“ราเมศ” สอนก้าวไกล แยกเรื่องทำผิดกฎหมายกับประชาธิปไตย-ความเท่าเทียม ย้ำ หลักกฎหมายบังคับใช้กับทุกคน ชี้ หากต้องการแก้ ม.32 เป็นเรื่องในอนาคต แต่ปัจจุบัน “ปดิพัทธ์” มีโอกาสกระทำผิด ต้องเข้ากระบวนการยุติธรรม ปรับ-เข้าคุก ต้องดูที่เจตนา-พฤติกรรม
วันนี้ (16 ส.ค.) นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวตอบโต้ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ประเด็นดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮออล์โชว์โซเชียล ว่า ตนไม่ได้มีเรื่องส่วนตัวกับนายปดิพัทธ์ แต่ตนเป็นนักกฎหมายที่อยู่ในพรรคการเมือง สิ่งไหนที่เราสามารถที่จะบอกกับสาธารณะได้ว่า เรื่องนี้ผิดกฎหมาย เรื่องนี้ไม่ผิดกฎหมาย ทุกสิ่งอยู่บนหลักการเมืองอยู่แล้ว โดยไม่ได้มีอคติ และพูดเฉพาะหลักการ ตนเห็นการทำหน้าที่ในบทบาทรองประธานสภาของนายปดิพัทธ์ ซึ่งมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน และได้พูดคุยกับ นายชวน หลีกภัย อดีตประธานสภา ซึ่งก็เห็นว่า เขาทำหน้าที่ได้ดี แต่ต้องแยกให้ออก ประเด็นที่นายปดิพัทธ์ได้ดำเนินการในโซเชียล มีกฎหมายที่ระบุกำหนดเรื่องนั้นไว้ ซึ่งเป็นสาระสำคัญ กับประเด็นการเรียกร้องในเรื่องประชาธิปไตย และเรื่องความเท่าเทียม
นายราเมศ กล่าวว่า การที่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ออกมาเรียกร้องความเท่าเทียมในการโฆษณา การทำมาหากิน ตนคิดว่าทุกคนเห็นด้วย และตนก็สนับสนุนเรื่องของการทำเบียร์ การทำสุราพื้นบ้าน เพราะเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้น ซึ่งความเท่าเทียมในการโฆษณา หรือความเท่าเทียมเรื่องการทำมาหากิน ก็ต้องอยู่ภายใต้ความเท่าเทียมของกฎหมายเหมือนกัน เพราะประเด็นนี้ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรกกับนายปดิพัทธ์ แต่มีหลายคนที่ถูกดำเนินคดีเกือบพันราย
นายราเมศ กล่าวว่า สำหรับ พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มีการควบคุมเรื่องการโฆษณาไว้ เพราะมีเจตนารมณ์เพื่อปกป้องสังคมไม่ให้มีการโฆษณา โดยมาตรา 32 ระบุใจความสำคัญไว้ 2 กรณี คือ ห้ามโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อประโยชน์ในทางการค้า หรือ การโฆษณาเสนอขายหรือส่งเสริมการขายกฎหมายห้าม และห้ามแสดงชื่อหรือเครื่องหมายของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พร้อมกับการมีข้อความหรือพฤติการณ์ที่เป็นการอวดอ้างสรรพคุณหรือชักจูงใจให้คนอื่นอยากจะดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ดังกล่าว นี่คือหลักกฎหมายใช้บังคับกับทุกคน
“ในฐานะนักการเมือง เราส่งเสริมเรื่องอื่นได้ ส่วนเรื่องการเชิญชวน การแสดง สรรพคุณต่างๆ อันนี้ต้องระมัดระวัง ยิ่งถ้าเราเป็นนักการเมือง อาสามาเป็นผู้นำของประเทศ การเคารพกฎหมายเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด และ มาตรา 32 เป็นกฎหมายที่มีผลบังคับใช้อยู่ แต่ถ้าถามว่าควรมีการแก้กฎหมายเรื่องนี้หรือไม่นั้น ก็เป็นเรื่องที่ต้องไปว่ากันในอนาคต ซึ่งวันข้างหน้านายปดิพัทธ์อาจจะผลักดันเรื่องนี้ ก็เป็นเรื่องของอนาคต แต่ปัจจุบันผมคิดว่า เราต้องมาดูว่าการกระทำของนายปดิพัทธ์ ผิดกฎหมายหรือไม่”
อย่างไรก็ตาม นายราเมศ กล่าวด้วยว่า นายปดิพัทธ์ มีโอกาสที่จะกระทำผิด แต่คำพูดของตนคงไม่เหนือไปกว่ากระบวนการยุติธรรมที่ดำเนินการตามขั้นตอน ก็ต้องว่ากันไปตามกระบวนการ เมื่อมีโทษจำคุก หรือโทษปรับ ก็ต้องดูเจตนา ตีความตาม พฤติกรรมของผู้กระทำผิด การที่ นายปดิพัทธ์ พยายามไลฟ์สดว่า เบียร์นี้ดื่มยังไง แล้วก็มีการโพสต์ลงเฟซบุ๊ก ตนคิดว่า ประเด็นคดีอยู่ที่ มีการชักชวน จูงใจ อวดอ้างสรรพคุณ เพื่อที่จะให้ประชาชนมาดื่มเบียร์หรือไม่