พท.เสียงแตก ปม แก้ พ.ร.บ.ประชามติ “ชูศักดิ์” ย้ำ ไม่จำเป็นต้องแก้ไข เหตุทำอย่างรอบคอบแล้ว เตรียมชง ครม.กระบวนการทำประชามติและลักษณะคำถาม มั่นใจหากประชามติผ่าน ส.ว.ไม่กล้าขวาง
วันนี้ (31 ส.ค.) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ต่อกรณีที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ไม่เห็นชอบต่อการเลื่อนญัตติเสนอคำถามประชามติแก้รัฐธรรมนูญของพรรคก้าวไกล ให้ขึ้นมาพิจารณาก่อนวาระอื่น เมื่อ 30 ส.ค. ว่า เหตุผลที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ไม่เห็นด้วยกับกรณีดังกล่าว เนื่องจากพรรคเตรียมทำเรื่องดังกล่าวให้เป็นวาระและนโยบายที่รัฐบาลเตรียมดำเนินการ อีกทั้งเห็นว่าแม้จะให้สภาพิจารณาเรื่องคำถามประชามติ แต่กระบวนการไม่สามารถจบได้ เพราะตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ. 2564 กำหนดว่าต้องใช้ความเห็นชอบทั้งสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา ดังนั้น แม้สภาเห็นชอบ แต่ต้องส่งไปยังวุฒิสภาให้พิจารณา
นพ.ชลน่าน กล่าวอีกว่า ในประเด็นที่ต้องใช้มติของสองสภานั้น เป็นปัญหาและอนาคตจำเป็นต้องแก้ พ.ร.บ.ประชามติ เพื่อให้การเห็นชอบกับเรื่องที่จะทำประชามติหากผ่านสภา สามารถเสนอไปสู่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้
เมื่อถามถึงแนวคิดต่อการแก้ไขประเด็นอื่นใน พ.ร.บ.ประชามติ เช่น เกณฑ์ออกเสียงเพื่อให้เรื่องที่ทำประชามตินั้น ถูกเห็นชอบ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า “เป็นประเด็นที่ต้องพิจารณา”
ขณะที่ นายชูศักดิ์ ศิรินิล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ฐานะที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ในประเด็นเดียวกันว่า เหตุที่พรรคเพื่อไทยไม่เห็นด้วยกับพรรคก้าวไกลต่อการพิจารณาคำถามประชามตินั้น เพราะมองว่าต่อให้สภาเห็นชอบยังไม่จบ เพราะต้องส่งให้วุฒิสภาอีก ซึ่งในหลักการแล้ว ส.ว.อาจจะไม่เห็นชอบทำให้คำถามนั้นตกไป อีกทั้งเรื่องทำประชามติแก้รัฐธรรมนูญนั้น จะถูกกำหนดเป็นนโยบายของรัฐบาล จึงต้องการให้เป็นกระบวนการของรัฐบาล
นายชูศักดิ์ กล่าวด้วยว่า พรรคเพื่อไทยเตรียมเสนอ ครม.ให้พิจารณาคำถามประชามติ ในการประชุม ครม.ในกระบวนการการทำประชามมติและลักษณะของคำถาม โดยมีประเด็นใหญ่ คือ คำถามที่เห็นตรงกันในพรรค คือ ทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยมีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนเป็นผู้จัดทำ
“การทำประชามติครั้งแรก คือ การตั้งคำถามว่าจะเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดย ส.ส.ร.ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน โดยไม่มีตัวร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้สอดคล้องกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญก่อนหน้านี้ ส่วนที่การจัดทำร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ที่ยังมี ส.ว.ปัจจุบันดำรงวาระอยู่นั้น ผมมองว่า หากผ่านได้แล้วเชื่อว่ารัฐสภาน่าจะผ่านร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 เพื่อตั้ง ส.ส.ร. เพราะประชาชนเห็นชอบแล้ว ไม่สมควรฝืนมติของประชาชน และเมื่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มหมวดใหม่ จะเข้าสู่กระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ โดยต้องเริ่มจากการเลือกตั้ง ส.ส.ร.ก่อน” นายชูศักดิ์ กล่าว
เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยจะปัดฝุ่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 ที่เคยเสนอไว้ในสภาชุดที่ผ่านมา หรือจัดทำร่างใหม่เสนอ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า อยู่ระหว่างพิจารณา และคาดว่า จะทำใหม่ โดยเฉพาะเรื่องกรรมาธิการฯ ที่ถูกวิจารณ์ว่าหากไม่มีกรรมาธิการที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาเลยอาจจะมีประเด็นปัญหาได้ ทั้งนี้อาจต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร ซึ่งกว่าจะได้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่ ส.ส.ร. ดำเนินการ อาจใช้เวลากว่า 3 ปีครึ่ง
เมื่อถามว่า ในประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญจำเป็นต้องรับฟังความเห็นของพรรคร่วมรัฐบาลด้วยหรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ต้องรับฟัง โดยตนเข้าใจว่า ครม. ต้องเปิดโอกาสให้พรรคร่วมรัฐบาล รวมถึงพรรคการเมืองทุกฝ่ายได้แสดงความเห็นรวมถึงจะรับฟังในประเด็นต่างๆ ส่วนคำถามประชามติที่ภาคประชาชนเสนอนั้นต้องให้ ครม.เป็นผู้พิจารณาว่าจะดำเนินการตามหรือไม่
เมื่อถามว่ากรณีที่พรรครวมไทยสร้างชาติ หรือ พรรคพลังประชารัฐที่ไม่สนับสนุนการแก้รัฐธรรมนูญ มองว่าจะคุยกันได้หรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ต้องคุยกัน และเชื่อว่าจะไปด้วยกันได้ เพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นคือนโยบายของรัฐบาลที่ถือว่าเป็นที่ยอมรับร่วมกัน
เมื่อถามถึงแนวคิดของการแก้ไข พ.ร.บ.ประชามติ ว่าด้วยหลักเกณฑ์ที่เรื่องจะผ่านประชามติ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ไม่จำเป็นต้องแก้ เพราะสมเหตุสมผลของเนื้อหา ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในกฎหมาย คือ ประชาชนต้องมาออกเสียง เกินกึ่งหนึ่งของผู้มาใช้สิทธิ และต้องมีเสียงเห็นชอบเกินกึ่งหนึ่งของผู้ออกมาใช้สิทธินั้นชอบด้วยเหตุผลแล้ว