ข่าวปนคน คนปนข่าว
** โต๊ะจีน"เศรษฐา-สุทิน"-"กองทัพ" น้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า เพื่อไทยอยู่เป็น!
ชื่นมื่นชื่นอุรากันไปตามระเบียบ หลังจากที่ "เศรษฐา ทวีสิน" นายกรัฐมนตรีและ "ผบ.เหล่าทัพ" ร่วมวงรับประทานอาหาร ชิมไปคุยกันไป บนโต๊ะจีนเมื่อวานนี้ (3ก.ย.)
ครั้งก่อนตั้งวงร่วมรับประทานอาหารกับบรรดา "เจ้าสัว" ที่ความมั่งคั่ง แต่ละตระกูลรวมมูลค่าเป็นหลายล้านล้านบาท ก็ถูกวิพากษ์พอหอมปากหอมคอว่า เอาใจนายทุนตั้งแต่ยังไม่ทันเริ่ม
มาคราวนี้เอาใจกองทัพที่ดูแลงบประมาณมหาศาลต่อกันเลย ย่อมมิอาจรอดพ้นจากเสียงนกเสียงกา ตั้งแต่สถานที่พูดคุย เลือกโรงแรมโรสวูด ซึ่งก็รู้ๆ กันว่าเป็นของใคร ?
ฟังว่า ฝ่ายทีมเพื่อไทย พลเรือนมากันครบตั้งแต่ “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐนตรี "บิ๊กทิน" สุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม และ “ปานปรีย์ พหิทธานุกร” รองนายกฯ และรมว.ต่างประเทศ
ขณะที่ฝ่ายเหล่าทัพ บิ๊กๆ ที่มาคือ “พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี” ว่าที่ผู้บัญชาการทหารสูงสุด “พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์” ว่าที่ผู้บัญชาการทหารบก “พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม” ว่าที่ผู้บัญชาการทหารเรือ ขาดเพียง “พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล” ว่าที่ผู้บัญชาการทหารอากาศ ที่เดินทางไปเยอรมนี
เห็นว่า “บิ๊กอ๊อบ-บิ๊กต่อ-บิ๊กดุง” สวมสูทผูกไท นั่งหน้าขรึม บรรยากาศพูดคุยเป็นรัฐบาลพลเรือนชวนถกแนวทางกองทัพซะมากกว่า
แน่นอนบนโต๊ะอาหาร พูดคุยกันนานกว่าชั่วโมงนั้น ย่อมมีแต่เรื่องดีๆ รัฐบาลเพื่อไทยที่ "อยู่เป็น" แม้จะเปลี่ยนรัฐมนตรีกลาโหม แต่เดิมจะใช้ทหารมาคุมทหาร กลับเป็น "บิ๊กทิน" สุทิน คลังแสง ที่เจ้าตัวก็ยังอดขำตัวเองไม่ได้ ที่ได้ว่าการกระทรวงทหาร เพราะมี "คลังแสง" ถือโอกาสทอดไมตรีศิโรราบแทนแข็งกร้าวแบบก้าวไกล ด้วยการให้คำมั่น จะฟังเสียงกองทัพและพร้อมสนับสนุนในทุกๆ ด้าน แถมยังจะไปช่วยประชาสัมพันธ์ "ภาพลักษณ์" ให้คนที่ชังทหาร กลับมารักเหมือนเดิม
นี่ย่อมหมายถึง ฝ่ายเหล่าทัพน่าจะเบาใจ งบประมาณจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์งบลับ งบผูกพันทั้งหลาย ทั้งปวงจะไม่โดนตัดทอน
อ้อนๆ กันแบบนี้ เรื่องจุดอ่อนที่เคยเป็น "เพื่อไทยแพ้ภัยทหาร" ไปด้วยในตัว
เรียกว่า จากรัฐบาลประยุทธ์ ส่งไม้ต่อมาถึงรัฐบาลเศรษฐา จากนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกลาโหม ที่เป็นทหารมาตลอดกว่า 9 ปี ตลอดจนความสัมพันธ์กับพี่น้อง 3 ป. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา กับกองทัพ จะไร้รอยต่อ
อย่างไรก็ดี นายกรัฐมนตรี ที่เป็นประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และประธานกอ.รมน. และรมว.กลาโหม ทั้ง “เศรษฐา และ สุทิน” มีหน้าที่โดยตรงมาดูแลกองทัพ แต่เป็นพลเรือน การทำงานด้วยกันจำเป็นต้องพูดจาภาษากองทัพ ฟังว่าได้มีการทาบ "พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก" อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษาผู้ว่าฯ กทม.ให้มาทำหน้าที่ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงกลาโหมเรียบร้อย
ต้องบอกว่า พรรคเพื่อไทยมาครั้งนี้ ทำการบ้านมาอย่างดี ทางหนีทีไล่ ปิดจุดอ่อนของตนเองด้วยความไวแสง เพราะ มีบทเรียนที่ผ่านๆ มาได้สอนเอาไว้
แต่อย่างที่บอก แม้ภาพที่ออกมาจะชื่นมื่น แต่ก็จะเป็นที่บาดตาบาดใจของบรรดากองเชียร์พรรคเพื่อไทย หรือ "ด้อมแดง" สายฮาร์ดคอร์ ที่น่ากังวลเพราะเสียงเหล่านี้ดังกว่าเสียงนกเสียงกา อย่างแน่นอน
บรรดาพวกเขาเหล่านี้ย่อมไม่มีความรู้สึกที่ดีกับกองทัพ ภาพหลอน "รัฐประหาร" และ "บาดแผลสลายการชุมนุม" ยังฝังใจจำ ขนาดจะแต่งตั้งทหารที่มาจากสายของ พล.อ.ประยุทธ์ ขึ้นเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ก็ยังมีกระแสต่อต้านกันหนัก
มิพักต้องสงสัยว่า บรรดาผู้นำเหล่าทัพชุดนี้ทั้งแผง แต่งตั้งก่อน พล.อ.ประยุทธ์ จะลงมาจากเก้าอี้ไม่กี่วัน ด้วยเยื่อใยยอมไม่ถูกตัดขาดไปไหน ซึ่งจะทำให้ "ด้อมแดง" แสลงใจเอาง่ายๆ ถ้าทำอะไรซ้ำรอยเดิม
นี่เป็นการบ้านที่พรรคเพื่อไทยจะต้องไปสะสาง และหาวิธีพูดจาเพื่อถนอมน้ำใจของคนเสื้อแดงไม่ให้ถูกตราหน้าว่า "หงอ" กองทัพจนลืมมิตรที่แท้
สรุปว่า การร่วมวงโต๊ะจีนของนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกลาโหมพรรคเพื่อไทยกับผู้นำเหล่าทัพมีนัยยะที่น่าติดตาม นอกจากการ "อยู่เป็น" และ ต้องอยู่ให้ได้ ยังจะเห็นได้ว่าคราครั้งนี้ "น้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า"
ส่วนใครจะเป็นเรือ ใครจะเป็นเสือ ก็ต้องติดตามกันต่อไป
** "โปรดแซ่บ! "สุริยะ มือเหล็ก" ฟิตจัดพร้อมออกเอี๊ยด!!...ลุยคมนาคมแว้ว
ตามไทม์ไลน์ของการบริหารประเทศภายใต้ “รัฐบาลเศรษฐา” ภายในสัปดาห์นี้ รัฐมนตรีแต่ละคน ก็คงจะเข้าทำงานแต่ละกระทรวงตามที่ได้รับแต่งตั้ง
มีข่าวว่ารัฐมนตรีที่เครื่องร้อนพร้อมจะออกตัวชนิดเฟอรารี่ ชิดซ้าย ลัมโบกินี่หลบไป กว่าใครในชั่วโมงนี้ไม่มีใครเกิน "สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
ที่คมนาคม "สุริยะ" ถือว่าได้กลับถิ่นเก่า กลับมาครั้งนี้ก็เลยมีแรงบันดาลใจ กระดี๊กระด๊าเป็น "ปลากระดี่ได้น้ำ" เต็มที่มากกว่านั่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในสมัยรัฐบาลประยุทธ์
ฟังว่า “สุริยะ” นัดแนะ รัฐมนตรีช่วยทั้งสองคน “นางมนพร เจริญศรี” และ “สุรพงษ์ ปิยะโชติ” กำหนดเดินทางเข้ากระทรวงคมนาคมวันแรก ในวันที่ 7 ก.ย.นี้ ถือฤกษ์ดี 9 โมงเช้า บอกกล่าวบรรดาปลัดกระทรวง รองปลัดฯ หัวหน้าส่วนราชการ และรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวง พร้อมทั้งผู้บริหารระดับสูง เพื่อให้การต้อนรับ
"สุริยะ" เคยเป็นว่าการกระทรวงคมนาคม ในสมัยที่พรรคไทยรักไทยเป็นรัฐบาล ถ้ายังจำกันได้สมัยนั้นมีกรณีอื้อฉาวเป็น "มหากาพย์" ก็คือคดีการจัดซื้อและติดตั้งเครื่องตรวจจับระเบิด CTX
โดยที่ "สุริยะ"เป็นรัฐมนตรีคมนาคม และ "ทักษิณ ชินวัตร" นายกฯขณะนั้น โดนข้อกล่าวหาจากป.ป.ช. แต่สุดท้ายหลังจากใช้เวลากว่า 7 ปี สอบสวน จึงหลุดพ้นมาได้ด้วยเหตุผลจากหลักฐานที่ไม่เพียงพอ
แม้จะหลุดพ้นข้อกล่าวหา แต่นั่นเป็นหนึ่งในคดีที่ถูกพูดถึง "สุริยะ" มาจนถึงปัจจุบัน
ว่ากันว่า กรณี CTX ทำให้ “สุริยะ” เกือบม้วยนั้น เพราะ ด้วยสไตล์การทำงานของสุริยะ ที่มีพื้นฐานเป็นตระกูลนักธุรกิจ คิดว่าตัวเองรู้เท่าทันเอกชน หรือ ผู้ประกอบการด้วยกัน ที่เข้ามารับงาน หรือร่วมทุนกับรัฐบาล การเจรจาเงื่อนไขต่อรองต่างๆ ออกมาเป็นรูปแบบพ่อค้ากับพ่อค้า มากกว่าที่จะเป็นรัฐกับนายทุน
สไตล์ “สุริยะ”ทุบได้ทุบ รื้อได้รื้อ กล้าหัก กล้าปฏิเสธ หากโครงการไหนไปด้วยกันไม่ได้ ก็สั่งเบรก จึงมีฉายาที่เรียกหากันในหมู่ผู้คนในแวดวงผู้รับเหมาว่า "สุริยะ มือเหล็ก"
ห่างหายจากกระทรวงคมนาคมไปนาน การกลับมาของสุริยะมากำกับดูแลกระทรวงเกรด "ทริปเปิ้ลเอ" ภายใต้ เมกะโปรเจกต์เฉียดๆ "ล้านล้าน"!!
ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้า, รถไฟความเร็วสูง, รถไฟทางคู่ นับ 10 โครงการ มูลค่ามหาศาล
นี่ยังไม่รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ อีกมาก ที่ประมูลไปแล้วยังไม่จบ กำลังจะประมูล หรือเตรียมจะประมูล จึงถูกจับตาจดจ้องจากสังคมมากเป็นพิเศษ
นโยบายของ “ทั่นสุริยะ” และการแบ่งงานรัฐมนตรีช่วย จะออกมาแบบไหน โครงการเมกะโปรเจกต์จะเดินหน้าอย่างไร ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่น่าสนใจยิ่ง
ที่แน่ๆฟังว่า บรรดาผู้รับเหมาและ "ขาใหญ่" แห่งวงการก่อสร้างสาธารณูปโภค รอคอยการมาของทั่นรมว.คนใหม่ด้วยใจเต้นระรัว
เมื่อ "สุริยะมือเหล็ก" มาแว้ว ก็ต้องกลับไปเปิดตำราเดิมๆ รื้อฟื้นวิธีเตรียมรับมือ ซึ่งก็ไม่รู้ว่า สุริยะ ออกตัวแรงกลับมาเที่ยวนี้ ยังจะเป็น "สุริยะมือเหล็ก" คนเดิม หรือมีเพิ่มเติม หนักกว่าเดิม งานนี้ก็ตัวใครตัวมันนะจ๊ะ