ข่าวปนคน คนปนข่าว
**การเมืองถึงจุดเปลี่ยน “ลุงตู่”ไปแล้ว “พิธา”จะมามั๊ย?!
หลายคนอาจคิดไว้แล้วว่า การลงสนามการเมือง ของ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในฐานะสมาชิกพรรค เป็นประธานประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธ์ศาสตร์พรรค และแคนดิเดตนายกรัฐมนตี ของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) โดยไม่ยอมรับตำแหน่งหัวหน้าพรรคนั้น ถูกมองว่า ต้องการเข้ามาเพื่อเป็นนายกรัฐมนตรีเท่านั้น ถ้าเห็นว่าไปไม่ถึงจุดหมาย ก็พร้อมลาออก
แล้ววันนั้นก็มาถึงจริงๆ เมื่อเพจเฟซบุ๊กพรรครวมไทยสร้างชาติ โพสต์รูป “ลุงตู่” ชูมือทำ “มินิฮาร์ต” ให้กับประชาชน ที่มาส่ง พร้อมข้อความอำลาการเมือง เมื่อวานนี้ (11 ก.ค.)
“ลุงตู่”บอกว่า ตัดสินใจเข้ามาเป็นสมาชิกพรรครทสช. เพราะผมต้องการร่วมสร้างพรรค ให้เป็นพรรคการเมืองที่มีคุณภาพ มีอุดมการณ์ที่แข็งแกร่ง มีความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และเป็นหลักให้กับบ้านเมืองต่อไปในอนาคต และขอบคุณประชาชน ที่ให้การสนับสนุนพรรครทสช.ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา จนได้ส.ส.รวม 36 คน และมีคะแนนที่เลือกพรรค มากถึง 4,766,408 เสียง เป็นอันดับ 3 ของประเทศ ทั้งที่เป็นพรรคที่เพิ่งตั้งใหม่
“ลุงตู่” ยังบอกว่า ตลอดเก้าปีเศษ ที่เป็นนายกรัฐมนตรี ได้ทำงานอย่างมุ่งมั่นทุ่มเท เพื่อปกป้องรักษาชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ พยายามทำให้ประเทศชาติแข็งแกร่งขึ้นในทุกๆ ด้านฟันฝ่าอุปสรรคทั้งในประเทศ และต่างประเทศ รวมทั้งการต่อสู้กับโรคระบาด จนได้รับความชื่นชมจากนานาชาติ และหวังว่ารัฐบาลต่อไปที่จะมารับช่วงจะดำเนินการพัฒฯให้ดียิ่งยิ่งขึ้นไป
“จากนี้ไป ผมขอประกาศวางมือทางการเมือง ด้วยการลาออกจากสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ และขอให้หัวหน้าพรรค กรรมการบริหาร และสมาชิกพรรค ได้ดำเนินกิจกรรมทางการเมืองด้วยอุดมการณ์ที่แข็งแกร่ง ปกป้องรักษาสถาบัน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และดูแลพี่น้องประชาชนชาวไทยต่อไป และขอให้พี่น้องประชาชนให้ความไว้วางใจสนับสนุนการทำงานของพรรครวมไทยสร้างชาติต่อไปด้วย”
เป็นการอำลาการเมือง แต่ยังเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้ารัฐบาลรักษาการ จนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่มารับช่วง
ในวันเดียวกันนี้ ก่อนที่ “ลุงตู่” จะประกาศวางมือการเมือง ทางด้าน “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคก้าวไกล ที่ได้รับการเสนอชื่อจาก 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล ให้เป็นนายกฯ ก็โพสต์เฟซบุ๊ก พร้อมแนบคลิปวิดีโอ ถึงส.ส.และส.ว. เพื่อขอเสียงสนับสนุน ในการโหวตให้เป็นนายกรัฐมนตรี ที่จะมีขึ้นในวันที่ 13 ก.ค.นี้
“พิธา”บอกว่าการโหวตครั้งนี้ ไม่ใช่เพื่อพรรคก้าวไกล ไม่ใช่เพื่อ “พิธา” แต่เพื่อให้โอกาสประเทศไทยได้มีรัฐบาลเสียงข้างมาก ตามเจตจำนงของประชาชน ให้เดินหน้าตามครรลองประชาธิปไตย คืนความปกติสู่การเมือง!!
การเลือกตั้งที่ผ่านมา พรรคก้าวไกลได้รับการสนับสนุนมากถึง14,438,851 เสียง เป็นพรรคการเมืองอันดับ 1 ในสภาฯ และมี ส.ส.152 คน นี่คือเสียงที่ดังพร้อมกันทั้งประเทศต้องการประเทศไทยไม่เหมือนเดิม
“พิธา” บอกว่า ถ้าเป็นการเมืองปกติ เมื่อพรรคก้าวไกล รวบรวมเสียงได้เกินกึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎร ก็ตั้งรัฐบาล บริหารประเทศได้ตั้งนานแล้ว แต่ที่ไม่ปกติเพราะมีส.ว.เข้ามาเกี่ยวข้อง ต้องรอการตัดสินใจของ ส.ว.ว่าจะเห็นด้วยตามเจตนารมณ์ของประชาชน หรือไม่
...วันนี้ ประเทศไทยอยู่ในการเมืองที่ไม่ปกติ อำนาจที่เป็นตัวแทนของประชาชนผ่านการเลือกตั้ง ถูกล้มล้างครั้งแล้วครั้งเล่า ด้วยการรัฐประหาร นิติสงคราม และการยุบพรรค ความไม่ปกตินี้เกิดจากรัฐธรรมนูญ 2560 ซึ่งในวันนี้ยังคงอยู่กับเราอย่างไม่อาจปฏิเสธได้ และนี่คือโอกาสของประเทศไทย ที่พวกเราจะคืนความปกติกลับสู่การเมืองไทยอีกครั้ง ให้โอกาสประเทศไทยได้กลับมามีรัฐบาลที่ชอบธรรม เดินหน้าซ่อมแซมแก้ไขประเทศไทยตามที่ประชาชนคาดหวัง...
ผมขอสื่อสารไปยัง ส.ส.และ ส.ว.ทุกท่าน อาจจะไม่ชอบแนวทางการเมืองของพวกเรา ในระบบการเมืองปกติ แต่พวกท่านตรวจสอบผมได้ โจมตีผมได้ โหวตผมออกจากตำแหน่งก็ยังทำได้ แต่การโหวตให้รัฐบาลเสียงข้างมาก คือการให้โอกาสประเทศไทยเดินหน้าในแบบที่ควรจะเป็น
...ผมพร้อมแล้วครับ ที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีของทุกคน...
“พิธา”มองว่าถูกอำนาจเก่า กำลังใช้ “นิติสงคราม” ผ่านองค์กรอิสระมาเล่นงานตนเองในเรื่องถือหุ้นสื่อ และเรื่องอื่นๆ โดยที่ไม่เคยมองว่าตัวเองได้กระทำการฝ่าฝืนในสิ่งที่กฎหมายห้ามหรือไม่... ยังมองว่า ส.ว.ที่เป็นคนของฝ่ายอำนาจนิยม คือผู้ที่คอยสกัด ขัดขวาง ไม่ให้เขาก้าวสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพื่อนำการเปลี่ยนแปลงมาสู่ประเทศไทย ...แต่ไม่ได้ย้อนมามองว่า การเปลี่ยนแปลงที่จะนำมาให้กับคนในชาตินั้น หลายๆอย่างเป็นไปในเชิงทำลาย จารีต ขนบประเพณีที่ดีงาม ที่สืบทอดกันมาจนเป็นเอกลักษณ์ของสังคมไทย ของความเป็นไทย
วันนี้“ลุงตู่” ประกาศวางมือไปแล้ว และพร้อมจะถอยออกไปเมื่อมีรัฐบาลใหม่ แต่พรุ่งนี้ ( 13 ก.ค.) “พิธา” จะฝ่าด่านส.ว.ขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้หรือไม่ เป็นคำถามที่มีคำตอบในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้านี้!!
**ถ้าไม่ใช่ “สมยศ” นี่คงคิดไม่ได้ เหตุกลืนน้ำลายไม่ลาออก เพราะอาย กลัวตายไปแล้วนอนตาไม่หลับ
ก่อนการประชุมระหว่าง สมาคมฟุตบอลฯ ไทยลีก และสโมสรสมาชิกไทยลีก 1 เพื่อหารือการถ่ายทอดสดฤดูกาล 2023-24 และเงินสนับสนุนในแต่ละซีซั่น เมื่อวานนี้(11ก.ค.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ให้สัมภาษณ์ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ถึงเหตุผลที่กลับคำ กลืนน้ำลายตัวเองไม่ยอมลาออกจากตำแหน่ง เพราะได้ข้อคิดจากแฟนบอลคนหนึ่ง ที่ชื่อ "น้าเอ๋" ชัยรัตน์ กลุ่มไหม ที่มาให้กำลังใจ และชูป้ายข้อความหน้าสมาคมฯว่า ช่วยยืนยันกับแฟนบอลด้วยว่า สมาคมฟุตบอลฯ จะทำทุกทางเพื่อไม่ให้ฟุตบอลทีมชาติไทยสุ่มเสี่ยงที่จะถูกฟีฟ่าแบน
อย่างนี้ก็เข้าทางเลย... “สมยศ” เล่าด้วยความปลื้มปลิ่มว่านั่นเหมือนน้ำทิพย์ชโลมใจ ว่า "เขา (น้าเอ๋) เป็นคนที่มีอารยะ ศิวิไลซ์ เดี๋ยวผมตั้งชื่อคุณใหม่ ให้เป็นชื่อ คุณวิไล คุณมาคุณไม่ได้มาด่า คุณมาบอก มาให้กำลังใจ ยอมรับเลยว่าสิ่งที่คุณทำ มันกระตุกขาผมไว้ มันเป็นแรงบันดาลใจ ทำให้ผมต้องยั้งคิดถึงเรื่องนี้ แม้เขายังไม่มียศ หรือตำแหน่งเท่าผม เขายังคิดเป็นเลย ถ้าผมมีตำแหน่ง มียศ แล้วคิดไม่เป็น ต้องอายคุณบ้าง”
“เราเป็นผู้ใหญ่แล้ว ถ้าทำอะไรแบบขาดสติ ทำให้ประเทศชาติเสียหาย คงตายไปแล้วนอนตาไม่หลับแน่ ไม่รู้พอตายไปแล้ว จะไปเจอคนที่ด่าเราอีกหรือเปล่า ตอนนี้คนเป็นยังด่าแล้ว คนตายจะด่าซ้ำอีก”
เว้ากันซื่อๆ ก็คือ แฟนบอลทั้งประเทศรุมด่าขอให้ลาออกไปเถอะ จากผลงานห่วยแล้ว ห่วยอีก ตามมาด้วยที่เป็นฟางเส้นสุดท้ายให้ “สมยศ” ถึงกับยอมประกาศขอลาออก ด้วย “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะประธานคณะกรรมการโอลิมปิก “ขอให้พิจารณาตัวเอง” รับผิดชอบผลงานในซีเกมส์ครั้งล่าสุด แต่ “สมยศ” คิดไม่เป็น คิดไม่ได้ ไม่มีแพสชั่น แถมทำเรื่องให้ดูเหมือนถูก “การเมืองบีบ” จับโยงไปเป็นเรื่องของฟีฟ่า จะลาออกไม่ได้ เพราะเหตุผล “ลุงป้อม” สั่ง ไม่เช่นนั้น ทีมชาติไทยโดนแบนแน่
งานนี้แม้แต่เด็กอนุบาลก็คิดได้ เรื่องมันไม่เกี่ยวก็ทำให้สลับซับซ้อน จับทีมชาติเป็นตัวประกันซะงั้น คนมันจะลาออกก็คือลาออก ถ้าบริสุทธิ์ใจแมนๆ เหตุผลลาออกจบที่แสดงความรับผิดชอบ เพราะตัวเองทำผลงานแย่ ไม่มีใครบีบ ใครบังคับ การเมืองก็ไม่ได้เข้ามายุ่ง ที่ยุ่งก็ตัวเองและพวกสมาคมฯบางคน ที่ด้านหน้า-หน้าด้าน ตะแบงยกอะไรมาอ้าง บ้าบอ!!
พอแฟนบอลหนึ่งคน มาชูป้ายฯอวย “สมยศ” แพสชั่นมาเต็ม มีเหตุผลที่จะอยู่ปกป้องทีมชาติไทยไม่ให้ฟีฟ่าแบน อย่างนี้ถามหน่อยว่า แฟนบอลอีกหลายล้านคนต้องหอบกระเช้า-ถือป้ายไฟ ไปขอบคุณทั่นนายกฯ กันมั้ย?
เชื่อได้ว่า ไม่น่าจะเกิดขึ้น ตรงกันข้ามถ้า “สมยศ” มีเวลาจิ้มจออ่านคอมเมนต์ แฟนบอลดูโลกความเป็นจริงที่ “ศิวิไลซ์” ของแท้จะเห็นเลยว่า เขาด่ากันชาตินี้ ด่ากันตอนเป็นๆ ไม่ได้ตายไปจะไปตามด่า
คำด่าคัดเอามาให้อ่านไม่หวาดไม่ไหว เพราะเต็มโลกออนไลน์ไปหมด ที่เขาแสดงความเห็นหลังจาก “สมยศ” เปิดเผยเบื้องหลังอยู่ต่อ อาทิ พูดจากลับคำจะเป็นผู้นำที่ดีได้เยี่ยงไรกัน , ยังไม่รู้ตัวว่าทำผลงานแย่ ตกต่ำขนาดไหน ขนาดเขาไล่แล้วยังไม่ไป หน้าด้านจริง , เขาด่าตั้งแต่ยังอยู่แล้ว เอาประเทศเป็นตัวประกัน คิดได้ไง
คำด่าเหล่านี้ฟังแล้วพอจะมีแพสชั่นบ้างมั้ยล่ะสมยศ?!