“สามารถ” ซัด พฤติกรรม พิธา-ก้าวไกล ตรวจสอบทุกคน ไม่ตรวจสอบพวกตัวเอง ฟาด “ระบบพิธา” น่ากลัวกว่า “ระบบทักษิณ” จี้ ขอโทษประชาชน “ดร.เสรี” ยก “12 เหตุผล” ตั้งรัฐบาลเพื่อไทยไม่ราบรื่น จับตา 22 ส.ค. “จบ” หรือ “จอด”
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (15 ส.ค. 66) นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก สามารถ เจนชัยจิตรวนิช ระบุว่า
“สามารถ 5 นาที โวย ระบบพิธาน่ากลัวกว่าระบบทักษิณ นิ่งดูดายไม่ได้ สังคมต้องช่วยกัน
วันนี้ นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้แสดงความเห็นผ่านรายการสามารถ 5 นาที ว่า
สวัสดีครับพ่อแม่พี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศครับ วันนี้ผม สามารถ เจนชัยจิตรวนิช ก็จะมาสื่อสารกับพ่อแม่พี่น้องประชาชน ผ่านรายการสามารถ 5 นาที ช่องทางเฟซบุ๊ก สามารถ เจนชัยจิตรวนิช และช่องทาง TikTok: jopstoploss ครับ
วันนี้จะมาสื่อสารกับพ่อแม่พี่น้องประชาชน ก็คือ เรื่องที่พ่อแม่พี่น้องส่งข้อมูลมาให้ผม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ ส.ส.พรรคก้าวไกล มีการทำร้ายร่างกาย ทะเลาะวิวาทไปเมื่อวันก่อน ซึ่งผมก็ยังไม่เห็นพรรคก้าวไกลออกมาขอโทษประชาชนเรื่องนี้ ซึ่งสิ่งที่ผมอยากจะสื่อสาร ก็คือ เราเคยได้ยินนะครับระบบทักษิณ และก็มีคนพูดว่าระบบประยุทธ์ แต่สิ่งสำคัญที่สุด ระบบที่น่ากลัวที่สุด คือ ระบบพิธาครับ ระบบพิธาน่ากลัวยังไงครับ
คือ ตรวจสอบทุกคน แต่ไม่ตรวจสอบพวกตัวเองครับ เช่น คุณพิธา นั่งซ้อนมอเตอร์ไซค์ตอนเปิดตัวในการจับมือตั้งรัฐบาล ถ้าจำกันได้ มีการรวมเสียงเป็นนายกรัฐมนตรี คุณพิธา บอกกลัวมาไม่ทัน จึงนั่งซ้อนมอไซค์มาครับ ปรากฏว่าไม่สวมหมวกกันน็อก ไม่เห็นมีคนออกไปต่อว่าคุณพิธาเลยครับแล้วก็ปล่อยให้เรื่องนี้เงียบไป คุณพิธาก็ไม่ได้ไปจ่ายค่าปรับ คนขับรถมอไซค์คนนั้นก็ไม่ถูกปรับ เหมือนไม่มีการกระทำความผิดเกิดขึ้น
แต่ย้อนกลับไปผมจำได้สมัย พลเอก ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ประกาศเรื่องการใส่หน้ากาก พอ พลเอก ประยุทธ์ ไม่ใส่หน้ากาก กลุ่มทัวร์ลง พลเอก ประยุทธ์ ครับ ส่วน พลเอก ประยุทธ์ ยอมจ่ายค่าปรับ 6,000 บาท ถ้าผมจำไม่ผิด
แต่ในทางกลับกัน ระบบพิธาไม่ตรวจสอบพวกเดียวกัน แต่ตรวจสอบฝั่งตรงข้าม เรียกร้องให้ทุกคนเคารพสิทธิตัวเอง แต่สิทธิคนอื่นไม่เคารพ เช่น พอ ส.ว. โหวตไม่เห็นด้วยก็เอาทัวร์ไปลง ส.ว. เอาป้ายไปแปะไล่ ส.ว. บ้าง นี่คือสิ่งที่ผมบอกว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่ากลัวครับ
ต่อมาในกรณี ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล เมาแล้วขับ ยังไงก็ถูกให้ออกอยู่แล้วครับ แต่มาแสดงสปิริตบอกว่าลาออก เพราะยังไงศาลมีคำพิพากษาศาลให้จำคุกรอลงอาญายังไงต้องออกจาก ส.ส.ครับ
ส่วนอีกคนนึงมีโทษเคยจำคุกข้อหาเกี่ยวกับทรัพย์ ซึ่งเป็นคุณสมบัติต้องห้ามการเป็น ส.ส. ส.ส.ที่อยู่ระยองก็บอกว่ามาแสดงสปิริตลาออกครับ ยังไงก็ต้องออกอยู่แล้วครับ เพราะไม่มีสิทธิเข้ามาสมัคร ส.ส. แต่ต้น แต่ก็ไม่เห็นกระบวนการตรวจสอบทำอะไร ตรวจสอบตั๋วทุกใบ ตั๋วช้างตั๋วนี้ตรวจสอบหมด แต่ในทางกลับกัน ตั๋วปารีสไม่เห็นตรวจสอบ
นั่นก็คือ สิ่งที่บอกว่าพอตัวเองได้ประโยชน์ก็ไม่ตรวจสอบ ถ้าเป็นพวกพ้องตัวเองก็ไม่ตรวจสอบ มี ส.ส.ตลิ่งชันทำร้ายผู้หญิงเรื่องนี้ก็เงียบไป ก็เพราะอาจจะมีการไกล่เกลี่ยผู้หญิงยอมถอนแจ้งความ แต่เรื่องเหล่านี้ ที่ผมกำลังจะพูดให้ฟังว่าถ้าจะตรวจสอบคนอื่น ก็ต้องพร้อมถูกตรวจสอบด้วยเช่นเดียวกัน
นั่นคือ ระบบที่ผมพูดว่าน่ากลัวที่สุด คือ การที่พยายามตรวจสอบคนอื่น แต่ปิดกั้นไม่ตรวจสอบพวกตัวเองเรื่องนี้อันตรายที่สุด
คุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ถือหุ้นสื่อไอทีวี วันนี้ก็ออกมาพูดว่าไอทีวีอยู่ไหน ช่องไหนมองไม่เห็น ก็ไอทีวีเขาเป็นสื่อแล้วตอนนี้ก็ร้องศาลปกครองอยู่ คุณพิธาก็เคยพูดตลอดครับว่า ตราบใดที่ยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุดก็ยังคือผู้บริสุทธิ์
การที่คุณพิธาบอกว่า วันนี้ศาลสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ก็ยังไม่ได้ถูกถอดถอน เพราะยังไม่มีคำสั่งศาล ก็เช่นเดียวกับบริษัท ไอทีวี ครับ ที่ยังไม่มีคำสั่งของศาลปกครองสูงสุด ว่า สรุปปิดหรือเปิดครับ ในทางกลับกัน ถ้าศาลปกครองสูงสุดเขาสั่งให้ไอทีวีกลับมาดำเนินกิจการได้ ก็ดำเนินกิจการได้ทันทีครับ ฉะนั้นเรื่องนี้ คุณพิธา รู้อยู่แก่ใจอยู่แล้วว่าไอทีวีเป็นสื่อหรือเปล่า
นั่นคือ สิ่งที่ผมออกมาพูดว่า ระบบพิธามันน่ากลัวกว่าระบบอื่นๆ ครับ เพราะตรวจสอบทุกคน แต่ไม่ให้ตรวจสอบพวกตัวเอง ขอบคุณครับ”
ขณะเดียวกัน ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านการตลาดและการสื่อสาร โพสต์เฟซบุ๊กว่า
“การจัดตั้งรัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ น่าจะไม่ราบรื่นเท่าใดนัก เพราะยังมีประเด็นที่เป็นปัญหาอยู่หลายเรื่อง และหลายเรื่องแก้ยาก
1. ด้อมส้มไม่พอใจ และก่อกวนพรรคเพื่อไทย และภูมิใจไทย ที่เป็นสารตั้งต้น และไม่น่าจะยุติง่ายๆ แม้ว่าจะจุดไม่ติด
2. ด้อมแดงก็ไม่พอใจที่เพื่อไทยไปรวมกับพรรคร่วมรัฐบาลปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพรรค 2 ลุง ที่พวกเขาตราหน้าว่าเป็นพรรคเผด็จการ
3. ด้อมส้มผสมโรงเป็นด้อมแดงออกมาอาละวาดที่พรรคเพื่อไทย ทวงบุญคุณว่า เคยหนุนทักษิณและยิ่งลักษณ์มาตลอด ตอนนี้ถูกทรยศ
4. เศรษฐา ที่เป็น candidate มี dark side ที่สร้างความกังขาให้กับหลายฝ่าย ที่อาจจะตัดสินใจไม่เห็นชอบให้เศรษฐาเป็นนายกรัฐมนตรี
5. คนยังกังขาว่ามี deal ลับอะไรระหว่างเพื่อไทยกับก้าวไกลหรือไม่ เพราะมีข่าวเรื่องนายใหญ่กับผู้นำจิตวิญญาณพบกันที่ฮ่องกง
6. ในการแถลงของพรรคเพื่อไทย มีกลิ่นอายนโยบายของพรรคก้าวไกลโชยออกมาแรงมาก ทำให้หลายฝ่ายสงสัยว่ามีข้อตกลงอะไรหรือเปล่า
7. พิธาพูดว่าพรรคของเขาอาจจะไม่ใช่พรรคฝ่ายค้าน ทำให้หลายฝ่ายกังวลว่า เมื่อเพื่อไทยได้ตำแหน่งนายกฯแล้วจะปรับ ครม. เอาก้าวไกลเข้ามาหรือไม่
8. พรรคเพื่อไทยพูดชัดเจนว่า ประชุมสมัยแรกจะเดินหน้าตั้ง ส.ส.ร. ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ หลายคนกังวลว่าจะมีวาระซ่อนเร้นที่ไม่ดีงามบางอย่าง
9. การแถลงตั้งรัฐบาลของหมอชลน่าน ยังพูดเรื่องวิกฤตรัฐธรรมนูญ วิกฤตเศรษฐกิจที่ถ้าหากอ่านระหว่างบรรทัด เป็นการด้อยค่าผลงานรัฐบาลเดิม
10. คนของเพื่อไทยยังไม่หยุดพูดจาด่าทอส่อเสียดผลงานของรัฐบาลที่รักษาการอยู่ในปัจจุบัน ทำให้การก้าวสู่ความปรองดองเป็นไปได้ยาก
11. เรื่องของแบ่งกระทรวง ก็อาจจะเป็นปัญหา เพราะเศรษฐาไม่อยากให้พรรคร่วมยึดครองกระทรวงเดิม แต่พรรคร่วมอยากได้กระทรวงเดิมเพื่อสานต่อ
12. พรรคร่วมอยากให้มีการแบ่งกระทรวงให้ชัดเจนก่อนโหวตนายกรัฐมนตรี แต่เพื่อไทยอยากให้โหวดนายกรัฐมนตรีก่อน
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว วันที่ 22 สิงหาฯ ไม่รู้ว่าจะ “จบ” หรือจะ “จอด” ถ้าจบก็เดินหน้าพัฒนาประเทศ ถ้าจอด ก็ได้เวลาพรรคที่ได้ที่ 3 หรือเปล่า
ถ้าหากไม่มีคนจำนวนมากหลงเชื่อนโยบายประชานิยมที่บางพรรคเอามาหลอกให้ลงคะแนนให้ เราคงไม่มาถึงจุดที่ยุ่งยากนี้
ไม่รู้คนที่ถูกหลอกรู้สึกเสียใจกันบ้างหรือเปล่านะ.”