“เพื่อไทย” ไม่หวั่น ส.ว.เข้าใจผิดคุย “ก้าวไกล” ย้ำไม่ได้ชวนร่วมรัฐบาล แต่ขอความร่วมมือช่วยกันปลดล็อกรัฐธรรมนูญ ลั่นรวมเสียงพอโหวตนายกฯ แบบม้วนเดียวจบ
วันนี้ (10 ส.ค.) ภายหลังการแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลระหว่างพรรคเพื่อไทย และพรรคชาติไทยพัฒนา ที่อาคารรัฐสภา นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ตอบคำถามสื่อมวลชนต่อกรณีที่เมื่อวานนี้ (9 ส.ค.) พรรคเพื่อไทยได้ไปเจรจากับพรรคก้าวไกล ซึ่ง ส.ว.มีความกังวลว่าพรรคเพื่อไทยกำลังหลอกให้พรรคก้าวไกลถอยเป็นฝ่ายค้านปลอมๆ ว่า เรากับพรรคก้าวไกลพยายามจัดตั้งรัฐบาลร่วมกัน โดยมีพรรคก้าวไกลเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ผลการทำหน้าที่ในนาม 8 พรรคร่วม 312 เสียงไม่ประสบผลสำเร็จ ไม่ได้รับการสนับสนุนเสียงในรัฐสภา พรรคเพื่อไทยได้รับการส่งมอบจากพรรคก้าวไกลเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เราพยายามถึงที่สุดในการขอคะแนนจากทุกพรรคทุกฝ่าย
จากการสอบถาม ส.ส.และ ส.ว.รายบุคคล และพรรคการเมืองอย่างเปิดเผย เราต้องการคำตอบที่เปิดเผยว่าเหตุใดถึงไม่ลงคะแนนให้กรณีจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคก้าวไกล ได้คำตอบชัดเจนจาก 4 พรรคการเมืองไม่ว่าจะแก้ไขหรือไม่แก้ไขกฎหมายมาตรา 112 ก็จะไม่ร่วมรัฐบาล และไม่สามารถลงคะแนนให้ได้ มีเพียงหนึ่งพรรคการเมืองที่ระบุว่าหากมีการปลดล็อกเงื่อนไขไม่แตะต้องและแก้ไขกฎหมายมาตรา 112 จะเข้าร่วมรัฐบาลได้ เราจึงมีความจำเป็นในการขอคะแนนหาเสียงเพิ่มจากพรรคอื่น ภายใต้เงื่อนไขถ้ามีพรรคก้าวไกลอยู่ร่วมจัดตั้งรัฐบาลจะไม่ได้คะแนน การบริหารจัดการนี้เราจำยอมจะต้องทำ เราไม่เคยเกลียดพรรคก้าวไกล ไม่เคยปฏิเสธเสียงของพี่น้องประชาชน แต่ในสถานการณ์อย่างนี้พรรคก้าวไกลไม่เดินหน้าทำอะไร ปล่อยให้บ้านเมืองเป็นอย่างนี้เท่ากับปฏิเสธความรับผิดชอบต่อประชาชนและบ้านเมือง ดังนั้นการแสวงหาเสียงเพิ่มเติมเป็นสิทธิโดยชอบธรรมที่ได้รับมอบหมาย
ส่วน ส.ว.ที่มีข้อกังวล การที่พรรคเพื่อไทยไปคุยกับทุกพรรคเพื่อขอคะแนนโหวตนายกฯ ไม่ใช่จัดตั้งรัฐบาล เพราะเราติดล็อกรัฐธรรมนูญจึงพยายามขอให้ทุกพรรคทุกฝ่ายมีส่วนร่วม ดังนั้นการไปคุยกับพรรคก้าวไกลเป็นเพียงเจตจำนงเพื่อไปสอบถามขอความร่วมมือในการปลดล็อกเงื่อนไขรัฐธรรมนูญ ไม่ได้เชิญพรรคก้าวไกลให้เข้าร่วมรัฐบาล เชื่อว่าความกังวลของ ส.ว.เราสามารถตอบคำถามได้ น่าจะได้รับการยอมรับ
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การไปคุยกับพรรคก้าวไกลไม่ใช่สิ่งผิดปกติ เราไปทุกพรรค ทุกฝ่าย ทุกคนสะท้อนว่าเราต้องการสลายขั้วความขัดแย้งในพรรคการเมือง เราไม่ได้เชิญพรรคก้าวไกลมาร่วมรัฐบาล เพราะเราชัดเจนตั้งแต่แยกกันใน MOU พรรคก้าวไกลจะเป็นฝ่ายค้าน และพรรคเพื่อไทยมาตั้งรัฐบาล เราเพียงรับฟังความเห็นเพื่อให้การตั้งรัฐบาลสามารถสร้างมิติการเมืองใหม่ พรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล ในฐานะพรรคฝ่ายรัฐบาลและพรรคฝ่ายค้านอยู่ในสภา เราจะทำงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์
อะไรที่เป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชน เราทำได้ทุกเรื่อง ยกเว้นการแก้ไขกฎหมายมาตรา 112 และเรื่องที่เกี่ยวข้องสถาบันหลักของประเทศ ตนเองไม่เชื่อว่า ส.ส. ส.ว.และกลุ่มองค์กรต่างๆ ที่เราขอความร่วมมือจะมีปัญหา วันนี้เราจัดตั้งรัฐบาลมิติใหม่ ไม่ใช่เอาเรื่องผลประโยชน์ของพรรคการเมืองเป็นที่ตั้งแล้วมาแบ่งแยกแข่งขันครองกระทรวง สิ่งที่ต้องการอันดับแรก คือ การแก้ไขวิกฤตประเทศ ขอให้ความไว้วางใจกับพรรคเพื่อไทยและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย เราจะเป็นแกนนำในการประสานงาน ทุกพรรคทุกฝ่ายให้ความไว้วางใจ ทีมงานของพรรคเพื่อไทยมีคุณสมบัติมากพอที่จะแก้ไข วิกฤตประเทศ
เมื่อถามว่าหลังการประกาศสลายขั้ว เหตุใดจึงไม่เชิญพรรคประชาธิปัตย์ พรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมไทยสร้างชาติ มาพูดคุยร่วมรัฐบาล นายภูมิธรรม ระบุว่า เราไม่ได้เชิญใครมาร่วมรัฐบาล เราชวนมาโหวตให้ไว้วางใจกับพรรคเพื่อไทย และแคนดิเดตนายกฯ ได้คุยหมดแล้วทุกกลุ่ม แต่กระบวนการต่างๆ ก็เป็นไปตามกรอบเวลา
ผู้สื่อข่าวถามว่าจากการพูดคุย พรรคก้าวไกลจะโหวตให้พรรคเพื่อไทยหรือไม่ หากไม่โหวตจะต้องพูดคุยกับพรรคประชาธิปัตย์ พรรครวมไทยสร้างชาติ และพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เราได้คุยตั้งแต่เมื่อวาน เราได้พูดคุยสถานการณ์พิเศษกับเจตจำนงของพรรคเพื่อไทย เราก็ให้แต่ละฝ่ายไปไตร่ตรองและคิด เพราะมีเวลาโหวตอีกหลายวัน พรรคใดพร้อมเราก็เปิดทีละพรรค ยังไม่พร้อมก็พิสูจน์ในวันโหวตนายกฯ
นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า หนทางการจัดตั้งรัฐบาลเพื่อไทย เราพยายามหาทางออกที่ดีที่สุดสำหรับความต้องการของประชาชน เช่น การไปเจรจากับพรรคการเมือง และ ส.ว.ให้มาลงคะแนนโดยไม่มีเงื่อนไข เราต้องตั้งรัฐบาลให้สำเร็จ คาราคาซังแบบนี้ไม่ได้ จึงต้องแสวงหาทางเลือกอื่น พรรคเพื่อไทยใช้ต้นทุนสูงมาก เรารณรงค์ให้พี่น้องประชาชนไว้ใจเรา “แลนด์สไลด์” แต่เราทำไม่สำเร็จต้องยอมรับ
เมื่อถามว่า 238 เสียงที่มี ตอนนี้ยังเหลือพรรคประชาธิปัตย์ พรรครวมไทยสร้างชาติ และพรรคพลังประชารัฐ จะดึงเข้าร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า การจัดตั้งรัฐบาลมีเสถียรภาพต้องเป็นเสียงข้างมาก หลายพรรคมีเงื่อนไขว่าเป็นเสียงข้างน้อยจะไม่ร่วมรัฐบาล เราให้คำรับรองว่าเรามีเสียงข้างมากเกินกึ่งหนึ่ง ส่วนจะเป็นเสียงข้างมากเด็ดขาดถึง 300 เสียงหรือไม่ อยู่ระหว่างขั้นตอน
“พรรคเพื่อไทยมีข้อจำกัดมาก เราพยายามทำทางเลือกที่ดีที่สุดบนพื้นฐานความเป็นไปได้ หากเป็นไปไม่ได้ทางเลือกต่อมา เราก็ต้องเลือก เพราะเราเชื่อว่าเราจัดตั้งรัฐบาลได้ เราจะทำเพื่อประเทศชาติบ้านเมือง ผลการทำงานเป็นเครื่องพิสูจน์ของพรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมรัฐบาล”
นายภูมิธรรม ระบุว่า ขณะนี้เราได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งแล้ว ก่อนถึงวันเลือกนายกฯ เราจะมีเสียงให้เห็นว่าสามารถเลือกนายกฯ จากเราแบบม้วนเดียวจบได้