“หมออ๋อง” ไม่หวั่นผิดกฎหมาย ปมโพสต์คราฟท์เบียร์ลงโซเชียล มองเป็นเรื่องดี สังคมได้ถกเถียง ต้องโทษ ม.32 พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องแอลกอฮอล์ ปิดกั้นผู้ประกอบการรายย่อย เอื้อรายใหญ่ แค่บอกว่าข้างในมีอะไรยังทำไม่ได้ โต้กลับ “ราเมศ” รองประธานสภา ไม่ได้เป็นเสมียนบรรจุกฎหมาย มีความคิดที่จะเสนอต่อสังคมได้ ลั่นไม่ได้เมาแล้วทำร้ายใคร ภาคภูมิใจเห็นผลิตภัณฑ์บ้านเกิดพิษณุโลกสู่สายตาคนอื่น
วันที่ 14 ส.ค. 2566 นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล และรองประธานสภา คนที่ 1 กล่าวถึงกรณีดรามาการโพสต์รูปคราฟท์เบียร์ ว่า เป็นเรื่องปกติที่เราเห็นถึงการนำเสนอเรื่องราวบางอย่าง ก็จะมีคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย หากเราย้อนไปดูกฎหมายที่มีการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะมาตรา 32 ของ พ.ร.บ. ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่อาจเข้าข่ายห้ามโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ก็เพิ่งมามีเมื่อตอนปี 2551 ก่อนหน้านี้ ก็มีโฆษณากันตามทีวีและสื่อต่างๆ ได้หมด
“เมื่อเรารู้ว่าการทำสุราชุมชนหรือการทำคราฟท์เบียร์ ในท้องถิ่นเป็นสิ่งที่เพิ่มมูลค่าให้กับจังหวัดนั้นๆ ได้ แต่เรากลับปิดกั้นการโฆษณาแล้วบอกว่าเรื่องนี้จะต้องนำมาสู่การติดคุกหรือโดนค่าปรับถึง 500,000 บาท ทำให้ผู้ผลิตไม่กล้าเลยที่จะโฆษณา ซึ่งคำว่าโฆษณาไม่ใช่แค่เชิญชวนให้มาดื่ม แค่จะบอกว่าข้างในนั้นมีอะไรบ้าง ยังทำไม่ได้เลย ต้องมีการซ่อนแง่กันไปหมด ทั้งที่แท้จริง เวลาเราทำอาหารขาย ทำเครื่องดื่มขาย คนทำก็ต้องสามารถบอกได้ว่าใช้วัตถุดิบอะไร คนแพ้ กินตัวนี้ได้หรือไม่ หรือแต่ละชนิดมีคุณสมบัติแตกต่างอย่างไรบ้าง แล้วพอปิดกั้นการโฆษณา แล้วเพิ่มโทษให้หนักขนาดนี้ ตรงนี้จึงไม่สามารถทำให้ผู้ประกอบการรายย่อยสามารถโฆษณาได้เลย” นายปดิพัทธ์ กล่าว
นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า ตรงกันข้าม เรากลับเห็นโลโก้โฆษณาสุราเจ้าใหญ่ทั่วทั้งเมือง แต่ก็เลี่ยงบาลีไปเป็นการขายน้ำโซดา ขายน้ำแร่บ้าง ทั้งที่ประชาชนก็รู้ว่าขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือสุราเจ้าใหญ่ก็ไปเป็นสปอนเซอร์ให้กับงานกีฬา และมีการขายเครื่องดื่มภายในงาน โดยที่ไม่มีอะไรผิด
“ผมคิดว่าเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องดี ที่สังคมจะได้มาตั้งคำถามกันเกี่ยวกับความชอบธรรมของมาตรา 32” นายปดิพัทธ์ กล่าว
เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ หากมีคนไปร้อง และตอนนี้มี นายราเมศ รัตนเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาตำหนิว่าไม่เหมาะสม เพราะเป็นถึงรองประธานสภา นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า ก็เป็นสิทธิที่เขาจะมาติง แต่ตนเป็นรองประธานสภา ไม่ได้เป็นเสมียนบรรจุกฎหมาย ตนเองก็ต้องมีความคิดที่จะเสนอต่อสังคมได้เฉกเช่นเดียวกัน และตนก็คิดว่า มาตรา 32 เป็นซีรี่ส์ที่จะต้องทำการผลักดันให้เกิดขึ้นหลังจากที่มีการผ่านกฎหมายสุราก้าวหน้าด้วย
“ผมไม่ได้เมาแล้วขับ ผมไม่ได้เมาแล้วทำร้ายใคร แล้ว ผมเองก็มีความภาคภูมิใจมากที่ผลิตภัณฑ์ของชาวพิษณุโลกควรจะมีคนอื่นได้เห็นด้วย เพราะฉะนั้น ผมคิดว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับศีลธรรมอะไรทั้งสิ้น” นายปดิพัทธ์ กล่าว
เมื่อถามย้ำว่า ไม่กังวลใช่หรือไม่หากมีคนไปร้อง นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า ก็ร้องทุกเรื่องอยู่แล้ว เรื่องใหญ่ๆ ไม่เคยร้อง เรื่องคุณสมบัตินาฬิกา พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี, ยาเสพติด ผู้ต้องหาอะไรไม่เคยมีใครร้อง แต่ก็มาร้องเรื่องเล็ก ไม่เห็นเป็นสาระเลย
เมื่อถามถึงโพสต์ทวิตเตอร์ เมื่อวานที่นายปดิพัทธ์ ยืนยันว่าจะไม่ลาออก เมื่อมีเรื่องนี้มาประกอบด้วย ก็ยังยืนยันว่าจะไม่ลาออกใช่หรือไม่ นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า เรื่องลาออกเป็นการตัดสินใจของพรรค ซึ่งขณะนี้พรรคก้าวไกลยังไม่ตัดสินใจ แต่กลับมีคนอื่นมาตัดสินใจแทนเต็มไปหมดเลย ว่าตัวเองจะต้องลาออกอย่างนั้นอย่างนี้ แล้วก็มีข่าวพร้อมด้วยว่าตนยุติการปฎิบัติหน้าที่แล้ว เพราะฉะนั้น เรื่องนี้ตนได้รับการเลือกตั้งจากสภาฯ และตนได้รับการโปรดเกล้าให้ทำหน้าที่รองประธานสภาฯ แล้วเพราะฉะนั้น ตนจะทำหน้าทีเต็ม 100% จนกว่าที่พรรคจะมีมติเป็นอย่างอื่น เพราะฉะนั้น ตนจึงย้ำเพื่อความชัดเจน จะได้ไม่ต้องมีใครมาบิดเบือนหรือกดดันกัน
เมื่อถามว่า ไม่ได้กดดันใช่หรือไม่ นายปดิพัทธ์ ย้ำว่า คนที่กดดันตอนนี้ คือคนที่อยากตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย หรือคนที่จัดตั้งรัฐบาลโดยที่ต้องตระบัดสัตย์
“ผมว่าคนพวกนั้นกดดันกว่าผมเยอะผมทำหน้าที่สบายๆ” นายปดิพัทธ์ กล่าว