xs
xsm
sm
md
lg

“สมศักดิ์ เจียม” ซัด “ก้าวไกล” บ้าไปแล้ว! นำเด็ก 10 ขวบขึ้นเวทีพูดสิ่งที่ตัวเองอยากบอก ขี้ขลาดตาขาวไร้ความรับผิดชอบ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


.
“ผู้ใหญ่ที่ขี้ขลาดและไร้ความรับผิดชอบ” “สมศักดิ์ เจียม” ซัด “ก้าวไกล”บ้าไปแล้ว เอา “เด็ก 10 ขวบ” ขึ้นเวที พูดสิ่งตัวเองอยากบอก “อดีตอธิการบดี มธ.” จี้ “พิธา” เปิดชื่อคนกู้ 117 ล.พิสูจน์จริยธรรม “นิพิฏฐ์”ลั่น แก้ ม.112 เป็นศัตรูกัน

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้(10 ก.ค.66) เพจเฟซบุ๊ก Somsak Jeamteerasakul ของ นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล อดีตอาจารย์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผู้ต้องหาคดี ม.112 ลี้ภัยในฝรั่งเศส โพสต์ภาพ พร้อมข้อความระบุว่า

“ก้าวไกลบ้าไปแล้ว เอาเด็ก 10 ขวบขึ้นเวที”

และ เพจเฟซบุ๊ก Somsak Jeamteerasakul ก็โพสต์อธิบายด้วยว่า
“เด็กอายุ 10 ขวบ ย่อมจะมีความคิดเห็นได้ คุยกับเพื่อน คุยกับผู้ใหญ่ แต่เราไม่ถือว่า การคุยเหล่านี้ต้องมีรับผิดชอบตามมา อาจจะเปลี่ยนใจ อาจจะเลิก ฯลฯ ดังนั้น เราจึงไม่ให้เด็กขนาดนี้ไปแสดงความคิดเป็นในที่สาธารณะ เพราะอย่างหลังต้องมีความรับผิดชอบ

ผู้ใหญ่ที่มีความรับผิดชอบแล้ว ให้เด็กไปพูด #เท่ากับเป็นผู้ใหญ่ที่ขี้ขลาด คืออยากจะแสดงความคิดเห็นดังกล่าว แต่ให้เด็กพูด บอกว่า "ก็เรื่องของเด็ก" ครั้นฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย จะทำอะไรเด็กก็ไม่ได้ จะทำอะไรผู้ใหญ่ก็ไม่ได้ เพราะไม่ได้พูดเอง "ก็เด็กมันพูด" โดยสรุปแล้ว นับเป็นผู้ใหญ่ที่ขี้ขลาดและไร้ความรับผิดชอบโดยแท้”

ภาพ รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร จากแฟ้ม
ขณะเดียวกัน เพจเฟซบุ๊ก Harirak Sutabutr ของ รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์(มธ.) โพสต์ข้อความว่า

“วันที่ 13 ก.ค. เราจะได้รู้ว่าการลงคะแนนเลือกนายกรัฐมนตรีจะเป็นแบบม้วนเดียวจบ หรือจะต้องเลือกกันหลายครั้ง ซึ่งก็ยังไม่มีใครคาดได้แบบ 100% ว่าคุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จะได้คะแนนเสียงจากทั้ง 2 สภารวมกันเกินกว่า 375 เสียงหรือไม่ ประเทศชาติจะเป็นอย่างไรในอนาคต สถาบันพระมหากษัตริย์จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรจะมีการพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดินหรือไม่ ล้วนขึ้นอยู่กับการลงคะแนนเสียงของรัฐสภาในวันพฤหัสบดีที่ 13 นี้

น่าหนักใจแทนสมาชิวุฒิสภาทุกคนที่กำลังถูกกดดันอย่างหนัก ด้วยเหตุผลว่า พรรคก้าวไกลได้รับคะแนนเสียงจากประชาชนที่มีสิทธิเลือกตั้ง 14 ล้านเสียง ดังนั้นจะต้องเคารพเสียงของประชาชน แน่นอนว่าเป็นสิทธิของพรรคก้าวไกลที่จะเรียกร้องให้สมาชิกวุฒิสภาลงคะแนนให้คุณพิธาเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นสิทธิของสมาชิกวุฒิสภาที่จะลงคะแนนให้หรือไม่ก็ได้ และกติกานี้ไม่ว่าจะโจมตีกันอย่างไร ก็เป็นกติกาที่ทุกคนทราบล่วงหน้าอยู่แล้วก่อนตัดสินใจเข้าสู่สนามแข่งขันทางการเมือง ดังนั้นเมื่อตัดสินใจลงสนามแข่งขันก็ต้องยอมรับในกติกานี้ ไม่เช่นนั้นก็ต้องไม่ลงแข่งขันตั้งแต่แรก

ผู้สื่อข่าวตั้งคำถามกับคุณพิธาเรื่องที่กกต.กำลังพิจารณาเรื่องการส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกรณีถือหุ้น itv ว่าจะทำให้การเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสิ้นสุดลงหรือไม่ คุณพิธาตอบว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทราบกันอยู่แล้ว ไม่ใช่เป็นเรื่องที่น่ากังวลแต่อย่างใด และพร้อมที่จะต่อสู้และชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญ

น่าแปลกใจว่า ทำไมสื่อมวลชนสนใจกรณีการถือหุ้น itv ของคุณพิธา แต่ไม่ค่อยจะสนใจประเด็นเรื่องจริยธรรมสักเท่าใด กรณีปล่อยเงินกู้ 117 ล้าน ของบริษัท oil for life ให้กับบุคคลที่ไม่ได้เปิดเผยชื่อในขณะที่คุณพิธาเป็นผู้บริหาร โดยไม่มีดอกเบี้ย และไม่มีการทวงถามให้ใช้คืน แต่กลับตัดเป็นหนี้สูญ กรณียอดขายที่เพิ่มขึ้นมากอย่างผิดปกติใน 5 ปี และกลับลดลงจนขาดทุน การที่บริษัท otava holdings จดทะเบียน0yfตั้งบริษัทที่สิงคโปร์เพียง 11 วัน ก็เข้าถือหุ้นใหญ่ในบริษัท oil for life เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2563 การยื่นบัญชีทรัพย์สินของคุณพิธาต่อปปช. ที่มีความไม่ปกติ การขายที่ดินที่ปราณบุรีที่ต่ำกว่าราคาประเมินและต่ำกว่าราคาที่ประมาณไว้ในบัญชีทรัพย์สินกว่าครึ่ง

ทั้งหมดข้างต้นล้วนเป็นเรื่องที่น่ากังขาที่คนที่กำลังจะได้รับการลงคะแนนเสียงให้เป็นนายกรัฐมนตรีควรต้องชี้แจง แต่กลับไม่มีการชี้แจงแต่อย่างใดทั้งสิ้น เอาแต่เรียกร้องให้สมาชิกวุฒิสภาลงคะแนนตามเสียงประชาชน หากคุณพิธามีปัญหาเรื่องจริยธรรมจริง สมาชิกวุฒิสภาก็ยังต้องลงคะแนนให้คุณพิธาด้วยเหตุผลว่า ได้รับคะแนนเสียงจากประชาชนมา 14 ล้านเสียงหรือ

ถ้าแน่จริง ขอเพียงชี้แจงเรื่องเดียวก็ได้ นั่นคือ ชื่อของคนที่ได้รับเงินกู้ 117 ล้านไปจากบริษัท oil for life คุณพิธากล้าหรือไม่ หากไม่กล้าก็อย่าได้โวยวายหากได้เสียงจากสมาชิกวุฒิสภาไม่เพียงพอที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะส.ว.เขาย่อมต้องใช้ดุลพินิจเพื่อลงคะแนนให้ผู้ที่เหมาะสมที่สุด และปราศจากข้อสงสัยเรื่องจริยธรรม เพื่อเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะนั่นคือหน้าที่ของสมาชิกวุฒิสภาทุกคน”

ภาพ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ จากแฟ้ม
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีตส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุคส่วนตัว ระบุว่า

“อย่าลองของ

-ผมไม่ใช่นักเลงพระ แต่เคารพบูชาหลวงพ่อทวด ก่อนออกจากบ้านก็ต้องยกมือไหว้ทุกครั้ง อย่างน้อยก็เตือนสติว่า เราจะไม่ทำชั่ว

-เคยมีคนกล่าวว่า หากเราเคารพบูชาหลวงพ่อทวด ก็ "อย่าลองหลวงพ่อทวด" นักเลงพระประเภทที่เอาเหรียญพระแขวนคอไก่แล้วทดลองยิง ผมเกลียดนักหนา

-ผมเคารพบูชาหลวงพ่อทวด ผมก็ไม่คิดจะลองว่าท่านขลังจริงหรือเปล่า แต่เมื่อท่านอยู่ในคอเรา ตายเป็นตาย ตายก็มีความสุข

-เอาง่ายๆ ผมเปรียบเทียบ สถาบันพระมหากษัตริย์ กับ หลวงพ่อทวด ครั้งหนึ่งตอนมีการชุมนุม บ้านเมืองไม่สงบผมเคยปราศรัยบนเวที ว่า หากสิ้นใจตายและกำเหรียญบาท มีรูปในหลวงอยู่ในมือ ก็พร้อมจะตายแล้ว ตายแล้วก็ขอให้ได้ไปรับใช้ในหลวงในสวรรค์ แต่หวั่นใจเพียงว่า ในหลวงท่านอยู่ในสวรรค์ ผมน่าจะอยู่ในนรกมากกว่า ไม่รู้จะไปเฝ้ารับใช้พระองค์ท่านได้อย่างไร

-ผมเคารพสถาบันพระมหากษัตริย์ เหมือนเคารพบูชาหลวงพ่อทวด ผมไม่เคยคิดลองดีกับสถาบันพระมหากษัตริย์ เช่นเดียวกัน ผมไม่เคยคิดลองดีกับหลวงพ่อทวด หลวงพ่อทวดรุ่นไหน ไม่จำเป็นต้องรุ่น 2497 ผมเคารพบูชาทั้งสิ้นเช่นเดียวกับ พระมหากษัตริย์พระองค์ไหน ผมเคารพบูชาทั้งสิ้น เพราะท่านคือ สัญลักษณ์ของชาติ พระองค์ คือ สถาบันหลักของชาติ

-ที่ผมเขียนมาทั้งหมด เขาเรียกว่าเป็น "ความเชื่อสูงสุด" ของมนุษย์ ซึ่งเขาจะไม่ก้าวล่วงความเชื่อสูงสุดกัน

-แตะ ความเชื่อสูงสุดกันกันเมื่อไหร่ ประวัติศาสตร์โลกบอกว่า สิ่งที่จะตามมา คือ "สงคราม"

-พรรคก้าวไกล ก็มีคนฉลาด(ที่แกล้งโง่เยอะ) รู้ทั้งรู้ว่า กำลังแตะความเชื่อสูงสุดของคนไทย อันจะนำไปสู่อะไร

-เมื่อพรรคก้าวไกล พูดว่า จะไม่ลดเพดาน เรื่อง ม.112 มันก็เหมือนพรรคก้าวไกล มากระชากหลวงพ่อทวดในคอของผม พรรคก้าวไกล จึงผลักผมไปอยู่ตรงข้าม

-หากไม่ลดเพดาน ม.112 ผมก็จะเป็นศัตรู(ทางการเมือง) กับพรรคก้าวไกล ผมตรงไป-ตรงมา ชัดครับ ไม่พูดเอาหล่อ ไม่เขียนเอาหล่อ เหมือนส.ส. หรือ ส.ว. บางคน

-ผมเป็นเสรีนิยมครับ ผมไม่ใช่นักประชาธิปไตย /
#พระมหากษัตริย์ คือ สถาบันหลักของชาติ”


กำลังโหลดความคิดเห็น