวไกลมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมขอให้แจ้งมาที่พรรคได้เลย อย่างไรก็ตาม คิดว่าหลายเรื่องอาจไม่มีอะไรมากล่าวหา หรือโจมตีพรรคก้าวไกลแล้ว จึงต้องนำเรื่องแบบนี้มาโจมตี แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะนักการเมืองทุกคน ส.ส.ทุกคน ต้องถูกตรวจสอบได้
ส่วน ส.ส.คนต้นเรื่อง ที่เป็นผู้โพสต์ภาพดังกล่าว คือ “ธนยศ ทิมสุวรรณ” ส.ส. เลย พรรคภูมิใจไทย ... เช็กโปรไฟล์ พบว่า เป็นลูกชายของ "ธนาวุฒิ ทิมสุวรรณ" อดีตนายก อบจ.เลย บ้านใหญ่ของจังหวัด ครอบครัวประกอบธุรกิจโรงโม่หินขนาดใหญ่ ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง รวมถึงธุรกิจอื่นอีกหลายอย่าง ขณะนี้อายุ 32 ปี การศึกษาระดับปริญญาโท เป็นส.ส.มาแล้ว 2 สมัยรวมทั้งครั้งนี้
เมื่อสร้างคอนเทนต์ว่าด้วยเรื่อง “อดีตดาราสาว ลักลอบนำอาหารสภากลับบ้าน” ถูกกระแสตีกลับ เจอด้อมส้ม ขนทัวร์ไปลงจนต้องปิดเฟซบุ๊กหนีเป็นที่เรียบร้อย