“ส.ว.สมชาย” เผย รอ พท.ชัดเจนส่งใครนั่งนายกฯ ชี้ หากมาโชว์วิชันจะเป็นผลดี แต่ยังข้องใจนโยบายแก้ รธน.หากล้มทั้งฉบับเหมือนทุบบ้านทิ้ง เสียงบบานปลายหมื่นกว่าล้าน ยันพรรค 2 ลุงเข้าร่วม รบ.ไม่มีผลกับ ส.ว.
วันนี้ (18 ส.ค.) นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมร่วมวิปสามฝ่าย ว่า ยืนยันว่า ทางวุฒิสภาขอเวลาในการอภิปรายโหวตนายกรัฐมนตรี 2 ชั่วโมง โดยจะอภิปรายเกี่ยวกับคุณสมบัติทั้งหมดของผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อ แต่วันนี้ยังไม่ชัดเจนว่าเป็นใคร ซึ่งในที่ประชุมได้ซักถามกันว่าตกลงแล้วจะเสนอชื่อใครเป็นนายกฯ โดยในที่ประชุมพรรคเพื่อไทย ก็ยืนยันว่า เป็น นายเศรษฐา ทวีสิน แต่จะมีการแถลงในวันที่ 21 ส.ค. อีกครั้งว่าเป็นใคร แต่ตนก็ได้ข่าวว่าชื่อคนเป็นนายกฯจะเป็นชื่ออื่นไม่ใช่นายเศรษฐา ดังนั้น คิดว่า ในวันที่ 21 ส.ค. พรรคเพื่อไทยจะต้องทำให้เรียบร้อยว่าจะเสนอชื่อใครเป็นนายกฯกันแน่
เมื่อถามว่า หลังจากที่พรรคเพื่อไทย แถลงวันที่ 21 ส.ค.แล้ว ในการโหวตเสียงของ ส.ว.จะแตกหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่าเสียงของ ส.ว.มันแตกเป็นปกติอยู่แล้ว ซึ่งก็แล้วแต่ความคิดของแต่ละคนอยู่แล้ว ส่วนการแสดงวิสัยทัศน์ของนายเศรษฐาที่จะแสดงต่อที่ประชุมนั้น ตนเห็นว่า เป็นเรื่องดี ถ้าเขาจะมา เพราะอาจจะมีคนถาม ทั้งนี้ ได้มีการสอบถามในที่ประชุมไปยังตัวแทนพรรคเพื่อไทย ระบุว่า นายเศรษฐา จะไม่มาแสดงวิสัยทัศน์ในที่ประชุม
เมื่อถามว่า ล่าสุด ที่พรรครวมไทยสร้างชาติ และพรรคพลังประชารัฐ ไปจับขั้วร่วมรัฐบาลด้วยจะส่งสัญญาณให้ ส.ว.เลิกแตกแถวได้หรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า ไม่เกี่ยว ส.ว.มีอิสระในการโหวตอยู่แล้ว และต้องพิจารณาเหมือนกับตรวจสอบคุณสมบัติและพฤติกรรมทางจริยธรรมเหมือนเดิม
เมื่อถามว่า มีการมองว่า หากนายเศรษฐาไม่ผ่านรอบนี้ จะมีการดันให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ขึ้นเป็นนายกฯแทน นายสมชาย กล่าวว่า ไม่เกี่ยว ไม่มีไปไกลขนาดนั้น เพราะพรรคเพื่อไทยยังมีแคนดิเดดคนอื่นอีก ทั้ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร และ นายชัยเกษม นิติสิริ ฉะนั้น ส.ว.ก็ทำหน้าที่ของตัวเองในการโหวตและพิจารณาตามปกติ แต่สิ่งที่เราอยากได้ และยังไม่เห็น คือ ตกลงแล้วพรรคเพื่อไทยจะเสนอชื่อนายเศรษฐา ใช่หรือไม่ และคนจะเป็นนายกฯก็ควรนั่งแถลง หากไม่แถลงในสภา ก็ต้องนั่งแถลงข้างนอก โดยมีพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมดอยู่ด้วย จะได้ชัดเจนว่า นโยบายหลอมรวมกันอย่างไร เพราะเท่าที่ดูนโยบายแตกต่างกันมาก ดังนั้น วันนี้หากจะสลายขั้วมารวมกันก็ต้องเอาให้ชัดว่ามีกี่เสียง ส.ว.เราไม่ได้ขัดข้อง ส่วนตัวคนจะเป็นใคร ก็จะมาดู
เมื่อถามว่า จะมีความเป็นไปได้หรือไม่ที่จะมีนายกฯ คนนอก นายสมชาย กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ใช่ เพราะเป็นเรื่องที่ไกลโพ้น
“แต่ที่ห่วงอีกอย่าง คือ เรื่องการศึกษาการแก้รัฐธรรมนุญ เพราะที่ผ่านมา มีรายงานเกี่ยวกับเรื่องนี้ผ่านมา 3 คณะมาแล้ว ทำไมต้องล้มรัฐธรรมนูญแล้วร่างใหม่ ทำไมไม่คิดแก้ไขรัฐธรรมนูญ ดังนั้น ต้องคุยให้เคลียร์ว่าจะเอาอย่างไร เพราะการร่างรัฐธรรมนูญกับการแก้ไขเป็นคนละเรื่องกัน เพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ใช้มา 6 ปี ก็เหมือนบ้าน หากเห็นว่าหลังคารั่ว ก็ต้องซ่อม แต่ถ้าบอกว่าเผาบ้านทิ้งแล้วสร้างบ้านใหม่กันดีกว่า อันนี้ยุ่ง และหากมีนโยบายล้มรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ก็ต้องทำประชามติ 3 ครั้ง ใช้งบประมาณ 1.4 หมื่นล้านบาท”
เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ว่าจะมีม็อบมากดดัน นายสมชาย กล่าวว่า ไม่กดดัน เราชินกับม็อบอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า หากโหวตนายกฯครั้งที่ 3 ไม่ผ่าน ทาง ส.ว.อาจจะถูกมองว่าเป็นตัวถ่วงที่ทำให้การบริหารประเทศเดินหน้าไม่ได้ นายสมชาย กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกัน สมัยรัฐบาล 377 เสียง สมัยนายทักษิณ ชินวัตร ก็เคยจัดมาแล้ว แต่ครั้งนี้ที่จัดไม่ได้เพราะ ส.ว.ต้องมาให้ความเห็นชอบเพิ่ม ซึ่งไม่ได้มีปัญหาเพราะ ส.ว.ทำหน้าที่ตรงไปตรงมา เราไม่ได้กังวลหรือขัดขวาง หากใครเหมาะสมเป็นนายกฯเราก็โหวตให้ หากไม่เหมาะสม เราก็ไม่โหวตให้ เพราะทุกคนต้องลุกขึ้นขานชื่อให้ประชาชนรับทราบอยู่แล้ว จึงไม่มีวัตถุประสงคืไปขัดขวางใคร หรือพรรคการเมืองใดตั้งแต่ต้น
เมื่อถามว่า ปัจจัยที่มีพรรครวมไทยสร้างชาติ และ พลังประชารัฐ เข้ามาด้วยจะมีส่วนให้ ส.ว.โหวตให้นายกฯจากพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า ไม่เกี่ยว และเกณฑ์ที่ ส.ว.จะช่วยโหวตก็แล้วแต่ ส.ว.จะพิจารณา เพราะเราใช้ดุลพินิจอิสระอยู่แล้ว แต่ถ้าเสียงของเขาพอ ไม่ต้องใช้เสียง ส.ว.ก็ดีนะ แต่มันคงเป็นไปไม่ได้ ทั้งนี้ ส่วนตัวไม่สามารถตอบได้ว่าจะโหวตอย่างไร ขอดูหน้างานอีกที