นักวิชาการชี้ "หมออ๋อง" เข้าข่ายผิดเชียร์คราฟท์เบียร์ชัดเจน ตาม กม.ควบคุมเหล้า เหตุเป้นคนดังมีผลจูงใจ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 5 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เจ้าพนักงานสามารถยื่นร้องเอาผิดได้ ต่างจากกรณี "พิธา" ที่ยังคลุมเครือ ต้องเข้าคณะอนุฯพิจารณาก่อน
จากกรณี นายปดิพัทธ์ สันติภาค หรือหมออ๋อง รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 โชว์ภาพกระป๋องคราฟท์เบียร์ในเฟซบุ๊ก ซึ่งมีการกระแสวิพากษ์วิจารณ์และเตือนว่าจะเป็นการกระทำผิดกฎหมาย พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เนื่องอาจเข้าข่ายการโฆษณา แต่นายปดิพัทธ์ระบุว่า เป็นเรื่องดี ทำให้เกิดการถกเถียง ซึ่ง มาตรา 32 พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ปิดกั้นรายย่อย เอื้อรายใหญ่ เพราะมีการเลี่ยงบาลีไปโฆษณาน้ำแร่และโซดา
เมื่อวันที่ 15 ส.ค. ผศ.ดร.บุญอยู่ ขอพรประเสริฐ อนุกรรมการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายหรืออนุบัญญัติตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 กล่าวถึงเรื่องนี้ผ่านรายการเจาะลึกทั่วไทย ว่า ตามหลักกฎหมายมาตรา 32 ระบุไว้เป็น 2 กรณี คือ 1.ห้ามมิให้ผู้ใดโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และ 2.แสดงชื่อ เครื่องหมายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อันเป็นการอวดอ้างสรรพคุณหรือจูงใจให้ผู้อื่นดื่มโดยตรงหรือโดยอ้อม ซึ่งตรงนี้ของนายปดิพัทธ์จะเข้าตรงนี้คือแสดงชื่อหรือเครื่องหมายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และยังมีข้อความว่าของดีพิษณุโลก และใน Tiktok ยังมีการบรรยายสรรพคุณและเป็นการจูงใจ โดยลำพังนายปดิพัทธ์เป็นอินฟลูเอนเซอร์เป็นบุคคลจูงใจ แค่โชว์ภาพโชว์สัญลักษณ์ก็เท่ากับเป็นการจูงใจไปในตัวแล้ว ถ้าตีความตามกฎหมายที่ใช้อยู่ขณะนี้ก็เท่ากับว่าผิดตามมาตรา 32 พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ชัดเจน ซึ่งจะมีบทลงโทษตามมาตรา 43 คือผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 32 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 5 แสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจานกี้ หากยังฝ่าฝืนต่อยังปรับเป็นรายวัน สิ่งที่โพสต์ยังมีการโพสต์ต่อยังมีการปรับวันละไม่เกิน 5 หมื่นบาท จนกว่าจะเปลี่ยนให้ถูกต้อง
ผศ.ดร.บุญอยู่กล่าวอีกว่า กรณีนี้ผู้ที่จะดำเนินการเอาผิดตามกฎหมาย พนักงานเจ้าหน้าที่อยู่ภายใต้สำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) หากเจ้าหน้าที่พบเห็นเป็นที่ประจักษ์การกระทำความผิด ก็สามารถไปแจ้งความร้องทุกข์ได้ หรือมีผู้ร้องเรียนเข้ามายังเจ้าหน้าที่ก็สามารถหาหลักฐานเพิ่มเติมไปแจ้งความดำเนินการร้องทุกข์ได้ แต่มีอีกกรณีคือเจ้าหน้าที่ไม่แน่ใจในการตีความต่างๆ หรือที่ร้องเรียนมาหลักฐานยังคลุมเครือ สำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ก็จะมีคณะอนุกรรมการพิจารณาความผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จะทำหน้าที่พิจารณารณีสำนักงานฯ ขอประชุม เพื่อให้พิจารณากรณีเหล่านี้
"ถ้าส่วนตัวเห็นว่าชัดเจนแล้ว ชัดเจนกว่าเคสที่ผ่านมาเร็วๆ นี้ แทบไม่ต้องตีความเลย อย่างเคสที่แล้วมีการตีความกันอยู่ มีคนร้องก็กำลังรอนัดประชุมคณะอนุฯ พิจารณาความผิด" ผศ.ดร.บุญอยู่กล่าว
ถามถึงกรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่เคยออกมาพูดเชียร์สุราชุมชน ก็ยังคลุมเครือใช่หรือไม่ ผศ.ดร.บุญอยู่กล่าวว่า ยังมีความคลุมเครือเหมือนว่าไปพูดเป็นข่าวแล้วพูดนโยบายยกตัวอย่าง แต่มีการออกชื่อต่างๆ ซึ่งมีผลต่อการโปรโมตทำให้ขายหมดเกลี้ยงขาย ขายดี มันประจักษ์ชัดว่า การมีบุคคลมีชื่อเสียงหรือคนระดับผู้นำไปพูด ทำให้สินคึ้าได้รับการโปรโมตในตัวมัน เล็งเห็นผลมาแล้ว ไม่ได้โดยไร่เจตนาโดยสิ้นเชิงและเกิดผลด้วย
ถามกรณีนายปดิพัทธ์อ้างว่าเพื่อให้เกิดการต่อสู้แก้กฎหมาย เพราะไม่เห็นด้วยกับกฎหมายที่เอื้อนายทุน จะอ้างเช่นนี้ได้หรือไม่ ผศ.ดร.บุญอยู่ กล่าวว่า ต้องแยกกัน เพราะคนละประเด็น ตอนนี้กฎหมายบังคับใช้อยู่ ไม่เห็นด้วยก็ไปแก้กฎหมาย ตอนนี้ไม่ว่าพรรคก้าวไกลหรือกลุ่มที่เกี่ยวข้องกลุ่มหนึ่ง กลุ่มผู้ประกอบการส่วนหนึ่ง ร่วมประชาชนส่วนหนึ่งผู้ดื่ม ก็ไปยื่นแก้กฎหมายตัวนี้ ก็ยังคาอยู่ในสภา ถือเป็นคนละตอนกัน ตอนนี้กฎหมายยังไม่แก้ก็ต้องใช้กฎหมายตัวนี้บังคับไปก่อน หากจะไปแก้ไขอะไรก็อีกเรื่อง ตอนนี้ สธ.ก็ร่างอีกฉบับประกบเข้าไปเช่นกัน