วันนี้ (31 ส.ค.) นายร่มธรรม ขำนุรักษ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จ.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงสถานการณ์ไฟป่าบริเวณป่าพรุควนเคร็ง จ.นครศรีธรรมราช โดยระบุว่า เหตุการณ์ไฟป่าที่ยังควบคุมไม่ได้ในพื้นที่ป่าพรุควนเคร็ง เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย บริเวณบ้านควนยาว บ้านควนชิง ต.เคร็ง อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช ได้สร้างความเสียหายเป็นวงกว้างไม่ต่ำกว่า 1,000 ไร่ ส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อระบบนิเวศ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชนานาชนิดในพื้นที่ดังกล่าว เนื่องจากป่าพรุควนเคร็งเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำขนาดใหญ่ที่ทำหน้าที่กรองตะกอนน้ำตามธรรมชาติก่อนไหลลงทะเลสาบสงขลา รวมถึงลำคลองสาขาต่างๆ ก่อนไหลลงอ่าวไทย ทำให้เป็นพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางธรรมชาติและมีความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ อีกทั้งเป็นแห่งทำมาหาเลี้ยงชีพที่สำคัญของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัด ได้แก่ จ.นครศรีธรรมราช จ.พัทลุง และ จ.สงขลา อีกด้วย
นายร่มธรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า ตั้งแต่ปี 2549 เป็นต้นมา พื้นที่ป่าพรุควนเคร็งเกิดเหตุไฟใหม้ป่าหลายต่อหลายครั้ง เกิดความเสียหายสะสมมากกว่า 20,000 ไร่ ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่มาจากการจุดไฟเผาวัชพืชเพื่อเตรียมพื้นที่การเกษตร และการตั้งใจเผาเพื่อให้ป่ามีสภาพเสื่อมโทรมแล้วเข้าจับจองเป็นพื้นที่ทำกิน นอกจากนี้ในพื้นที่ป่าพรุควนเคร็งยังพบปัจจัยที่เอื้อให้เกิดไฟป่าง่ายขึ้น เช่น ความแห้งแล้ง ปริมาณซากพืชที่ตายทับถมกันเป็นจำนวนมาก และความชื้นของดินที่ลดลงจากการใช้น้ำภาคการเกษตรที่เพิ่มขึ้น เป็นต้น อีกทั้ง เมื่อเกิดเหตุไฟป่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าปฏิบัติงานด้วยความยากลำบากทำให้การควบคุมหรือจำกัดพื้นที่เป็นไปได้ยากและใช้ระยะเวลานาน ดังนั้น จึงควรมีการวางแผนแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบด้วยการบูรณาการความร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ เช่น การเร่งออกโฉนดที่ดินให้ประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงเพื่อลดปัญหาการจับจองที่ดินทำกินผิดกฎหมาย การจัดกำลังเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังเหตุไฟป่สตลอด 24 ชั่วโมง การรักษาความชุ่มชื้นและระดับน้ำในพื้นที่ป่าพรุ และการกำจัดเศษวัชพืชเพื่อไม่ให้กลายเป็นเชื้อไฟและลามไปทั่วบริเวณ
“ขอให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทุกท่านที่ทำงานกันอย่างแข็งขันในการเข้าดับไฟป่าในพื้นที่ป่าพรุควนเคร็ง เพื่อหยุดยั้งความเสียหายต่อระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อม ซึ่งช่วงหลังมานี้ไฟป่าเกิดบ่อยมากขึ้น และส่วนใหญ่มาจากฝีมือมนุษย์ การแก้ไขปัญหาจึงควรจัดการที่ต้นตอ นั่นคือ การทำอย่างไรให้มนุษย์หยุดคุกคามธรรมชาติเพื่อแสวงหาที่ดินทำกิน เพราะฉะนั้น นโยบายออกโฉนดที่ดินให้ประชาชนเพื่อเป็นหลักประกันความมั่นคงในชีวิต มีความสามารถในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน และสามารถต่อยอดการทำมาหากินเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต จึงอาจจะตอบโจทย์ของปัญหาหลักนี้ และควรกระทำร่วมกับการปราบปรามการลักลอบกระทำความผิด พร้อมการฟื้นฟูความเสียหายของพื้นที่ป่าให้กลับมาอุดมสมบูรณ์ดังเดิม” นายร่มธรรม กล่าว
