“นิพิฏฐ์” ถามดังๆ “นิรโทษคดีทางการเมือง” ฉบับ “ก้าวไกล-เพื่อไทย” รวมคดี ม.112 หรือไม่ ถ้ารวม เริ่มต้นจุดจบของรัฐบาล “ส.ว.สมชาย” แฉเจตนาที่แท้ แก้ ม.112 “สมบัติ” แนะ “พิธา-กก.” ถึงเวลาต้องเลือก เอานายกฯ หรือมวลชน?
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (6 ก.ค. 66) เพจเฟซบุ๊ก นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ของ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ แกนนำพรรคพลังประชารัฐ โพสต์ข้อความ ระบุว่า
“*นิรโทษกรรม ฉบับ ก้าวไกล และ เพื่อไทย
- อ่านข้อตกลงร่วมของพรรคก้าวไกล และ พรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 3 ก.ค. 2566 ข้อที่ 4 ความว่า “ร่วมกันให้ความเห็นชอบกฎหมายสำคัญเพื่อประชาชน ซึ่งรวมถึงการนิรโทษกรรมคดีแสดงออกทางการเมือง”
- ปัญหาที่จะเกิดขึ้น คือ คดีแสดงออกทางการเมือง คือ อะไร?
- สภาผู้แทนราษฎรชุดก่อนๆ เคยพิจารณาเรื่องคดีการเมืองมาแล้ว แต่หาข้อยุติไม่ได้ จนนำไปสู่ กม.นิรโทษกรรมสุดซอย และกลายเป็นจุดจบของรัฐบาล
- หากพรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกล เห็นว่า คดีตาม ม.112 เป็นการแสดงออกทางการเมือง และคิดจะนิรโทษกรรม ผมว่า นั่นแหละ คือ การเริ่มต้นจุดจบของรัฐบาล
- ในฐานะประชาชน ผมอยากให้พรรคก้าวไกล และ พรรคเพื่อไทย แสดงออกให้ชัดว่า คดีการเมืองที่จะร่วมมือกันนิรโทษกรรม คือ คดีอะไร เพื่อคนไทยจะได้ตัดสินใจได้ ว่า ควรสนับสนุนรัฐบาลหรือไม่ และที่สำคัญ เป็นสาระสำคัญที่สมาชิกรัฐสภาจะใช้ตัดสินใจว่าจะเลือกใครเป็นนายกรัฐมนตรีด้วย
#อย่าเดินไปในเส้นทางที่เคยมีผู้เดินไป แล้วไม่เคยได้เดินกลับออกมา”
ขณะเดียวกัน เพจเฟซบุ๊ก สมชาย แสวงการ ของ นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) โพสต์ภาพ เนื้อหาร่างแก้ไข ม.112 ของพรรคก้าวไกล ที่เคยเสนอเข้าสู่สภา พร้อมข้อความระบุว่า
“#หลักฐานชัดเจน #อย่าโกหกว่า แก้เพื่อปกป้อง #ร่างกฎหมายฉบับก้าวไกล # saveมาตรา112
หลักฐานชัดเจนว่า เหตุใด ส.ว.จึงไม่ไว้วางใจให้ก้าวไกลแก้ไขยกเลิกมาตรา 112 และรัฐธรรมนูญมาตราที่เกี่ยวข้องกับชาติและสถาบันฯ จึงต้องนำร่างกฎหมายที่พรรคก้าวไกลเคยเสนอแก้ไขยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ที่เป็นกฎหมายคุ้มครองสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยแก้ไขใหม่โดยนำมาตรา 112 ออกจากหมวดความมั่นคง มาให้ดูกันจะจะอีกครั้งครับ
ร่างกฎหมายดังกล่าว เสนอโดยพรรคก้าวไกลเข้าสภาผู้แทนราษฎร แต่ถูกท่านประธานสภาให้ไปปรับแก้ไข แต่ไม่ยอมแก้ไขและยืนยันจะเอาเข้าสภาให้ได้นั้น ได้แยกมาตรา 112 ที่ป้องไม่ให้ผู้ใดหมิ่นประมาท อาฆาตมาดร้าย ต่อพระมหากษัตริย์ พระราชินี องค์รัชทายาท ออกจากกัน โดยลดโทษจำคุกลงเหลือแค่ไม่เกิน 6 เดือน ไม่เกิน 1 ปี และปรับลดโทษลงโดยไม่ต้องรับโทษเลย หากอ้างว่าทำเพื่อประโยชน์สาธารณะหรือหากเป็นความจริง หรือบางมาตราก็มีตัดโทษจำคุกทิ้งหมดเหลือแค่โทษปรับเล็กน้อย เช่น มาตราที่คุ้มครองพระราชอาคันตุกะ เจ้าพนักงาน ผู้พิพากษาในศาลยุติธรรม เป็นต้น
ลองพิจารณาอ่านรายละเอียดทุกมาตราอีกครั้ง ครับ เพราะนอกเหนือจากที่ผมเคยแจ้งให้สาธารณชนทราบ และ ส.ว.สายกฎหมายหลายคน อาทิ ส.ว.คำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.เสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว.ประพันธ์ คูณมี เคยอธิบายตามสื่อต่างๆ ตลอดเวลาว่า “เป็นอันตรายยิ่งต่อความมั่นคงของชาติ” แตกต่างจากที่พวกเขาพยายามอธิบายให้สังคมเข้าใจบิดเบือนไปว่า “ร่างแก้ไขกฎหมาย มาตรา 112 นี้ ไม่มีอะไร เพียงแค่ทำเพื่อปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ให้ทันยุค” ซึ่งยืนยันเองด้วยลายลักษณ์อักษรในร่างกฎหมายที่พวกเขาพยายามที่จะนำเข้าสู่สภาเพื่อแก้ไข 2 ครั้งและยังดำเนินการอยู่ต่อเนื่องในเวลานี้
เพื่อคนไทยเห็นและได้เข้าใจชัดเจนว่า “พวกเขากำลังคิดจะทำอะไรต่อสถาบันฯ อันเป็นที่เคารพรักของพสกนิกรชาวไทยครับ”
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน นายสมบัติ ทองย้อย อดีตการ์ด นปช. โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว สมบัติ ทองย้อย ระบุว่า
“ส.ว.เขาก็เปิดช่องนะว่า ถ้าจะให้โหวตต้องทำอะไรบ้าง แต่เลขาฯ ก็ยังออกมาบอกทำนองว่า เรื่องดังกล่าว ยังไงก็ยังคงจะเดินหน้าต่อไป
เข้าใจว่า ถ้าไม่ทำเรื่องนี้กลัวว่าจะเสียมวลชน กลัวมวลชนจะว่า
แต่ตอนนี้มันเดินทางมาถึงจุดที่จะต้องเลือกว่า
จะยอมเสียมวลชน หรือจะเสียเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ที่ตัวเองใฝ่ฝัน
อีก 4 ปี ไม่ใช่ว่าจะมาได้แบบนี้อีกนะ การเมืองเอาแน่เอานอนไม่ได้
อีก 4 ปีที่บอกว่า อีกพรรคจะสูญพันธุ์ อาจเป็นพรรคคุณเองก็ได้ใครจะไปรู้ หรืออาจจะสูญพันธ์ุ คราวนี้เลยก็อาจเป็นไปได้
มีเวลา อีกไม่ถึง 1 อาทิตย์ คิดเอาแล้วกัน จะยอมเป็น ฝ.ค้านอีกครั้ง
หรือจะเป็นนายกฯ ถึงเวลาต้องเลือกต้องตัดสินใจ ก็ต้องยอม
ว่างๆ ไปฟังเพลง อัสนี-วสันต์ นะ
ได้อย่าง เสียอย่าง
รักนะ ถึงบอกมา”