“เชาว์” ซัด “ธาริต” ดิ้นเฮือกสุดท้าย ให้ร้ายศาล ใช้แท็กติกประวิงคดี เชื่อจุดจบอยู่ที่คุก ตัวอย่าง ขรก.รับใช้การเมือง ชี้ นัดแถลงปิดคดีนอกศาลต่อสื่อก่อนวันนัดอ่านคำพิพากษา ส่อลำเมิดอำนาจศาล ใช้ 99 ศพ เป็นเหยื่อ ปลุกระดมปั่นความขัดแย้งอีกรอบ
นายเชาว์ มีขวด อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ Facebook Chao Meekhuad เรื่อง ดิ้นเฮือกสุดท้ายของธาริต จุดจบ ขรก.รับใช้การเมือง ต้องติดคุก และ ส่อละเมิดอำนาจศาล มีเนื้อหาระบุว่า เห็นนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีดีเอสไอ ออกมาดิ้นแถลงปิดคดีที่อดีตนายกอภิสิทธิ์ และอดีตรองนายกฯ สุเทพ เป็นโจทก์ฟ้อง ฐานกลั่นแกล้งให้ได้รับความผิด ในเหตุชุมนุมปี 2553 โดยอ้างว่าเป็นข้อมูลที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน เพื่อคืนความยุติธรรมให้กับประชาชน 99 ศพ ที่เสียชีวิต แล้ว ต้องบอกว่า น่าสมเพชอย่างยิ่ง เพราะข้อเท็จจริงในคดีที่เจ้าหน้าที่รัฐต้องเข้าควบคุมความสงบคืนสู่สังคม จากการชุมนุมที่มีอาวุธสงครามร้ายแรงนั้น จบไปนานแล้ว แต่ยังจงใจบิดเบือนให้ประชาชนเข้าใจผิดในการต่อสู้คดีของนายธาริต
คดีที่ดีเอสไอ และอัยการ ในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ กล่าวหาอดีตนายอภิสิทธิ์และอดีตรองนายกฯ สุเทพศาลฎีกายกฟ้องถึงที่สุด และ ป.ป.ช.ก็ตีตกคำร้องไปแล้ว ไม่พบเหตุตามข้อกล่าวหา จนนำไปสู่การฟ้องกลับเอาผิดนายธาริตปฏิบัติหน้าที่มิชอบ แจ้งข้อหาบิดเบือนกลั่นแกล้งให้บุคคลทั้งคู่ต้องรับโทษ ศาลชั้นต้น ยกฟ้อง แต่ศาลอุทธรณ์ กลับคำพิพากษา สั่งจำคุกนายธาริตกับพวก 2 ปี ไม่รอลงอาญา มีการต่อสู้ในชั้นศาลฎีกา และประวิงเวลาเรื่อยมา ทำให้ต้องเลื่อนอ่านคำพิพากษาไปถึง 8 ครั้ง อ้างเรื่องอาการเจ็บป่วย กระทั่งในครั้งที่ 8 ศาลออกหมายจับ ชี้ว่านายธาริต จงใจประวิงเวลาให้คดีล่าช้า และมีพฤติการณ์หลบหนี นัดอ่านคำพิพากษาใหม่ในวันที่ 24 มีนาคม 2566
นายเชาว์ ระบุว่า เมื่อถึงเวลานัดหมาย คราวนี้นายธาริต มาตามนัด ยื่นคำร้องถอนคำให้การใหม่ จากปฏิเสธข้อหา เป็นรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา เป็นเหตุให้การตัดสินคดีต้องเลื่อนออกไปอีก เป็นครั้งที่ 8 และศาลฎีกานัดอ่านคำพิพากษาในวันที่ 16 มิถุนายนที่ผ่านมา แต่นายธาริต ก็ไม่ไปศาล อ้างป่วยจากอาการบ้านหมุน ทำให้ต้องเลื่อนอ่านคำพิพากษาไปเป็นครั้งที่ 9 นัดหมายอ่านคำพิพากษาครั้งที่ 10 ในวันที่ 10 กรฎาคมนี้ แต่อยู่ๆ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมานายธาริตกลับยื่นคำร้องขอให้ศาลส่งคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยข้อกฎหมายอาญามาตรา 157และ 200 ว่าขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 212 หรือไม่ ทั้งที่ตนเองเคยยื่นถอนคำให้การเป็นรับสารภาพแล้ว คดีนี้จึงชัดเจนในความผิดที่กล่าวหาตามคำรับสารภาพของนายธาริตแล้ว จะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจากต้องติดคุก
ก่อนจะถึงวันอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาเพียงแค่สองวันนายธาริต กลับนัดสื่อแถลงปิดคดีนอกศาล ทั้งๆ ที่ได้ต่อสู้ในคดีนี้มาอย่างเต็มที่ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ประกอบกับมีการถอนคำให้การเป็นรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาแล้ว แต่กลับมีความพยายามดิ้นเฮือกสุดท้าย กระทำการไม่สมควรจงใจบิดเบือนข้อเท็จจริงที่ถึงที่สุดแล้วนอกศาล กล่าวหากระบวนการยุติธรรมว่ามีปัญหา เมื่อการเมืองเปลี่ยนขั้ว เอาคดีของตัวเองไปพันกับผู้เสียชีวิต 99 ศพ โดยใช้ความสูญเสียที่เกิดขึ้นเป็นชนวน ซึ่งนอกจากเป็นการละเมิดอำนาจศาลอย่างชัดแจ้ง ยังมีเจตนาที่จะปลุกปั่น เพิ่มความขัดแย้งในสังคมอีกรอบ
“เราทราบกันดีอยู่แล้วว่า ความขัดแย้งที่เกิดขึ้น มีการปลุกเร้า ใช้อาวุธสงครามกันอย่างไร และเจ้าหน้าที่รัฐได้ใช้ความพยายามอย่างหนักเพียงใด ในการควบคุมความสงบตามหลักสากล จนนำความสงบคืนสู่บ้านเมือง ซึ่งผ่านกระบวนการยุติธรรมถึงที่สุดแล้ว โมฆะบุรุษอย่างนายธาริตเปลี่ยนสีตามอำนาจ ยอมตกเป็นเครื่องมือทางการเมือง ทำลายผู้อื่น ไม่มีค่าพอที่สังคมจะให้น้ำหนัก และผมได้แต่หวังว่า ศาลจะให้บทเรียนกับนายธาริตอย่างสาสม ทั้งการประวิงเวลา และความพยายามปั่นป่วนนอกศาล อันเป็นการละเมิดอำนาจศาลอย่างที่ทำอยู่ในขณะนี้” นายเชาว์ ระบุทิ้งท้าย