หน.ก้าวไกล ปราศรัยขอบคุณชาวปทุม เชื่อโหวตนายกฯตามมติ ปชช. จี้ นักการเมืองคืนความปกติให้การเมืองไทย ยันลงพื้นที่ไม่ได้ใช้ ปชช.เป็นกำแพงป้องตนเอง อ้างปกป้อง 25 ล้านเสียง ชี้ เป็นอำนาจ ปธ.รัฐสภา หากจะเลื่อนโหวตนายกฯ เชื่อ ราบรื่นไม่ต้องพึ่งโชคชะตาฟ้าดิน
เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2566 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย ส.ส.ปทุมธานี พรรคก้าวไกล ขึ้นรถแห่และเวทีปราศรัยขอบคุณพี่น้องประชาชนปทุมธานี ณ ลานหน้าตลาดลาดสวาย อ.คูคต จ.ปทุมธานี หลังจากชาวปทุมธานีมอบความไว้วางใจให้พรรคก้าวไกลในการเลือกตั้งที่ผ่านมา จนมี ส.ส. เขต 6 เขต จากทั้งหมด 7 เขต โดยบรรยากาศตลอดเส้นทางรถแห่มีประชาชนออกมาโบกไม้โบกมือให้กำลังใจ สนับสนุนพิธาเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30
นายพิธา ขึ้นเวทีปราศรัย กล่าวช่วงหนึ่งว่า รู้สึกเสียดายที่มาปทุมธานีครั้งนี้ ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชนได้เพราะยังไม่ได้เป็นรัฐบาล แต่ขอยืนยันกับพี่น้องประชาชน ว่า ตอนนี้ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี เชื่อว่า ในวันที่ 13 กรกฎาคม จะไม่มีการโหวตสวนมติประชาชน โดยขอเรียกร้องไปยังนักการเมือง ว่าการโหวตครั้งนี้ไม่ใช่การให้โอกาสพิธา ไม่ใช่การให้โอกาสพรรคก้าวไกล แต่เป็นการให้โอกาสปทุมธานี ให้โอกาสประเทศไทย ให้พวกเราทุกคนสามารถเดินหน้าไปได้
หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวต่อว่า ส.ส.ปทุมธานี 6 คน 6 เขต ของพรรคก้าวไกล คะแนนกว่า 360,000 คะแนน อนุมานได้ว่าพี่น้องปทุมธานีต้องการให้ปทุมธานีไม่เหมือนเดิม ตอนนี้เหลือเวลาอีก 3 วันเท่านั้นที่ทั่วโลกกำลังจับตาดูว่าพวกเราจะเลือกทางไหนให้อนาคตของประเทศไทย ในเมื่อมติประชาชนชัดเจนขนาดนี้ ในเมื่อประชาชนออกมาใช้สิทธิ์ในวันที่ 14 พฤษภาคม สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของปทุมธานีแล้ว ที่เหลือให้เป็นหน้าที่ของนักการเมืองในรัฐสภาในการยุติความขัดแย้ง คืนความปกติให้การเมืองไทย
“วันนี้ขอให้มองตาประชาชน เป็นสายตาที่เต็มไปด้วยความหวังและต้องการการเปลี่ยนแปลง ขอให้ทุกคนเอาประชาชนเป็นที่ตั้ง ยุติการเมืองที่มือใครยาวสาวได้สาวเอา ขอให้ตัดสินใจอยู่ข้างอนาคตและข้างประชาชน เชื่อว่าวันที่ปทุมธานีและประเทศไทยไม่เป็นสองรองใคร จะมาถึงแน่นอน” นายพิธา กล่าว
ต่อมา นายพิธา ได้ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุผลที่ลงพื้นที่ จ.ปทุมธานี ในวันนี้ ว่า มาขอบคุณประชาชนเพราะเป็นพื้นที่ที่ชนะเลือกตั้ง 6 เขตจาก 7 เขต และอีก 1 เขตเป็นของพรรคเพื่อไทย
นายพิธา กล่าวว่า ส่วนการส่งหนังสือเชิญไปชี้แจงเรื่องหุ้นไอทีวี จากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นั้น เท่าที่ตนติดตามจากสื่อ ก็ไม่มีหมายเรียกให้เข้าไปชี้แจงแบบฉับพลัน ถึงตนจะไม่ได้เข้าพรรค แต่มีทีมกฎหมายเตรียมการณ์อยู่ และที่บ้านก็ให้คนคอยดูไว้ หากมีมาก็ต้องจะไปชี้แจง
ส่วนที่มีข้อสังเกตว่า หาก กกต.จะมีมติส่งศาลรัฐธรรมนูญ โดยไม่เปิดให้ชี้แจง จะเป็นธรรมหรือไม่นั้น จริงๆ ขัดกับระเบียบของ กกต.ที่มีอยู่อย่างชัดเจน กระบวนการมีขั้นตอน แต่ครั้งนี้เหมือนเร่งรัดเข้ามา คงต้องเรียกร้องเรื่องความเป็นกลางและความเป็นธรรมของ กกต.พอสมควร
เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ หากจะเลื่อนวันโหวตนายกฯออกไป นายพิธา กล่าวว่า ยังไม่ได้อ่านในรายละเอียดของวุฒิสภา แต่เป็นเรื่องของประธานสภา จะต้องวินิจฉัย และสภาโดยรวมว่าจะบริหารจัดการอย่างไร
ส่วนการประชุม 8 พรรคร่วม ในวันพรุ่งนี้ (11 ก.ค.) นั้น เป็นการประชุมกันเรื่องขั้นตอน และกระบวนการต่างๆ ในการโหวตเลือกนายกฯ ส่วนจะราบรื่นหรือไม่ คงจะเป็นความสามารถเท่าที่วิปจะทำได้ และการโหวตในวันที่ 13 ก.ค. จะทำให้ผ่านหรือไม่ คงไม่ใช่เรื่องของโชคชะตาฟ้าดิน แต่เป็นเรื่องสำคัญของประชาชน ที่จะมีผู้นำประเทศในช่วงที่ปัญหาถาโถมเข้ามาโดยเร็ว
เมื่อถามว่า การลงพื้นที่บ่อยๆ มีนักวิชาการมองว่า อาจจะเพราะได้เสียง ส.ว.ยังไม่ครบ ใช่หรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ไม่เป็นความจริง
“ที่สื่อหรือนักวิชาการบางคน บอกว่า พิงหลังประชาชนหรือเปล่า ให้ประชาชนมาปกป้องหรือปล่า ผมคิดว่ากลับกัน ผมมีหน้าที่มาขอบคุณประชาชนและปกป้องเสียงของประชาชน กว่า 25 ล้านเสียงที่ให้พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างมากทั้ง 8 พรรคต่างหาก ไม่ใช่ให้เขามาปกป้องผม แต่ผมต้องลงมาปกป้องเสียงที่เขาได้ลงมติไปแล้วเมื่อวันที่ 14 พ.ค. ก็มายืนยันว่า ทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดี และที่ประชาชนตั้งใจออกมาเลือกตั้ง ก็ไม่มีใครโหวตสวน ก็ยังมาช่วยกันหล่อเลี้ยงความหวังของประชาชนและลงพื้นที้ไปในตัวด้วย เมื่อถึงเวลาประชุม ครม.นัดแรก จะวนไปวนมาไม่ได้ ต้องทำงานเลยทันที รวมถึงต้องพิจารณางบประมาณด้วย” นายพิธา กล่าว
เมื่อถามว่า การลงพื้นที่ไม่ใช่การวัดเสียงในสภา และนอกสภาใช่หรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ไม่มี เพราะหากจะตอบให้เห็นความชัดเจน ต้องดูที่ความสม่ำเสมอตั้งแต่วันแรกที่เลือกตั้งเสร็จ ตนก็ทำอย่างนี้มาอย่างสม่ำเสมอ ไม่งั้นประชาชนจะน้อยใจ และใน 76 จังหวัดคะแนนบัญชีรายชื่อมาเป็นอันดับ 1 และอันดับ 2 จึงต้องแสดงให้เห็นว่าก่อนเลือกตั้งเป็นอย่างไร หลังเลือกตั้งก็เป็นอย่างนั้น ไม่ได้ทิ้งประชาชน
ส่วนจะปฏิเสธหรือไม่ว่าไม่ได้ให้ประชาชนมาเป็นกำแพงกดดัน ส.ส. และ ส.ว.ในการโหวต นายพิธา กล่าวว่า ตอบให้ชัดเลยประชาชนไม่ได้มีหน้าที่มาปกป้องตน ตนมีหน้าที่ปกป้องทุกคะแนนและความไว้วางใจที่ประชาชนให้มา และมารายงานให้เขาเข้าใจ โดยไม่เครียดจนเกินไป ว่าเรายังยืนยันในความมั่นใจ เรายังมีความคืบหน้าในการเจรจาว่าสามารถผ่านหลายด่านมาได้แล้ว ทั้งการรับรอง ส.ส. การเลือกประธานสภา มาอธิบายกระบวนการให้กับประชาชน ซึ่งคนที่เป็นผู้นำที่ดี ต้องสื่อสารให้กับประชาชนสบายใจได้
เมื่อถามถึงฝ่ายความมั่นคง ประเมินว่า จะมีกลุ่มออกมาชุมนุมหนุนนายพิธา 14 กลุ่ม กังวลอะไรบ้างหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ยังเชื่อว่าไม่มีเรื่องน่ากังวล และหากดูที่ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ บริหารจัดการรัฐสภาให้กับประชาชนรองรับได้เป็นหมื่นคน และเท่าที่พูดคุยกับ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาคนที่ 1 คิดว่ามีการบริหารจัดการตามครรลองของประชาธิปไตยทั่วไป
คิดว่า น่าจะราบรื่นและสงบเป็นไปได้ด้วยดี เพื่อให้ประชาชนได้ออกมาควบคุมวาระทางสังคมที่พวกเขาสนใจและลุ้นไปด้วยกัน เราต้องเข้าใจหัวอกประชาชนด้วย และคิดว่าทางสภา และฝ่ายความมั่นคงคงดูแลไม่ให้สร้างสถานการณ์ที่เราไม่พึงประสงค์ เพราะส่วนหนึ่งของประชาธิปไตยคือการเปลี่ยนผ่านอำนาจอย่างสันติ ไม่ใช่แค่การเลือกตั้งอย่างเดียว แต่การเปลี่ยนผ่านอำนาจอย่างสันติก็เป็นสิ่งสำคัญ
เมื่อถามว่า เมื่อวานนี้ (9 ก.ค.) ได้พูดว่าพร้อมมอบชีวิตให้กับประชาชน แต่อาจถูกโจมตี ทำให้เกิดความพลิกผัน พร้อมรับมือหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า พร้อมตั้งแต่ 4 ปีที่แล้ว ที่สมัคร ส.ส.และเท่าที่ติดตามการเมืองมานานทั้งการเมืองในประเทศและต่างประเทศ มีทั้งเรื่องที่หาอ่านจากหนังสือไม่ได้ และเรียนกันไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง จึงได้ทำความเข้าใจกับความรู้สึกตัวเองมาแล้ว และพร้อมจะเผชิญกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างมีสติและมีวุฒิภาวะ และทำทุกวิถีทางที่เราควบคุมได้