ครช.- กลุ่ม 24 มิถุนาฯ บุกศาล รธน.จี้ปัดตกคำร้องสถานะ ส.ส. “พิธา” ปมถือหุ้นสื่อ-ยุบพรรคก้าวไกล ชี้ชงแก้ ม.112 ตามขั้นตอนกฎหมาย กาหัว ภท.อภิปรายยกเป็นข้ออ้างไม่โหวตให้เป็นนายกเข้าข่ายล้มล้าง ชวนแต่งดำฌาปนกิจศพ ส.ว.19 ก.ค.นี้
วันนี้ (18 ก.ค.) กลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย และคณะรณรงค์รัฐธรรมนูญประชาชน (ครช.) ประมาณ 20 คน นำโดย นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข เดินทางมายื่นหนังสือต่อศาลรัฐธรรมนูญ คัดค้านคำร้องของ กกต.ที่ขอให้วินิจฉัยให้สมาชิกภาพ ส.ส.ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและแคนดิเนตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98(3) ประกอบมาตรา 101(6) จากเหตถถือหุ้นบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) และกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยเกี่ยวกับนโยบายการแก้ไขมาตรา 112 ซึ่งอาจเป็นเหตุให้สั่งยุบพรรคก้าวไกล ท่ามกลางการดูแลของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และกองร้อยน้ำหวาน หรือตำรวจควบคุมฝูงชนหญิง ที่มีการวางกำลังดูแลพื้นที่บริเวณโดยรอบอาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ หรืออาคาร A มีการนำแผงเหล็กมากั้น บริเวณด้านหน้าห่างจากตัวอาคาร ประมาณ 50 เมตร โดยมีเจ้าหน้าที่ศาลฯ เป็นผู้รับหนังสือร้องเรียน
ทั้งนี้ แกนนำผู้ชุมนุมได้สลับกันปราศรัย และอ่านแถลงการณ์ โดย นายสมยศ กล่าวตอนหนึ่งว่า ปกติแล้วหลังการเลือกตั้งในหลายประเทศทั่วโลก ภายใน 1 สัปดาห์ก็สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ แต่ประเทศไทยผ่านมา 2 เดือนยังคงไม่จบสิ้น เราพบว่า กกต.ใช้เวลาไม่นานในการเร่งรัดพิจารณากรณีการถือหุ้นสื่อ itv ของนายพิธา และส่งเรื่องมาที่ศาลรัฐธรรมนูญ โดยวิญญูชนทั้งหลายเข้าใจว่า เป็นการใช้กฎหมายโดยไม่สุจริตเพื่อล้มล้างประชาธิปไตย ดังนั้น วันนี้จึงมายื่นหนังสือต่อศาล เพื่อขอให้ไม่รับเรื่องเหล่านี้ เพราะถ้าหยิบมาพิจารณาจะนำมาซึ่งความขัดแย้งในสังคม จะนำมาซึ่งการทำลายประชาธิปไตย
นายสมยศ ยังระบุว่า การแก้ไขมาตรา 112 ของพรรคก้าวไกล และการขอยกเลิกมาตรา 112 ของคณะราษฎรนั้นเป็นการใช้กระบวนการนิติบัญญัติตามรัฐธรรมนูญ โดยพรรคก้าวไกลกระทำในฐานะเป็นผู้แทนปวงชนไทย คณะราษฎรก็เข้าชื่อหมื่นชื่อขอให้แก้ไข กฎหมายกำหนดจึง เป็นสิทธิเสรีภาพของประชาชน หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการกระทำดังกล่าวผิดสิทธิของประชาชนก็จะถูกละเมิด บ้านเมืองก็จะหายนะ
นายสมยศ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ฝ่ายกฎหมายกำลังศึกษาข้อกฎหมาย และรวบรวมความเห็นในการอภิปรายโหวตนายกฯ เมื่อวันที่ 13 ก.ค.ที่มีการหยิบยกเรื่องมาตรา 112 ขึ้นมานั้น เป็นข้ออ้างในการไม่โหวตนายพิธาเป็นนายกฯ อาจจะเข้าข่ายล้มล้างการปกครอง ทำให้ประชาธิปไตยหยุดลง ทำให้เสียงข้างมากของรัฐสภาไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ กระบวนการที่ ส.ว.กำลังดำเนินการนั้นเป็นการขัดขวางประชาธิปไตย บ่อนทำลายความมั่นคงของประชาธิปไตย ทำให้หลักการประชาธิปไตยในรัฐธรรมนูญและสากลนานาประเทศเสียหาย ฉะนั้น จะเห็นว่า กระบวนการล้มล้างการปกครองได้เกิดขึ้นแล้ว แม้กระทั่งในสภาผู้แทนราษฎร ของส.ส โดยเฉพาะพรรคภูมิใจไทย ขณะนี้อยู่ ระหว่างการรวบรวมเพื่อยื่นต่อ ป.ป.ช.จึงอยากให้ ส.ส.- ส.ว. ตระหนักถึงประชาธิปไตย หลักสิทธิเสรีภาพของประชาชน ต้องทำหน้าที่ปกป้องตรงนี้ด้วย ไม่ใช่แค่อ่านกฎหมายและวินิจฉัยไปในทางที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อระบบประชาธิปไตย
“ส.ว.ต้องยอมรับผลของการกระทำการที่มีคนไปกดกริ่งหน้าบ้าน แบนธุรกิจ สิ่งที่เหล่านี้ไม่ใช่การคุกคามหรือไล่ล่าแม่มด แต่เป็นการแสดงออกด้วยสันติวิธี”
นายสมยศ ยังระบุว่า ในวันที่ 19 ก.ค.ขอให้ทุกคนใส่เสื้อดำไปร่วมกิจกรรมฌาปนกิจศพ ส.ว. ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เวลา 17.00 น. และขอประกาศศึกกับองค์กรอิสระ ทั้ง กกต. และศาลรัฐธรรมนูญ โดยใช้สิทธิในการชุมนุม นำเสนอความคิดเห็นของประชาชน ไม่ปล่อยให้องค์กรเหล่านี้ทำตามอำเภอใจเพื่อตอบสนองต่อเผด็จการ ย้ำว่า นี่เป็นภาระหน้าที่ของประชาชนที่จะผลักดันให้เกิดกระบวนการประชาธิปไตยไม่ปล่อยให้ 8 พรรคการเมืองดำเนินการต่อฝ่ายเดียว และขอเรียกร้องให้ 8 พรรคการเมืองเหนียวแน่นยืนหยัดไปด้วยกันเพื่อกำจัดอำนาจเผด็จการ และเดินไปสู่ระบอบประชาธิปไตยที่อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน
ผู้สื่อข่าวรายงาน ก่อนหน้านี้ กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ได้สั่งเตรียมรถฉีดน้ำแรงดันสูง หรือ จีโน่ และรถเติมน้ำ พร้อมรถบรรทุกควบคุมผู้ต้องหาขนาดใหญ่ 2 คัน มาจอดสแตนด์บายไว้ เพื่อรอรับมือสถานการณ์หากมีการชุมนุมในวันที่ 19 ก.ค.นี้ ซึ่งคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จะมีการประชุมพิจารณาว่าจะรับคำร้องที่กกต. ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 ว่า สมาชิกภาพของ ส.ส.ของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101(6) ประกอบมาตรา 98 (3) หรือไม่ และหากศาลฯ มีคำสั่งรับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัยแล้ว จะมีคำสั่งให้นายพิธาหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ไว้หรือไม่