รัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ ผลักดันกระแส Soft Power ไทย สู่สายตานานาชาติต่อเนื่อง ปูรัฐบาลใหม่สานต่อให้แพร่หลายทั่วโลกยิ่งขึ้น
วันนี้ (26 ส.ค.) นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ผ่านการจัดงาน Consumer Fair ภายใต้ชื่อ “Amazing Thailand Fest 2023” ใน 4 เมืองสำคัญของโลก นครนิวยอร์ก นครบาร์เซโลนา นครโอซากา และ นครซิดนีย์ นำเสนอ 5F Soft Power ไทย ซึ่งได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดี มีผู้เข้าร่วมงานจำนวนมาก กระตุ้นการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ พร้อมสร้างกระแสสู่การเดินทางสัมผัสประสบการณ์ Amazing Experience ในประเทศไทย รวมยอดเข้าร่วมงานใน 4 เมืองสำคัญของโลก 134,000 คน สร้างความประทับใจ เพิ่มยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติในไทย
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ต่อยอดส่งเสริมตลาดการท่องเที่ยวผ่านการจัดงาน Amazing Thailand Fest 2023 เพื่อกระตุ้นการเดินทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลกมายังประเทศไทย โดยนำเสนอ 5F Soft Power ของไทยผ่านการแสดงศิลปวัฒนธรรมไทย สินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยว สร้างแรงบันดาลใจ ดึงดูดการท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์ (Experience-based-Tourism) โดยในช่วงเดือนมิถุนายน-สิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา ททท. ได้เดินหน้าจัดกิจกรรมดังกล่าวใน 4 เมืองสำคัญของโลก ได้แก่
1) นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ณ The Oculus - World Trade Center โดยมีผู้เข้าร่วมงานประมาณ 40,000 คน ภายในงานมีการนำเสนอ Soft Power ของไทยในมิติต่างๆ อาทิ การแสดงหุ่นละครเล็ก นาฎศิลป์ไทย ศิลปะการต่อสู้มวยไทย และการเดินแบบผ้าไทย รวมถึงยังมีบูธนำเสนออาหารไทยภาคต่างๆ ทั้งนี้ ตลาดนักท่องเที่ยวภูมิภาคอเมริกา (สหรัฐอเมริกา แคนาดา และละตินอเมริกา) เป็นตลาดนักท่องเที่ยวระยะไกลอันดับ 2 ที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 28 พฤษภาคม 2566 มีนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคอเมริกาเดินทางมาเยือนไทยแล้ว จำนวน 504,285 คน
2) นครบาร์เซโลนา ราชอาณาจักรสเปน ณ Plaza De La Rosa Dels Vents โดยมีผู้เข้าร่วมงานประมาณ 12,000 คน ภายในงานจำลองบรรยากาศงานวัดในเมืองไทยให้ชาวสเปนได้ตื่นตาตื่นใจกับ Soft Power ของไทย อาทิ การแสดงมวยไทย การแสดงศิลปวัฒนธรรม 4 ภาค และการออกบูธร้านอาหาร-เครื่องดื่ม สินค้าและบริการของไทย ทั้งนี้ ตลาดนักท่องเที่ยวสเปน ถือเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพที่ให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน และการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม โดยตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 26 มิถุนายน 2566 มีนักท่องเที่ยวจากสเปนเดินทางมาเยือนไทยแล้ว จำนวน 47,258 คน
3) นครโอซากา ประเทศญี่ปุ่น ณ ห้างสรรพสินค้า Q’s Mall โดยมีผู้เข้าร่วมงานประมาณ 37,000 คน ภายในงานมีการจำลองบรรยากาศงานวัดและเทศกาลที่สอดคล้องกับฤดูกาลของไทย พร้อมนำเสนอเส้นทางท่องเที่ยวตามรอยละครซีรีส์ไทย กิจกรรมมินิคอนเสิร์ตและสัมภาษณ์นักแสดง Boys Love (BL) รวมถึงการแสดงศิลปะมวยไทย กิจกรรม Workshop/ DIY ต่างๆ แต่งชุดไทยถ่ายภาพ ทั้งนี้ ตลาดนักท่องเที่ยวญี่ปุ่น ให้ความสำคัญกับการเดินทางท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ควบคู่กับสนใจการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์วัฒนธรรม อีกทั้งยังมีกลุ่มตลาดศักยภาพใหม่ เช่น กลุ่มผู้ที่ชื่นชอบละครไทยซีรีส์ไทย โดยตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 13 กรกฎาคม 2566 มีนักท่องเที่ยวจากญี่ปุ่นเดินทางมาเยือนไทยแล้ว จำนวน 351,288 คน
4) นครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ณ Southern Forecourt, Overseas Passenger Terminal, Circular Quay West โดยมีผู้ร่วมงานประมาณ 45,000 คน ภายในงานมีการจำลองบรรยากาศงานเทศกาลประเพณีไทยและกิจกรรมการแสดง อาทิ รำไทยสี่ภาค โขน โนรา เซิ้งอีสาน โชว์ไหว้ครูมวยไทย การจำลองฉากหาดทรายชายทะเลที่สวยงามของไทย ซึ่งได้รับเลือกให้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ และการออกบูธจากร้านอาหารไทยในซิดนีย์ที่ได้รับความนิยมจากผู้เข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ ตลาดนักท่องเที่ยวออสเตรเลีย เป็นตลาดนักท่องเที่ยวคุณภาพที่มีนัยยะสำคัญต่อเติบโตของตลาดระยะใกล้ โดยตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 13 กรกฎาคม 2566 มีนักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลียเดินทางมาเยือนไทยแล้ว จำนวน 385,100 คน
การจัดงานสอดคล้องกับทิศทางส่งเสริมตลาดการท่องเที่ยว ในปี 2567 ซึ่ง ททท. ได้เน้นย้ำการเร่งฟื้นฟูการท่องเที่ยวไทยเพื่อเดินหน้าต่อเนื่องสู่บทต่อไปที่ดีขึ้น (Moving forward to Better) สร้างระบบนิเวศใหม่ที่มีคุณค่า สมดุลและยั่งยืน ด้วยการลดการพึ่งพานักท่องเที่ยวจำนวนมาก สร้างรายได้จากนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูง รวมทั้งผลักดัน Soft Power ไทยต่อเนื่อง ด้วยการร่วมงานกับแบรนด์ชั้นนำระดับโลกในพื้นที่ต่างๆ ผ่านแคมเปญ “Brand Collaboration : Amazing Thailand x 5F” โดยจะทำงานร่วมกับสินค้าต่างๆ และนำแบรนด์ Amazing Thailand ไปประทับลงบนสินค้า ซึ่งถือเป็นการทำ Co-Brand ร่วมกัน เพื่อประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวทั่วโลกมาเที่ยวไทยมากขึ้น
“ตลอดระยะเวลาการบริหารงานของรัฐบาล ภายใต้การนำของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ยกระดับมาตรฐานการท่องเที่ยว สร้างพันธมิตรในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย รวมถึงนำเสนอศักยภาพด้านศิลปวัฒนธรรม ต่อยอดเป็นสินค้าส่งออกทางวัฒนธรรม เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ และส่งเสริมสนับสนุนการท่องเที่ยวมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างรายได้ให้กับประเทศเป็นจำนวนมาก สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จของการผลักดัน Soft Power ของไทยให้เป็นที่รู้จัก เพิ่มความนิยมให้แก่ชาวต่างชาติ โดยนายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่ารัฐบาลใหม่จะสานต่อ ขับเคลื่อนนโยบายและกิจกรรมให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายมากยิ่งขึ้น สร้างชื่อเสียง สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวให้ประเทศไทยต่อไป” นางสาวรัชดา กล่าว