“เจี๊ยบ” โต้ “แขก คำผกา” ปมดรามาเคยหาเสียง “โจมตีภูมิใจไทย” แล้วดึงมาร่วมรัฐบาล หลังอีกฝ่าย อ้าง “ก้าวไกล” ยังอยากร่วมกับ “เพื่อไทย” “สุหฤท” เป็นงง เรามาถึงจุดตกต่ำ “บก.ลายจุด” ชี้ กรณี สะสมแนวร่วม “ทะลุวัง” ทำพัง
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (8 ส.ค.) เพจเฟซบุ๊ก Amarat Chokepamitkul อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ของ นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล อดีต ส.ส.ก้าวไกล โพสต์ภาพ ข้อความทวิตเตอร์ของ “แขก คำผกา” พร้อมระบุว่า
“เจ้าของโพสต์นี้มีการพาดพิงถึงดิฉันหลายวาระ วันนี้ขอแสดงความเห็นต่อโพสต์ล่าสุดนี้อย่างสุจริตใจ แบ่งเป็น 2 ส่วนคือ ที่เห็นด้วย กับไม่เห็นด้วย
ส่วนที่ “เห็นด้วยกับเจ้าของโพสต์” คือ ดิฉันดีใจที่มีการยอมรับกันเสียทีว่า การวิจารณ์หรือโจมตีคู่แข่งในช่วงรณรงค์หาเสียงเป็นเรื่องปกติที่สามารถทำได้
(ถ้าทำโดยมีหลักฐานรองรับ ไม่ใช่การใส่ร้ายป้ายสี)
บนเวทีหาเสียงบางเวที ในฐานะพรรคคู่แข่งขัน ดิฉันได้กล่าวถึงข้อเท็จจริงที่ไปพาดพิงพรรคเพื่อไทยอยู่ 2 ประเด็น คือ
1. ประเด็นแกนนำ พท.ตอบคำถามเรื่องจะร่วมกับพรรค 2 ลุงหรือไม่อย่างอึกอักและคลุมเครือ (พึ่งจะยอมตอบชัดเจนขึ้นในโค้งสุดท้าย ภายหลังจากมีแรงกดดันมากเข้า)
2. ประเด็นช่วงปี 2555 รัฐบาลพรรคเพื่อไทย มีโอกาสลงนามใน icc แต่ไม่ทำ (เรื่องนี้หาอ่านรายละเอียดได้จากที่ อ.ธิดา อดีตประธาน นปช.เคยกล่าวไว้ในหลายวาระ)
เนื่องจากดิฉันปราศรัยเพื่อขายนโยบายพรรคก้าวไกล ว่า ถ้ามีอำนาจเราจะลงนาม icc เพื่อ #ทวงความยุติธรรมให้คนเสื้อแดง99ศพ เพื่อหยุดวัฒนธรรมคนสั่งฆ่าลอยนวลพ้นผิด และเพื่อป้องปรามรัฐประหารในอนาคต จึงมีการพาดพิงข้อมูลในอดีตเพื่อให้คนฟังเข้าใจบริบท
ส่วนที่ “ไม่เห็นด้วยกับเจ้าของโพสต์” คือ การยกตัวอย่างประกอบว่า เลือกตั้งเสร็จแล้ว #ก้าวไกล ยังอยากจะรวมกับ #เพื่อไทย เลย
แล้วทำไม #เพื่อไทย ที่เคยโจมตีภูมิใจไทยช่วงหาเสียงจะรวมกับ #ภูมิใจไทย บ้างไม่ได้
เรื่องนี้เป็นเพราะมองว่า พรรคเพื่อไทยคือพันธมิตรฝั่ง ปชต.ด้วยกัน ที่ผ่านมา พรรค พท.ต่อต้านการรัฐประหาร ไม่เคยเป็นนั่งร้านให้กับการสืบทอดอำนาจมาก่อน
ส่วนพรรคภูมิใจไทยตรงกันข้าม
จึงนำมาเปรียบเทียบกันไม่ได้
.........................
ปล. เลขาธิการพรรคเพื่อไทย พี่อ้วน ภูมิธรรม ก็ได้เคยทวีตเสียดสีพรรคก้าวไกลในหลายโอกาส เช่น ฝันไกลถึงดวงดาวแต่ไปไกลได้แค่ยอดมะพร้าว เป็นต้น”
ขณะเดียวกัน นายสุหฤท สยามวาลา นักธุรกิจและนักจัดรายการชื่อดัง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก DJ Suharit Siamwalla ระบุว่า
“ความเห็นสามสี่ข้อดังนี้ (มีหลายข้อนะอ่านเพลิน)
แด่กลุ่มทะลุวัง
จะโกรธอะไรแค่ไหนก็ประท้วงแบบคนที่เจริญแล้วก็ได้ มีคนโกรธร่วมด้วยมากมาย ความหยาบคายจะกลบทุกอย่างลงสิ้น ตอนนี้หยาบเกินบรรยายจร้า ไม่มีประโยชน์นะ ลองหาครีเอทีฟสร้างสรรค์เก่งๆ ในกลุ่มดู
แด่เพื่อไทย
ไม่รู้ว่ามาถึงจุดนี้ได้อย่างไรเลย คือ งงมากๆ งงแบบที่สุด ผมไม่ติดด้วยถ้าจะได้นายกฯ จากเพื่อไทย จริงๆ นะ ถ้ามันสง่างามมีคลาสกว่านี้ แต่ถ้าทำเพื่อให้ทักษิณกลับบ้านให้ได้ คุณทักษิณก็โหดเหี้ยมเกินเบอร์มากๆ มีอีกกี่ชีวิตในเพื่อไทยหรือคนที่รักที่แบกคุณเขาจะโกรธแค้นอ่ะ งง มากจริงๆ มึนสุด มันไม่ใช่การพูดหลอกการหาเสียงนะ มันคือคำสัตย์ที่สัญญาไว้
แด่ผู้รักลุง
มีแต่คนด่าเพื่อไทย แต่ถ้าพรรคของลุงมาร่วมกับเพื่อไทยจริงๆ ผมก็ว่าน่าละอายมากๆ มากที่สุด มันไม่มีชัยชนะอะไรเลยนะ เราอยู่บนรัฐบาลที่ตั้งขึ้นด้วยกลอุบายตั้งแต่แรก จะรักกันร่วมกันบริหารเพื่อประเทศอย่างไรอ่ะ งงมากๆ อึนสุดๆ นอกจากจะสะใจที่หลอกเพื่อไทยสำเร็จ การบริหารงานราชการช่างแม่ง
แด่ก้าวไกล
คุณไม่ใช่เทวดามาจากไหนนะ มันไม่มีเทวดาที่จะอยู่ในนรกได้ อยู่ในการเมืองไทยเป็นเทวดาไม่ได้ เพราะมันคือนรกที่แฝงอำนาจที่หอมหวล จงเป็นมนุษย์ที่เข้าใจมนุษย์ที่กำลังอยู่ในนรก แบบประชาชน มนุษย์แบบก้าวไกลต้องมีจุดยืนที่น่ายกย่อง สัญญาไว้สามร้อยอย่างถ้าทำสำเร็จ 299 อย่าง พลาดข้อเดียวก็ยังดี น่าจะรู้ว่าข้อไหน และโปรดรังเกียจพรรคที่บอกว่ายังไงกูก็ไม่เอาก้าวไกลแบบเหมารวม มันไร้เหตุเกินไป
ใครไม่งง กูงงครับ ว่าเรามาถึงจุดตกต่ำอะไรได้ขนาดนี้
จากผมที่เป็นมนุษย์ที่อยู่ในนรกการเมืองไทย ทุกคนอยู่กลุ่มความเชื่อไหนก็ตามจะรู้สึกแย่หมด
สุหฤท สยามการเมืองไทยหมดศักดิ์ศรีสิ้นแล้ว”
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก สมบัติ บุญงามอนงค์ ระบุว่า
“โอวเลี้ยง
การเคลื่อนไหวทางการเมืองเป็นการสื่อสารไปที่ตัวปัญหา เราต้องชี้ว่า ปัญหาของประเทศคืออะไร โดยใช้รูปแบบการเคลื่อนไหวดึงดูดความสนใจของสื่อและสังคม และใช้จังหวะที่ความสนใจเกิดขึ้นเราต้องชี้ให้เห็นว่า อะไรคือปัญหา
ความท้าทายของการเคลื่อนไหวส่วนหนึ่งเกิดจากรูปแบบและวิธีการในการประท้วง เพราะวิธีการปกติในการชี้ปัญหาไม่สามารถดึงดูดความสนใจของสาธารณชนได้ เช่น การไปยื่นหนังสือ หรือการไปถือป้ายประท้วง ดังนั้น นักเคลื่อนไหวจึงพัฒนาระดับความแรงของการเคลื่อนไหวในรูปแบบต่างๆ จนบางครั้งความแรงของรูปแบบบดบังเนื้อหาหรือเป็นอุปสรรค์ต่อการสื่อสารปัญหาที่ตั้งใจไว้
นอกจากนั้น การเคลื่อนไหวทางการเมืองยังต้องพิจารณาเรื่องการสร้างแนวร่วม การสร้างการยอมรับ แน่นอนว่าในสังคมย่อมมีมุมมองต่อการเคลื่อนไหวหนึ่งๆ ไปหลายทาง แต่ต้องพยายามทำให้ฝ่ายเดียวกันเห็นด้วยและฝ่ายที่อยู่กลางๆ เห็นด้วยหรือไม่ต่อต้าน การสะสมแนวร่วมเช่นนี้เป็นงานระยะยาว ต้องระมัดระวังที่จะทำมันพัง และต้องคำนึงถึงผลทางกฎหมายที่ต้องแบกรับหลังการเคลื่อนไหว แม้ไม่ให้ความสำคัญแต่ต้น แต่ท้ายที่สุดสิ่งนี้เราจะต้องเผชิญหน้ากับมันแน่นอน
ผมไม่สงสัยในความเสียสละความมุ่งมั่นของน้องๆทะลุวังและคิดว่า ตนเองเข้าใจความรู้สึกไม่แตกต่างจากพวกเรา แต่ผมเห็นว่าวิธีการที่ทำอยู่ในช่วงหลังๆ นี้ ต้องทบทวนและคิดอ่านเรื่องวิธีการเคลื่อนไหว ถ้าสิ่งที่ผมเสนอไปนั้นน้องๆ คิดว่า เป็นความพยายามในการส่งความปรารถนาดี จะให้โอกาสพี่เลี้ยงโอวเลี้ยงและสนทนากัน ผมจะยินดีเป็นอย่างยิ่ง แต่หากคิดว่าผมสำคัญตนผิดผมขออภัยมา ณ ที่นี้”