กกต.ระยอง แจงผู้สมัคร ส.ส.ก้าวไกล ยันเองรายได้ไม่ถึงเกณฑ์ไม่เสียภาษี สมัครได้ไม่มีข้อห้าม

กกต.ระยอง แจงผู้สมัคร ส.ส.ก้าวไกล ยื่นเอกสารไม่เสียภาษี เป็นไปตามระเบียบ เจ้าตัวรับรองเอง รายได้ไม่ถึงเกณฑ์ สมัครได้ไม่มีข้อห้าม เผยบรรยากาศหาเสียงคึกคัก

วันนี้ (28 ส.ค.) นายใจเพชร สาครพานิช ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดระยอง (กกต.ระยอง) กล่าวกรณี นายพงศธร ศรเพชรนรินทร์ ผู้สมัคร ส.ส.ระยองเขต 3 พรรคก้าวไกล แสดงหนังสือยืนยันการไม่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาย้อนหลัง 3 ปี ว่า  ตามระเบียบ กกต.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. พ.ศ. 2566 ที่กำหนดให้ผู้สมัครยื่นหลักฐานแสดงการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเป็นเวลาติดต่อกันสามปีนับถึงปีที่สมัครรับเลือกตั้ง เว้นแต่เป็นผู้ที่ไม่ได้เสียภาษีเงินได้ ก็ให้ส่งหนังสือยืนยันการไม่ได้เสียภาษี พร้อมทั้งสาเหตุที่ไม่ได้มีการเสียภาษีตามแบบ สส. 4/7 เป็นการรับรองตัวเองว่า เป็นผู้มีรายได้ไม่ถึงการเสียภาษี คือ รายได้ต่ำกว่า 200,000 บาท และสามารถสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ได้ อย่างไรก็ตาม กกต.ไม่มีอำนาจหน้าที่ในการจะไปตรวจสอบตรงนี้ กฎหมายไม่ได้ให้อำนาจเอาไว้ ซึ่งหลักฐานการสมัครก็เป็นส่วนหนึ่งของการสมัคร ถ้าเอกสารครบถ้วน กกต.ก็รับสมัครตามระบบ แต่จะเท็จ หรือไม่เท็จก็อยู่เขา และเป็นหน้าที่สรรพากรในการตรวจสอบ

เมื่อถามว่า ในเอกสารการสมัครรับเลือกตั้งผู้สมัครพรรคก้าวไกล กรอกข้อมูลอาชีพไว้อย่างไร นายใจเพชร กล่าวว่า มีการกรอกว่าประกอบอาชีพค้าขาย ซึ่งในส่วนของการค้าขายนั้นจริงๆ ไม่ต้องยื่นแบบก็ได้ เพราะว่ามีการเสียภาษีการค้าของห้างร้านอยู่แล้ว เป็นภาษีคนละแบบ ซึ่งกฎหมายไม่ได้กำหนดให้ยื่นตรงนี้เข้ามาในการลงสมัครรับเลือกตั้ง

นายใจเพชร กล่าวด้วยว่า ในประเด็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ยื่นแบบไม่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 14 พ.ค.ที่ผ่านมา ทั่วประเทศมีผู้สมัครที่ไม่ได้เสียภาษีตรงนี้เยอะมาก ที่จังหวัดระยองเอง ก็มีเยอะเช่นกัน เพราะรายได้ไม่ถึงเกณฑ์ แต่ครั้งนี้มีเพียงการเลือกตั้งซ่อมที่เขต 3 ระยองเพียงเขตเดียวทำให้มีการเพ่งเล็งเยอะเท่านั้นเอง แต่กฎหมายไม่ได้ห้าม เพราะถ้ารายได้ไม่ถึงเกณฑ์ก็ไม่ได้ยื่น

เมื่อถามถึงสถานการณ์หาเสียงเลือกตั้งซ่อม ที่เขต 3 ระยอง นายใจเพชร กล่าวว่า ตอนนี้เหลือเวลาประมาณ 10 กว่าวันในการหาเสียง ซึ่งแต่ละพรรคการเมืองที่มีผู้สมัครต่างก็ใช้ผู้หลักผู้ใหญ่ในพรรคมาช่วยลงพื้นที่หาเสียง ทำให้เกิดความคึกคักกระตุ้นการออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้มาก ในส่วนของ กกต.ก็มีหน่วยข่าวลงพื้นที่อยู่ ยังไม่พบว่ามีการทุจริตรับเลือกตั้งแต่อย่างใด และยังไม่มีการร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริตเลือกตั้งเข้ามา