เพื่อไทย นำ 11 พรรคร่วมแถลงตั้งรัฐบาล 314 เสียง “หมอชลน่าน” ยันคุยโควตาเก้าอี้รัฐมนตรีจบแล้ว แต่เปิดเผยไม่ได้ เหตุต้องตรวจสอบคุณสมบัติก่อน มั่นใจเสียงหนุน “เศรษฐา” พอ แจงมุ่งแก้ รธน.โดยมี ส.ส.ร. ทีมงานก้าวไกลแอบป่วนตะโกนถามลาออกกี่โมง
วันนี้ (21 ส.ค.) เมื่อเวลา 12.00 น. ที่อาคารรัฐสภา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แกนนำพรรคเพื่อไทย นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค และ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค ได้พูดคุยหารือกับหัวหน้าพรรคและแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลทั้ง 12 พรรค
จากนั้น เวลา 13.30 น. พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย หัวหน้าพรรคทั้ง 11 พรรค อาทิ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.), นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.), นายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.), ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.), นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า, นายทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ, พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย, นายวรเชษฐ เชิดชู เลขาธิการพรรค, นายบัญชา เดชเจริญศิริกุล หัวหน้าพรรคท้องที่ไทย, นายเชาวฤทธิ์ ขจรพงศ์กีรติ หัวหน้าพรรคพลังสังคมใหม่ โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่น
ทั้งนี้ นพ.ชลน่าน อ่านแถลงการณ์เสร็จสิ้นแล้ว ได้เปิดให้สื่อมวลชนซักถาม โดยสื่อมวลชนสอบถามว่า หลักเกณฑ์การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะมีการยกร่างใหม่ทั้งฉบับ ยกเว้นยกเว้นหมวดสถาบันใช่หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เจตจำนงของพรรคเพื่อไทย จะแก้รัฐธรรมนูญโดยจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ โดยมี สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.)
เมื่อถามต่อว่า เรื่องการแก้รัฐธรรมนูญเบื้องต้น พรรคร่วมรัฐบาลเดิมที่คัดค้านการแก้รัฐธรรมนูญครั้งที่แล้ว อย่างไรกับการตั้งส.ส.ร. นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เป็นคำถามที่ลงลึกในรายละเอียด เพราะการพูดคุยในพรรคร่วมรัฐบาลเป็นการพูดคุยในหลักการหลัก ที่เป็นหลักการสำคัญ ส่วนรายละเอียดว่า ส.ส.ร. ต้องมีจำนวนเท่าไหร่นั้น คงต้องไปลงในรายละเอียดอีกครั้ง โดยจะเป็นวาระแรกในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่จะทำควบคู่ไปกับการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ
เมื่อถามถึงกรณีมีการแจ้งโควตาเก้าอี้รัฐมนตรี ที่แต่ละพรรคจะได้รับก่อนโหวตนายกฯ แสดงว่า มีการตกลงกันเรียบร้อยแล้วใช่หรือไม่ว่าแต่ละพรรคจะได้คุมกระทรวงอะไรบ้าง นพ.ชลน่าน กล่าวว่า จากที่ได้แถลงไปที่ได้กำหนดสัดส่วน โควตารัฐมนตรีแต่ละพรรคเรียบร้อยแล้ว ส่วนรายละเอียดว่าแต่ละพรรคการเมืองจะได้กระทรวงอะไรบ้าง มีการตกลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะต้องผ่านกระบวนการนำรายชื่อขึ้นไปตรวจสอบคุณสมบัติและนำขึ้นทูลเกล้าฯ ซึ่งทั้งหมดเป็นข้อตกลงที่ชัดเจนภายใต้เงื่อนไขที่เราทำงานร่วมกัน
เมื่อถามถึงท่าทีของ ส.ว.เพียงพอที่จะส่ง นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกฯได้หรือไม่ หรืออยู่ในระหว่างการรวบรวมเสียง นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ขณะนี้เราได้ดำเนินการที่จะแสวงหาคะแนน หรือการตัดสินใจที่จะลงคะแนนให้กับนายเศรษฐา ซึ่งคณะทำงานได้ดำเนินการเรื่องนี้อยู่ในขั้นที่เรามีความมั่นใจ และพึงพอใจในจำนวนที่เราได้รับ จึงมีความมั่นใจว่าในวันที่ 22 ส.ค.นี้ ไม่น่าจะเป็นปัญหา
เมื่อถามอีกว่า ในที่ประชุมพรรคร่วมมีการประเมินภาพลักษณ์ของรัฐบาลชุดใหม่อย่างไร หลัง นายเศรษฐา ถูกโจมตี และไม่มาแสดงวิสัยทัศน์
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า การแสดงวิสัยทัศน์ของแคนดิเดตนายกฯ เรายึดถือตัวรัฐธรรมนูญและข้อบังคับการประชุมร่วมกันของรัฐสภาเป็นหลัก ซึ่งหน้าที่ของสมาชิกรัฐสภามีหน้าที่เลือกบุคคล ที่ไม่มีลักษณะต้องห้าม และมีคุณสมบัติตามที่พรรคการเมืองเสนอไว้ ซึ่งขั้นตอนนี้ตนในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย การพิจารณาหรือคัดเลือกบุคคล ที่สมควรได้เป็นนายกฯ ของพรรคเพื่อไทยผ่านการกลั่นกรอง และผ่านการพิจารณามาอย่างถี่ถ้วน ฉะนั้นเรามั่นใจเรื่องคุณสมบัติ
เมื่อถามย้ำว่า มีแผนที่จะเปลี่ยนแคนดิเดตนายกฯหรือไม่หากนายเศรษฐาไม่ผ่าน นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ไม่มีแผน เรามั่นใจว่าผ่าน
เมื่อถามถึงกรณี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ไม่ได้ลาออกหมายความว่าตอนนี้ยังจับมือกับพรรคลุงอยู่ใช่หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของพรรค พปชร. ทางพรรค พปชร. จะเป็นคนชี้แจงเรื่องนี้เอง
ด้าน นายประเสริฐ กล่าวว่า สำหรับพรรคใหม่ที่เรายังไม่นับรวมนั้น เนื่องจากเพิ่งติดต่อเข้าร่วมรัฐบาลเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา แต่ยังไม่ได้มีการพูดคุยอย่างเป็นทางการจึงนับเสียงจัดจำนวน 314 เสียงไปก่อน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่ นายประเสริฐ กล่าวแนะนำพรรคร่วมรัฐบาลที่ร่วมแถลงข่าวนั้น พรรคใหม่ ได้มายืนอยู่ร่วมเวทีแถลงด้วย นอกจากนี้ ระหว่างที่พรรคเพื่อไทยแถลงข่าว ได้มีทีมงานของพรรคก้าวไกล ตะโกนถามอยู่ด้านหลังว่า “นพ.ชลน่าน จะลาออกกี่โมง” ซึ่งพรรคเพื่อไทยไม่ได้ตอบโต้อะไร
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า พรรคเพื่อไทย (พท.) มี 141 เสียง พรรคภูมิใจไทย (ภท.) 71 เสียง พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) 10 เสียง พรรคประชาชาติ (ปช.) 9 เสียง พรรคเพื่อไทรวมพลัง (พทล.) 2 เสียง พรรคชาติพัฒนากล้า (ชพก.) 2 เสียง พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) 40 เสียง พรรครวมไทยสร้างชาติ 36 เสียง พรรคเสรีรวมไทย (สร.) พรรคพลังสังคมใหม่ พรรคท้องที่ไทย พรรคละ 1 เสียง รวมเป็น 314 เสียง ทั้งนี้ ในการโหวตนายกฯจะต้องใช้เสียงเกินกึ่งหนึ่ง คือ 375 เสียง ซึ่งพรรคเพื่อไทยจะต้องหาเสียงจาก ส.ว.อีก 61 เสียง จึงจะเพียงพอ ต่อการโหวตนายกฯของพรรคเพื่อไทย.